Chapter 42 : พวกนั้นคิดว่าฉันแข็งแกร่งมาก
เงาร่างทั้งสองล่อนลงตรงจุดที่ร่างแยกของหลินเซวียนเคยอยู่
แม้ว่าจะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้วแต่ตรงจุดนี้กลับสว่างเจิดจ้าเนื่องจากเปลวเพลิงที่เผาไหม้
ศพของเสือที่ถูกเผาจนเกรียมบนพื้นนั้นยิ่งน่าฉงนยิ่งกว่า
เปลวเพลิงนั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของคนทั้งสอง
หนึ่งคือชายวัยกลางคนท่าทางสุขุมและอีกหนึ่งคนคือชายหนุ่มท่าทางเย็นชาที่มีใบหน้าบูดบึ้ง
เป็นผู้จัดการหมายเลข2กับหมายเลข3นั่นเอง
“มีนักสู้ที่ใช้สกิลเวทย์ธาตุไฟผ่านมาสินะ” ผู้จัดการหมายเลข2ค่อนข้างประหลาดใจอยู่บ้าง
ผู้จัดการหมายเลข3เอ่ย “ต่อให้นายไม่บอกฉันก็รู้”
“ถ้างั้นนายได้สังเกตไหมว่าอสูรขอบเขตที่5ตัวนี้ถูกสังหารในการโจมตีเดียว?” ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยเย้า
สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข3เปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาไม่ทันสังเกตจริงๆ
เขาก่อตัวลงและลองสำรวจอย่างระมัดระวัง หนนี้กว่าเขาจะรู้รายละเอียดก็ผ่านไปห้านาทีแล้ว
“นักสู้ที่ผ่านมาอย่างน้อยก็ตองมีเลเวลอยู่ระหว่างเลเวล1ถึงเลเวล3ขอบเขตที่6นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารอีกฝ่ายลงได้ในการโจมตีเดียว ฉันเดาว่าน่าจะเป็นคนที่ถูกส่งมาจากกองพลก่อสร้างจากทางเหนือเพื่อตรวจสอบองค์กรเจอร์มินอลของพวกเรา”
“ฉันได้ยินมาว่ากองพลก่อสร้างกำลังขาดกำลังคน พวกเราควรจะเปิดฉากโจมตีกองพลก่อสร้างให้เร็วที่สุดไม่อาจล่าช้าได้”
ผู้จัดการหมายเลข2กอดอกและเดินวนไปวนมา “การวิเคราะห์ของนายยังไม่ดีพอ”
“ยังดีไม่พอ?”
“ผู้ที่ผ่านมานั้นใช้สกิลบอลเพลิงและสกิลนี้หาได้ง่ายมาก เป็นสกิลที่เห็นได้ทั่วไปในแดนลับขอบเขตที่2หรือสอง หนังสือสกิลบอลเพลิงนั้นไม่ได้ดรอปจากแดนลับระดับสูง” หมายเลข2อธิบายอย่างช้าๆ “นอกจากนี้หนังสือสกิลที่ดรอปมายังเป็นแค่เกรดสีขาวเท่านั้นและไม่เคยมีบอลเพลิงที่มีระดับสูงดรอปลงมาเลย”
สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข3ตื่นตะลึง
“พูดง่ายๆก็คือมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนรู้บอลเพลิงแบบจริงจัง ถ้าพวกเขาได้สกิลที่ดีกว่ามาก็จะละทิ้งบอลเพลิงทันทีและใช้ทรัพยากรที่มีไปกับสกิลเหล่านั้นแทน”
ผู้จัดการหมายเลข2วิเคราะห์อย่างมั่นใจ
“นักสู้ที่ผ่านมาผู้นี้ใช้เพียงบอลเพลิงธรรมดาๆแต่กลับสามารถเจาะทะลวงร่างของอสูรเลเวล6ขอบเขตที่5ได้ คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าค่าพลังจิตของอีกฝ่ายจะต้องสูงน่าหวาดกลัวอย่างแน่นอน! ถ้าคนผู้นี้มาจากกองพลก่อสร้างจริงๆก็คงต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่คนระดับนี้จะถูกส่งออกมาทำงานอันตรายอย่างการลาดตระเวนแบบนี้”
ผู้จัดการหมายเลข2หัวเราะ “นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างที่พิสูจน์ได้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้มาจากกองพลก่อสร้าง สิ่งนี้เองคือสิ่งที่นายไม่ทันสังเกตอีกหนึ่งจุด”
หมายเลข3ขมวดคิ้ว “อะไรล่ะ?”
