Chapter 43 : เมืองหนาม – พบเจอลู่หลัว
แดนลับขอบเขตที่5 – ภูเขาปิศาจชั้นต่ำ
หลังผ่านประตูแสงเข้ามาหลินเซวียนก็พบกับยอดเขาที่ตั้งตะหง่านสูงเลยหมู่เมฆ
ยอดเขานั้นสูงกว่า900เมตรและแบ่งออกเป็น9ชั้น ในทุกๆ100เมตรจะมีหนึ่งชั้น ถ้ำของพวกราชันย์แดนลับจะตั้งอยู่ที่ด้านบนสุด
อสูรในภูเขาปิศาจชั้นต่ำนั้นมีหลากหลายคุณสมบัติไล่ไปตั้งแต่กายภาพ เวทย์มนตร์ ไฟ สายฟ้า น้ำแข็งและพิษ
ตามข้อมูลที่ได้มาจากทางองค์กรทำให้หลินเซวียนทราบว่าไอเทมที่ดรอปจากอสูรภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำนั้นดีเยี่ยมทุกชิ้น
ไอเทมค่าสถานะนั้นมี แผงคอหมาป่าสายลม (ความเร็วในการเคลื่อนที่+1%) , เขี้ยวหมู (ความเร็วในการโจมตี+1%) , เปลือกไม้เก่าแก่ (อัตราการบล็อกการโจมตี+1%) , และรากป่าน (ความเร็วในการฟื้นฟูพลังงาน+1%)
ส่วนหนังสือสกิลนั้นมีตรวจสอบระดับสูงซึ่งเป็นสกิลติดตัวที่ทำให้สามารถสัมผัสเป้าหมายได้หลายเป้าหมายภายในรัศมี100เมตร
ย่องเบา - สกิลติดตัวที่ลดการตรวจจับลงได้30%
กายาหนามขั้นสูง – สกิลติดตัวซึ่งจะเพิ่มความเสียหายจากการสะท้อนถึง60%
ระเบิดเพลิง – สกิลเรียกใช้งานและเป็นสกิลโปรดของเหล่าจอมเวทย์ไฟ
หอกน้ำแข็ง – สกิลเรียกใช้งานที่ผสมผสานทั้งการโจมตีทางกายภาพและความเสียหายธาตุน้ำแข็ง
นอกจากนี้ก็ยังมีสกิลอย่างกายาอสูรซึ่งเป็นสกิลติดตัวที่จะเพิ่มความเสียหายเวทย์มนตร์และค่าต้านทานเวทย์มนตร์ +10%
นอกจากนี้ยังมีไอเทมประเภทอุปกรณ์อีกหลายชนิดที่สามารถดรอปได้ ยังไงก็ตามกลับไม่มีอุปกรณ์สวมใส่ชนิดใดเลยในภูเขาปิศาจชั้นต่ำที่เหมาะกับหลินเซวียน ชุดเซ็ตส่วนใหญ่ของแดนลับนี้เหมาะกับนักธนูหรือจอมเวทย์มากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือภูเขาอสูรปิศาจนั้นมีแร่หายากอยู่เป็นจำนวนมาก!
แร่ในถ้ำหินยักษ์นั้นไม่อาจเติมเต็มความต้องการของหลินเซวียนได้อีกต่อไป ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่หลินเซวียนจะต้องลบกิ้งก่ากลืนทองออกจากหนึ่งในสล็อตของร่างอวตารและใช้สล็อตนั้นกับอสูรภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำแทน
เมื่อหลินเซวียนมาถึงเขาก็บังเอิญเห็นว่าเหวินเซี่ยงเองก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อสำรวจแดนลับอยู่เช่นกัน
“โล่วิญญาณ บังเอิญจริงๆ” เหวินเซี่ยงที่พึ่งจะสังหารหมาป่าอสูรโลหิตด้วยหมัดอันทรงพลังของเขาก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเอ่ยทัก
หลินเซวียนพยักหน้ารับเล็กน้อยและเดินตามเส้นทางคดเคี้ยวของภูเขาขึ้นไปด้านบนโดยไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ความสูงระดับต่ำเลยแม้แต่น้อย
เหวินเซี่ยงลูบปาก “โล่วิญญาณก็ยังคงทะเยอทะยานเหมือนเดิม!”
