Chapter 40 : ชนะจนชิน
ไม่นานหลังจากคนทั้งสองหายเข้าไปในถ้ำก็ปรากฏเงาร่างร่างหนึ่งเข้ามาในเขตที่9
เป็นโม่หยวน
คราแรกเขาค่อนข้างมีความสุขยิ่งนักเมื่อเห็นว่ามีตนเพียงคนเดียวและคิดไปว่าเขาคือคนแรกที่มาถึง
“...หืม ดูเหมือนจะมีคนบางกลุ่มกำลังสู้อยู่กับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์แฮะ”
โม่หยวนยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก กลับกลายเป็นว่าเขาดีใจเร็วเกินไป
“ไม่คิดเลยว่าจะมีคนแปดคนที่มาถึงก่อนเรา ฉันนี่อ่อนแอเกินไปจริงๆ” เขาถอนหายใจและรู้สึกอับอายกับความยินดีเมื่อครู่
ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบตัวเองเงาร่างสองร่างก็รีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากหนึ่งในถ้ำที่ว่าเสียก่อน
บนร่างกายของทั้งคู่มีรอยไหม้ขนาดใหญ่ปรากฏอยู่มากมายและกระทั่งอุปกรณ์สวมใส่เองก็ยังได้รับความเสียหาย พวกเขาจำต้องกลับไปยังองค์กรเพื่อหาช่างตีเหล็กมาซ่อมอุปกรณ์
แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายนั้นสูงมาก
ริมฝากปากของเหวินเซี่ยงบิดกระตุกด้วยความเจ็บปวด
สีหน้าของลู่หลัวเองก็ไม่ดีนักแต่เจ้าหล่อนยังอดทนอดกลั้นเอาไว้
โม่หยวนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “พี่เหวิน พี่สาวลู่พวกคุณเข้าไปสู้กับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์แค่สองคนหรอ? อย่างน้อยก็น่าจะรออีกซักสองคนสิ”
เหวินเซี่ยงยิ้มขม “ฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกแต่ฉันโดนบีบให้ต้องทำ”
ลู่หลัวเอ่ยต่อ “ถ้าพวกเราไม่ลองตอนนี้เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ลองแล้ว แน่นอนว่าตอนนี้ฉันบอกได้เลยว่าต่อให้เข้าไปสู้ก็ไม่ชนะอยู่ดี”
หลังจากได้ยินคำกล่าวของพวกเขาโม่หยวนก็สับสนยิ่งนัก
นี่มันหมายความว่ายังไง? ใครกันที่บีบให้พวกเขาต้องทำ?
ในเวลานี้เองโล่วิญญาณก็ได้เดินออกมาจากถ้ำอีกถ้ำด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอและเข้าไปในถ้ำถัดไป
ส่วนรูปด้านบนถ้ำก่อนหน้านี้ก็ได้เปลี่ยนจากราชันย์เสือดาวเพลิงไปเป็นราชันย์งูเหลือมเพลิงเรียบร้อย
เหวินเซี่ยงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายับยู่ยี่ “นี่เป็นถ้ำที่สามของหมอนั่นแล้ว...ที่ลองไปเมื่อครู่ก็เพราะฉันกลัวว่าฉันคงจะไม่มีโอกาสได้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับราชันย์มากประสบการณ์ยังไงล่ะ”
ลู่หลัวเอ่ยต่อ “มั่นใจในตัวเองหน่อยแล้วก็สลัดพวกความกังวลพวกนั้นไปได้แล้วน่า”
เหวินเซี่ยง “...”
หลังจากประติดประต่อเรื่องราวได้ โม่หยวนที่มีใบหน้าโง่งมก็เข้าใจในที่สุด เขากำหมัดแน่น กัดฟันและเอ่ยออกมา “โล่วิญญาณสู้กับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์มา3ตัวแล้ว?”
เหวินเซี่ยงและลู่หลัวพยักหน้ารับอย่างไร้เสียง
สีหน้าของโม่หยวนดูราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
ถัดจากคนทั้งสาม จำนวนของนักสู้ที่มาถึงเขตที่เก้าก็ค่อยๆเพิ่มขำนวนขึ้นเป็น6 เก้าแล้วก็สิบสาม
หากแต่เหวินเซี่ยงและลู่หลัวนั้นได้รับบาดเจ็บและจำเป็นต้องพักฟื้นอย่างน้อยหนึ่งวันถึงจะสู้ต่อได้
คนอื่นๆลองคิดตามจากข้อมูลที่ได้มาและเกิดรู้สึกไม่มั่นใจหรือบางกลุ่มก็ไม่กล้าที่จะท้าทายราชันย์
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงมองโล่วิญญาณโชว์เดี่ยว
ตัวที่สาม ตัวที่สี่...หก...แปดจนกระทั่งเก้า!
หลินเซวียนเดินออกมาจากถ้ำสุดท้ายด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เขาไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย เขาจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งเก้าได้ลุล่วงแล้ว!
ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์เหล่านี้ดรอปวัตถุดิบเลื่อนขั้นให้กับเขาถึง37ชิ้น!