“เมื่อตอนมาถึงเมืองไป๋สุ่ยนักสู้ผู้นี้พบเจอกับเสือโง่นี่โดยบังเอิญเท่านั้นและเจ้าเสือนี้ก็ถูกเขาสังหารไปอย่างง่ายดาย”
“หลังจากนั้นก็ต้องขอบคุณสกิล ‘ตรวจสอบวงกว้าง’ ของหมายเลข1ที่ทำให้เขาตรวจพบสถานการณ์ตรงนี้และบอกให้พวกเรารีบมาตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเมื่อตอนพวกเรามาถึงพวกเรากลับพบเพียงซากร่างไหม้เกรียมของเสือนี่เท่านั้นแต่กลับไม่เห็นผู้กระทำเลย”
“ตอนนี้ลองเดาดูสิ นายคิดว่าความเร็วของเขาจะสูงเท่าไหร่กัน?” หมายเลข2ก้มตัวลงและจ้องเข้าไปในดวงตาของหมายเลข3
สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข3ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นไปอีก
“คนที่กองพลก่อสร้างชุบเลี้ยงนั้นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับค่าสถานะของพวกเขาเลย คนจำพวกที่ใส่ใจกับการจัดสรรค์ค่าสถานะนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหมาป่าเดียวดายมากกว่า”
“ในความคิดของฉันคนผู้นี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นขอบเขตที่6 มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่6เหมือนกับพวกเรา เขาน่าจะกำลังตามหาแดนลับที่ไม่ได้ถูกองค์กรควบคุมและเสาะหาวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง ส่วนเหตุผลที่เขามาโผล่ที่นี่น่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น”
ผู้จัดการหมายเลข2พูดถึงอีกฝ่ายตามความคิดที่ตนมี
ผู้จัดการหมายเลข3พยักหน้าเล็กน้อยแต่ก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเราคงต้องระวังแล้วล่ะถ้ามีคนแบบนี้โผล่มาใกล้ๆฐาน”
หมายเลข2ยิ้มอีกครั้ง “นายทำพลาดอีกรอบแล้ว”
“คนผู้นี้หลีกเลี่ยงฐานของพวกเราอย่างเห็นได้ชัดและจากไปทันทีเมื่อพวกเรามาถึง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยากจะเป็นศัตรูกับองค์กร”
ผู้จัดการหมายเลข3ขมวดคิ้ว “ถ้างั้นเราควรจะปล่อยไปรึไง?”
หมายเลข2พยักหน้า “ปล่อยไปเถอะ ฉันกลับล่ะ”
กล่าวจบเขาก็กลับไปทางที่ตัวเองมาอย่างไม่รีบร้อนนัก
ผู้จัดการหมายเลข3ส่ายหน้าและเดินตามอีกฝ่ายไป
ค่ำคืนอันยาวนานนั้นเต็มไปด้วยหมู่ดาว
ในห้องพักเดี่ยวของหลินเซวียนภายในองค์กรเจอร์มินอล
“เลื่อนขั้น!”
เขาพึมพำออกมา
ภายในมิติส่วนตัวของเขา วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงห้าชิ้นแปรเปลี่ยนไปเป็นละอองแสงและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา
เช่นเดียวกับครั้งก่อน วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงทั้งห้าชิ้นนั้นเพิ่มค่าสถานะทั้งหมดของเขาขึ้นมา15แต้มซึ่งก็หมายความว่าค่าสถานะโดยรวมของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง60แต้ม
“ไหนดูหน้าต่างข้อมูลหน่อยซิ”
[ชื่อ : หลินเซวียน]
[ระดับ : เลเวล1ขอบเขต5]
[ค่าประสบการณ์ : 114514 / 100ล้าน]
[ค่าสถานะ : ความอดทน 273 , พละกำลัง 92 , พลังจิต 93 , ความเร็ว 88]
[สกิล : อำนาจแห่งราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ , เกราะกระดูกครอบจักรวาล , เปลือกพฤกษาบรรพกาล , กายาหนาม , กายาเหล็ก , เกราะเวทย์มนตร์ , กำแพงเหล็ก , กำแพงเหล็กพฤกษาเปลือกเหมันต์ , ราชันย์ปิศาจแห่งความโกรธ , บอลเพลิง , วงแหวนเพลิง , ต้านทานธาตุขั้นพื้นฐาน , ตรวจสอบ , ร่างแยก , อ่อนแอ , ปลอมแปลง , ตรวจจับ...]
[อุปกรณ์สวมใส่ : ค้อนโล่ราชันย์มังกรดิน , โล่นักล่ามังกร , ชุดเซ็ตจ้าวเหนือหัว , ชุดเซ็ตปราการยักษ์ , ชุดเซ็ตหมอพิษ , ชุดเซ็ตป้อมปราการ , ตำราเพลิงผลาญ , แหวนจาเวียร์...]