หลินเซวียนยังคงมุ่งหน้าต่อไป หลังจากมาถึงชั้นที่ความสูง700เมตรเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจำนวนและความแข็งแกร่งของอสูรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เขาทำการลบกิ้งก่ากลืนทองออกจากการเป็นร่างอวตารในทันทีและลงมือสังหารอสูรสองตัวที่มีค่าสถานะดีเยี่ยมภายในภูเขาปิศาจชั้นต่ำ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนให้พยัคฆ์เลือดอสูรและงูเหลือมเลือดอสูรกลายเป็นร่างอวตารร่างใหม่ของเขา
[พื้นที่ในปัจจุบัน : ภูเขาปิศาจชั้นต่ำชั้นที่7 (3700เหรียญทั่วไป/นาที , 18500แต้มค่าประสบการณ์/นาที]
เช่นนี้แล้วในปัจจุบันก็เท่ากับว่าเขามีร่างอวตารฝึกฝนอยู่หกร่าง สี่ในหกนั้นอยู่ที่ทุ่งราบเพลิงผลาญซึ่งเป็นแดนลับขอบเขตที่4และสองนั้นอยู่ในภูเขาปิศาจชั้นต่ำ – แดนลับขอบเขตที่5
เขาจำเป็นต้องใช้แต้มค่าประสบการณ์ทั้งหมด4.5พันล้านแต้มเพื่ออัพเลเวลจากเลเวล1เป็นเลเวล9ขอบเขตที่5
ถ้ารวมเวลาที่ต้องใช้ไปกับการอัพเกรดสกิล อุปกรณ์และชิ้นส่วนรูนให้กลายเป็นเลเวล9ด้วย ระยะเวลาโดยรวมคงแทบจะไม่อาจจินตนาการได้
“ยังไงก็มีองค์กรเจอร์มินอลอยู่ด้วยถือได้ว่าปลอดภัยมาก ไม่ต้องรีบก็ได้”
“รอจนกว่าจะได้หนังสือสกิลทั้งหมดของทุ่งราบเพลิงผลาญมาก่อนแล้วค่อยยกเลิกร่างอวตารฝึกฝนที่อยู่ที่นั่นทิ้งให้หมด”
เขาจำเป็นต้องใช้หนังสือสกิลเกรดสีขาวทั้งหมด16เล่มเพื่อผสานพวกมันให้กลายเป็นหนังสือสกิลเกรดสีทองเพียงเล่มเดียว
ในเมื่อความสามารถในการฟาร์มของเขานั้นไร้ขีดจำกัด หลินเซวียนย่อมไม่อยากจะปล่อยทิ้งไว้ให้เสียดายภายหลัง
จากนั้นหลินเซวียนก็เดินกลับทางเดิม
เมื่อเขากลับมาถึงชั้นที่1ก็พบกับเหวินเซี่ยงที่ยังคงสังหารหมาป่าเลือดอสูรอยู่ที่นี่
“เอ๋? นายจะไปแล้วหรอ?” เขาประหลาดใจยิ่งนัก
หลินเซวียนพยักหน้า “ฉันว่าฉันทะเยอทะยานเกินไปหน่อย เมื่อกี้ไปได้แค่300เมตรก็ได้รับบาดเจ็บซะแล้ว”
เหวินเซี่ยงเอ่ยปลอบ “ไม่เป็นไรหรอกๆ ถ้างั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ”
หลังจากบอกลาเหวินเซี่ยง หลินเซวียนก็หาสถานที่ร้างผู้คนและเปลี่ยนอุปกรณ์สวมใส่ของโล่วิญญาณออกกลับมาเป็นนักกู้ซากแดนรกร้างที่ทำตัวต่ำติดดินและระแวดระวังไปเสียทุกเรื่องตามปกติ
“มิติส่วนตัวตอนนี้ค่อนข้างคับแคบแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีเหรียญทั่วไปตุนเอาไว้ตั้งเยอะ ได้เวลาอัพไซส์ซักที”
หลินเซวียนใช้เหรียญทั่วไปเป็นจำนวนเพื่อเปลี่ยนมิติส่วนตัวอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน
[มิติส่วนตัว : เลเวล6]
[ความจุ : 400 ลูกบากศ์เมตร]
[โต๊ะหลอมไอเทม : โต๊ะที่1 (ปัจจุบันกำลังหลอมแร่ , โต๊ะที่2 (ปัจจุบันกำลังหลอมอุปกรณ์) , โต๊ะที่3 (ปัจจุบันกำลังหลอมรูน)]