นอกจากนั้นแล้วเขายังสังหารเต่าหินเพลิงที่มีสกิลเกรดสีทองและได้สกิลของมันอย่าง - ราชันย์ปิศาจแห่งความโกรธมาด้วย!
...
[ชื่อสกิล : ราชันย์ปิศาจแห่งความโกรธ]
[ระดับ : เลเวล9ขอบเขต4]
[คุณภาพ : ไร้ที่ติสีทอง]
[ข้อจำกัดในการเรียนรู้ : ความอดทน 89 , พลังจิต 66]
[ความสามารถ : ความเสียหายธาตุไฟ+15%ถาวร , ต้านทานไฟ+15%ถาวร , พลังเวทย์(มานา)+100ถาวร]
[ความสามารถที่2 : เรียกใช้งานโดยการใช้มานา40%เพื่อเพิ่มความเสียหายจากธาตุไฟ25% ต้านทานธาตุไฟ35%เป็นเวลา20วินาที]
[ความสามารถที่3 : เวทย์มนตร์ธาตุไฟทุกประเภทจะลดอัตราการใช้มานาลง10% , ข้อจำกัดในการเรียนรู้เวทย์มนตร์ธาตุไฟลดลง15]
…
สกิลนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเหมาะสำหรับพวกจอมเวทย์
ความสามารถของสกิลทั้งสามอย่างนั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด หลินเซวียนพบว่ากระทั่งคนอย่างเขาที่มุ่งเน้นไปกับค่าสถานะความอดทนก็ยังพอจะใช้เวทย์มนตร์ธาตุไฟบางชนิดได้หลังจากเรียนรู้สกิลนี้
“ในมิติส่วนตัวของเรามีหนังสือสกิลเวทย์มนตร์ไฟอยู่เพียบเช่นเพวกบอลเพลิงแล้วก็วงแหวนเพลิง พวกมันสามารถอัพไปเป็นเกรดสีทองได้แบบสบายๆ เดี๋ยวกลับไปแล้วค่อยลองก็แล้วกัน”
หลินเซวียนมีความสุขยิ่งนัก
เขาสงสัยเหลือเกินว่าตัวเขาในอนาคตจะเป็นยังไง
จอมเวทย์ถือโล่ยักษ์งั้นหรอ? หรือเป็นตัวแทงค์ใช้โล่ที่ใช้เวทย์ได้นิดหน่อย?
ฟังดูเหมือนกันทั้งคู่แหละ
จอมเวทย์นั้นมีทักษะการเอาตัวรอดที่ค่อนข้างอ่อนแอมาก ดังนั้นการที่จอมเวทย์ใช้โล่ขนาดใหญ่มันจะไปผิดอะไรล่ะ?
ตัวแทงค์นั้นมีความสามารถด้านการสร้างความเสียหายที่อ่อนแอดังนั้นการที่พวกเขาจะเรียนรู้สกิลธาตุไฟซักหน่อยแล้วมันทำไม?
หลินเซวียนเดินออกจากถ้ำและถูกทุกๆคนสังเกตเห็น
เหวินเซี่ยงมีสีหน้าสับสนยิ่งนักดูเหมือนเขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เจ้าหมอนี่จัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์9ตัวเพียงลำพังลงได้จริงๆด้วย
หลินเซวียนที่เห็นสีหน้ากังวลใจของคนเหล่านี้ก็เข้าใจได้ทันที
เขากระแอมออกมาเบาๆและเอ่ยขึ้น “ฉันยินดีขายวัตถุดิบเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ที่เกินมา32ชิ้นให้กับพวกคุณได้ บอกราคามาเร็วๆ!”
ทุกๆคนได้สติทันควัน
จริงด้วย!
พวกเขาเกือบลืมไปแล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายได้!
เหวินเซี่ยงที่ชะงักไปเมื่อได้สติก็ลุกพรวดขึ้นเอ่ยทันที “ฉันมีพิมพ์เขียวของหมวกคุณภาพสีทอง!”
หลินเซวียนชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “ฉันให้วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง*กับนายได้แค่1ชิ้นเท่านั้นสำหรับสิ่งนั้น”
*(วัตถุดิบเลื่อนขั้นที่ดรอปจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ = วัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง)
เหวินเซี่ยงกัดฟันแน่นและเอ่ย “ฉันยังมีรูนคุณภาพสีทองอีกสองชิ้นที่ไม่ได้ใช้ ที่ผ่านมาฉันหาคนแลกเปลี่ยนด้วยไม่ได้เลย”
“ขอฉันดูความสามารถของมันหน่อย” หลินเซวียนเหยียดมือออกไปรับรูนเกรดสีทองทั้งสองชิ้นมาดู
รูนทั้งสองนั้นคือ ‘ให้เพลิงชำระล้างทุกสิ่ง(2)’ และ ’คลื่นสีชาด(1)’
...