[รูน : ชุบทอง (ครบ) , โอสถจิตวิญญาณแห่งความตาย (ครบ) , อัสนีสลายความมืด (1) , ให้เพลิงชำระล้างทุกสิ่ง (1/2) , คลื่นสีชาด (1)]
นอกจากสกิลหายากบางสกิลแล้ว สกิลอื่นๆที่เขามีเช่นตรวจสอบ ร่างแยก อ่อนแอ ปลอมแปลง ตรวจจับ เกราะกระดูกครอบจักรวาล บอลเพลิงและวงแหวนเพลิงนั้นล้วนถูกอัพเกรดจนเป็นเกรดไร้ที่ติสีทองจนหมดแล้ว
หลายๆสกิลเมื่อยกระดับเกรดของพวกมันเพิ่มขึ้นความสามารถของพวกมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน ยกตัวอย่างเช่นค่าความเสียหายจะเพิ่มมากขึ้นและระยะเวลาคูลดาวน์ อัตราการเผาผลาญพลังเวทย์และข้อจำกัดในการเรียนรู้จะลดลง
“ดีมาก ได้เวลานอนแล้ว”
หลินเซวียนล้มตัวลงนอนด้วยความพอใจและหลับไป
หลายวันถัดมาเขาก็ยังคงปล่อยร่างแยกออกไปทุกคืนและให้มันมุ่งหน้าไปทั้งทางตะวันออก ใต้และทางเหนือ ตะวันตกของเมืองก็คือทะเลสาบตะวันออก ไม่จำเป็นต้องอ้อมให้ไกลเสียเปล่าดังนั้นเขาจึงไม่ส่งร่างแยกไปทางทิศตะวันตก
สิบห้ากิโลเมตรห่างออกไปทางทิศตะวันออกเขาพบเข้ากับประตูแสงที่มีความสูงหนึ่งเมตรซึ่งก็อุปมาได้ว่าเป็นแดนลับระดับ0ไม่ก็1
บางทีอาจจะเป็นทรัพยากรภายในแดนลับแห่งนี้มันไร้ค่าเกินไปหรืออาจจะเป็นเพราะไกลเกินไปทำให้แดนลับแห่งนี้ไม่ถูกองค์กรใหญ่ใดๆอย่างเช่นองค์กรเจอร์มินอลครอบครอง
ตอนนี้ประตูแสงนี้ถูกนักสู้ขอบเขตที่1และ0บางกลุ่มยึดครองเอาไว้ พวกเขาตั้งค่ายล้อมรอบประตูแสงเพื่อก่อตั้งชุมชนผู้อพยพขนาดเล็กๆขึ้นมา
เมื่อร่างแยกของหลินเซวียนออกสำรวจทางใต้เขาก็พบเข้ากับอสูรจำนวนมาก หลังจากสังหารไปตลอดทางเขาก็พบเข้ากับอสูรเลเวล7ขอบเขตที่6เข้า ทั่วร่างของมันนั้นปกคลุมเอาไว้ด้วยเปลวเพลิงและสามารถบอกได้เลยว่าค่าต้านทานไฟของมันสูงมาก
หลังจากคิดอยู่ซักพักหลินเซวียนจึงยอมแพ้ที่จะออกสำรวจทางใต้
ทางเหนือหลังจากผ่านเมืองไป๋สุ่ยไปก็มีเมืองเล็กๆอีกเมือง ที่แปลกก็คือกลุ่มคนที่ยึดครองที่นี่ไม่ใช่องค์กรอย่างเจอร์มินอลแต่เป็นกลุ่มนักสู้ที่เรียกตนเองว่า ‘กองพลก่อสร้าง’
เพื่อความระมัดระวังหลินเซวียนจึงไม่ได้ให้ร่างแยกเข้าไปใกล้นัก กลับกันเขาบังคับให้ร่างแยกสอดส่องพวกนั้นจากที่ไกลๆแทน
เช่นนี้แล้วแผนที่ทั่วทั้งบริเวณจึงค่อยๆชัดเจนในหัวของเขา
“ฐานขององค์กรเจอร์มินอลตั้งอยู่ที่เมืองทะเลสาบตะวันออก ทางเหนือเป็นเมืองไป๋สุ่ยและไกลออกไปเป็นเมืองเครนขาว โดยเมืองนี้มีกลุ่มคนที่เรียกขานตนเองว่ากองพลก่อสร้างยึดครองอยู่”
“ทางตะวันตกคือทะเลสาบตะวันออกและไกลออกไปทางตะวันตกคือแม่น้ำสีเงิน แม่น้ำสีเงินนี้เชื่อมต่อกับทะเลตะวันออก อสูนที่มาจากแดนลับเมืองบาดาลก่อนหน้านี้เองก็มาตามกระแสน้ำและเข้าโจมตีองค์กรเจอร์มินอลจากทางด้านตะเลสาบตะวันออก”
“ทางตะวันออกของฐานคือค่ายขนาดเล็ก ชื่อของค่ายถูกตั้งตามชื่อของแดนลับ – ป่าหนามและที่แห่งนี้ถูกเรียกกันว่า ‘เมืองหนาม’ ภายในเมืองมีนักสู้ขอบเขตที่1อยู่เกือบ60คนและขอบเขตที่0อีกหลายร้อย ค่อนข้างวุ่นวาย”
“ทางใต้นั้นอันตรายมาก มีอสูรปิศาจมากมายเดินเตร่อยู่แถวนั้น นอกจากนี้ยังมีกระทั่งอสูรขอบเขตที่6ด้วย”
หลินเซวียนขบคิดและเชื่อว่าการมุ่งหน้าขึ้นเหนือคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“องค์กรเจอร์มินอลดูเหมือนจะไม่มีแดนลับระดับหก หลังจากเราจัดการกับภูเขาปิศาจชั้นต่ำซึ่งเป็นแดนลับระดับ5เสร็จแล้วและเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขอบเขตที่6ก็คงต้องจากไปซักที...”