[โต๊ะสร้างไอเทม : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน) , โต๊ะที่2 (ไม่ได้ใช้งาน) , โต๊ะที่3 (ไม่ได้ใช้งาน)]
[โต๊ะสังเคราะห์ไอเทม : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน , คลิ๊กเพื่อตรวจสอบรายการที่สามารถสังเคราะห์ได้]
[โต๊ะหลอมโอสถ : โต๊ะที่1 (ไม่ได้ใช้งาน) , คลิ๊กเพื่อตรวจสอบรายการยาที่สามารถปรุงได้]
ณ ปัจจุบันโต๊ะทำงานทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล3แล้วทั้งสิ้นซึ่งก็เพิ่มค่าประสิทธิภาพถึง50%
โต๊ะทำงานเลเวล4จะเพิ่มค่าประสิทธิภาพถึง100%หากเทียบกับโต๊ะเลเวล1 เพื่ออัพเกรดโต๊ะเลเวล3เป็นเลเวล4จำเป็นต้องใช้เงิน1ล้านเหรียยทั่วไป
หลินเซวียนยกระดับโต๊ะทำงานทำหมดให้กลายเป็นเลเวล4ภายในลมหายใจเดียว
“เอาล่ะๆได้เวลาเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว!”
ครึ่งเดือนต่อมา - ช่วงกลางคืน
หลินเซวียนส่งร่างแยกออกไปและมุ่งหน้าไปยังเมืองหนาม
ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่เขาทำเพียงแค่มองจากที่ไกลๆเท่านั้นและไม่ได้เข้าไปภายในตัวเมือง
ยังไงก็ตามครั้งนี้เขาวางแผนว่าจะเข้าไปดูเสียหน่อย บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลอะไรดีๆมาจากคนเหล่านี้ก็เป็นได้
ยังไงเสียร่างกายนี้ที่เขาได้มาก็มีแต่ความทรงจำน่าสังเวชเพียงเท่านั้น
ตั้งแต่ภัยพิบัติอสูรเข้าทำลายเมืองทะเลสาบตะวันออก หลินเซวียนคนเก่าก็รั้งอยู่ในเมืองทะเลสาบตะวันออกมาโดยตลอดและไม่มีความคิดที่ออกไปยังโลกภายนอกเลย
เนื่องจากการมีอยู่ของพวกอสูรที่เตร่ไปเตร่มาอยู่ในแดนรกร้างการคมนาคมทั้งหมดจึงถูกตัดขาดและข้อมูลเองก็หาได้ยากยิ่ง
หลินเซวียนสวมใส่ชุดคลุมสีดำเช่นคราวก่อน ใบหน้าของเขาถูกปกปิดเอาไว้โดยหน้ากากและไม่มีใครสามารถรับรู้ตัวตนของเขาได้แน่นอน
คนอื่นๆรับรู้จากลักษณะภายนอกของเขาเพียงว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนที่น่าข้องแวะด้วยเพียงเท่านั้น
หลินเซวียนเดินเข้าไปในเมืองหนาม
ยังไงก็ตามเขากลับสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรจำนวนมากรอบกายได้อย่างชัดเจน
หลินเซวียนเรียกใช้งานสกิลตรวจสอบเพื่อตรวจสอบคนของเมืองหนามทีละคนๆ หน้าต่างข้อมูลของคนพวกนี้เผยความลับทั้งหมดออกมาให้เขาเห็น ทุกๆสิ่งนั้นชัดเจนราวกับกระจกใส
ในตอนที่เขากำลังคิดอยู่ก็พบว่านักสู้ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่นั้นมีเพียงขอบเขตที่0กับขอบเขตที่1เท่านั้น
กระทั่งนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่1เองก็มีน้อยมาก
ยังไงก็ตามเมื่อเขาเห็นเงาร่างร่างหนึ่งที่บริเวณมุมถนนมันกลับทำให้อารมณ์ของเขาสั่นคลอน
เพราะคนผู้นี้คือลู่หลัว!