[ชื่อ : ให้เพลิงชำระล้างทุกสิ่ง(2)]
[ระดับ : เลเวล1ขอบเขต4]
[คุณภาพ : ไร้ที่ติสีทอง]
[ข้อจำกัดอุปกรณ์ : หนังสือเวทย์เวทย์มนตร์ คทา ลูกบอลเวทย์หรืออาวุธธาตุที่มีระดับไม่ต่ำกว่าเลเวล1ขอบเขตที่4]
[ความสามารถ : อัตราการฟื้นฟูพลังเวทย์+70%]
[ความสามารถที่2 : (ล็อค) ความเสียหายจากเวทย์มนตร์ธาตุไฟ+30%]
[ความสามารถที่3 : (ล็อค) เวทย์มนตร์ธาตุไฟจะเกิดการระเบิดครั้งที่สองหลังจากปะทะ การระเบิดกินรัศมี50เมตร]
...
...
[ชื่อ : คลื่นสีชาด]
[ระดับ : เลเวล1ขอบเขต4]
[คุณภาพ : ไร้ที่ติสีทอง]
[ข้อจำกัดอุปกรณ์ : อาวุธใดๆก็ตามที่มีระดับไม่ต่ำกว่าเลเวล1ขอบเขตที่4]
[ความสามารถ : ขีดจำกัดสูงสุดของพลังเวทย์+20%]
[ความสามารถที่2 : (ล็อค) การโจมตีจากเวทย์มนตร์ธาตุไฟจะเจาะทะลุค่าต้านทานไฟ15%ของเป้าหมาย]
[ความสามารถที่3 : (ล็อค) การโจมตีด้วยเวทย์มนตร์ธาตุไฟจะมีโอกาส10%ที่จะไม่สนใจค่าต้านทานไฟของเป้าหมายเลย]
...
ทั้งสองรูนนั้นเห็นได้ชัดเลยว่ามีไว้สำหรับเวทย์มนตร์ธาตุไฟ
หลินเซวียนไม่สนใจเรื่องอื่นใดและยินดีอ้าแขนรับพวกมันทั้งหมด “รูนทั้งสองรูนนี้ไม่เลวเลย รวมทั้งหมดฉันให้ได้4ชิ้น”
เหวินเซี่ยงดีใจยิ่งนัก “พอแล้วแค่นั่นก็พอแล้ว!”
ด้วยวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงทั้ง4ชิ้นนี้เขาสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขอบเขตที่5ได้ทันทีเมื่อกลับไป
นักสู้ขอบเขตที่5! ตัวตนระดับนี้คือเสาหลักขององค์กรเจอร์มินอลแล้ว!
การดูแลที่เขาจะได้รับจากทางองค์กรจะเพิ่มขึ้นอีกนับสิบเท่า เขาไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแลกสกิลและอุปกรณ์ที่ต้องการจากแผนกโลจิสติกอีกต่อไป
ลู่หลัวเองก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเซวียนและกระแอมเบาๆเช่นกัน “ฉันมีพิมพ์เขียวเกรดสีทองอยู่สองแผ่นแต่มีแค่สองเท่านั้นดังนั้นเลยต้องเก็บไว้กับตัวอันนึง...ฉันใช้พิมพ์เขียวเกรดสีม่วงแทนได้ไหม?”
หลินเซวียนกางนิ้วออก5นิ้ว “พิมพ์เขียวเกรดสีม่วง5แผ่นแลกกับวัตถุดิบระดับสูงหนึ่งชิ้น”
ลู่หลัวขมวดคิ้วมุ่น “หน้าเลือด! มโนธรรมนายมีปัญหารึไง?”
หลินเซวียนตอบกลับ “เธอพูดถึงอะไร? ฉันไม่มีมโนธงมโนธรรมอยู่แล้ว”
ลู่หลัวหมดคำจะพูดทันที เจ้าหล่อนได้พิมพ์เขียวเกรดสีม่วงมาเพียงสามแผ่นเท่านั้นจากการสำรวจทุ่งราบเพลิงผลาญ ได้มายังไม่ทันอุ่นก็ต้องมอบพวกมันออกไปเสียแล้ว
ท้ายที่สุดลู่หลัวก็ใช้พิมพ์เขียวเกรดสีทอง1แผ่นกับเกรดสีม่วงอีก5แผ่นเพื่อแลกกับวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูง2ชิ้น
เธออยากจะใช้เหรียญทั่วไปเพื่อแลกเพิ่มแต่หลินเซวียนปฏิเสธ
จากนั้นนักสู้ขอบเขตที่9อีกหลายคนต่างก็ตบเท้าพากันเข้ามาแลกเปลี่ยนวัตถุดิบเลื่อนขั้นระดับสูงไป
พวกเขาใกล้จะเลื่อนขั้นแล้ว ในเมื่อข้อเสนอของหลินเซวียนนั้นดีงามกว่าหากเทียบกับการแลกเปลี่ยนกับแผนกโลจิสติกขององค์กรดังนั้นพวกเขาย่อมไม่พลาดโอกาสเช่นนี้
เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้หลินเซวียนจึงได้พิมพ์เขียวเกรดสีทอง หนังสือสกิลและรูนมาเป็นจำนวนมาก
เขาเริ่มชินชากับความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะแล้วสิ