ร่างของลู่หลัวในตอนนี้ปกคลุมอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวโคร่ง ตัวเสื้อคลุมนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นดินและใครก็ตามที่ไม่รู้ก็มักจะมองว่าเธอเป็นเพียงผู้อพยพทั่วไปเท่านั้น
“ลู่หลัวมาทำอะไรที่นี่? หรืออยากจะลองหาประสบการณ์แบบคนทั่วไปดูบ้าง?” หลินเซวียนสับสนยิ่งนัก
จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าลู่หลัวกำลังมองมาที่เขาด้วยสกิลตรวจสอบของเจ้าหล่อน
ยังไงก็ตามค่าสถานะของหลินเซวียนที่แสดงให้เห็นนั้นล้วนถูกปลอมแปลงมาเป็นอย่างดี มันไม่ได้ทรงพลังหรืออ่อนแอจนเกินไปนัก
ในสายตาของลู่หลัวเขาเป็นเพียงนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่3ที่มีค่าสถานะทั่วๆไปเท่านั้น
หลินเซวียนคิดไปคิดมาก็วางแผนว่าจะหาที่นั่งซักหน่อย
“เฮ้ยไอ้คนนอก ที่นี่คือเมืองหนามดังนั้นถ้าอยากจะอยู่ที่นี่นายก็ต้องจ่ายเงินมา!” นักสู้สามคนเดินมาทางเข้าด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
หลินเซวียนถอนหายใจ อีเว้นท์ที่ต้องมีคนเข้ามาหาเรื่องแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ หลินเซวียนถามออกไป “เท่าไหร่?”
นักสู้คนนั้นแลบลิ้นเลียริมฝีปากและมองไปว่าหลินเซวียนคือปลาใหญ่ตัวหนึ่ง “หนึ่งพัน..ไม่สิ...หนึ่งหมื่นเหรียญ!”
อีกฝ่ายเป็นเพียงนักสู้เลเวล3ขอบเขตที่1และมีเงินเก็บอยยู่เพียง900เหรียญเท่านั้น
ถ้าเขารีดเงินจากเจ้าแกะอ้วนนี่ได้ก็คงไม่เลว
หลินเซวียนพยักหน้า “เข้ามาใกล้ๆสิฉันจะได้เทรดให้”
นักสู้คนนั้นแสยะยิ้มและเดินเข้าหาเขาโดยไม่ระแวดระวังแม้แต่น้อย
พริบตาต่อมาบริเวณฝ่ามือของหลินเซวียนก็พลันมีอุณหภูมิร้อนจัดหลั่งไหลออกมาและเจาะทะลวงหน้าอกของนักสู้คนนั้นในชั่วพริบตา หน้าอกของอีกฝ่ายถูกเผาไหม้จนกลายเป็นรูกลวงโปร่งใส
ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างและล้มลงแน่นิ่ง
นักสู้ที่อยู่รอบๆผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
อีกฝ่ายสามารถสังหารนักสู้เลเวล3ขอบเขตที่1ได้ในชั่วพริบตา
คนนอกผู้นี้มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่?