Chapter 39 : นักสู้เลเวล9ขอบเขตที่4
สองวันให้หลัง
หลินเซวียนยังคงอยู่ในเขตที่1
ยังไงก็ตามร่างอวตารฝึกฝนทั้งสี่ของเขาก็ยังคงฟาร์มอยู่ในเขตที่7เหมือนเดิม
สิ่งที่ได้จากการฟาร์มในเขตที่7ของแดนลับทุ่งราบเพลิงผลาญก็คือเหรียญทั่วไป 2800 เหรียญทั่วไปและ14000แต้มค่าประสบการณ์ต่อนาที
ในเวลาเพียงสองวันหลินเซวียนจึงได้แต้มค่าประสบการณ์มามากกว่า100ล้านแต้ม
ยังไงก็ตามหากอยากจะอัพเลเวลให้สุดเขาต้องใช้ค่าประสบการณ์ถึง450ล้านแต้ม ตอนนี้เขามีอยู่แค่100ล้านแต้มเท่านั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะอัพเลเวล เขายังต้องรออีกสองถึงสามวัน
สามวันให้หลัง
หลินเซวียนเหยีดหลังคลายความเมื่อยล้าและพึมพำเสียงเบา “รวบรวม”
ในมิติส่วนตัวของเขาตอนนี้เขารวบรวมแต้มค่าประสบการณ์ได้กว่า500ล้านแต้มแล้ว เขาสามารถอัพเลเวลเป็นเลเวล9ขอบเขตที่4ได้ในคราเดียวแถมยังเพิ่มเลเวลสกิลบางสกิลได้อีกหนึ่งถึงสองเลเวลอีกด้วย
หลังจากอัพเลเวลตัวเองจนเป็นเลเวล9หลินเซวียนก็ทำการยัดค่าสถานะที่ได้มาฟรีๆ54แต้มลงไปกับค่าความอดทนจนหมด เช่นนี้แล้วค่าความอดทนของเขาจึงดีดขึ้นไปสูงถึง258แต้ม
“ไปเขตที่9ดีกว่าแต่เพื่อความปลอดภัยหลายวันหลังจากนี้ขอยอมลงมือลงแรงซักหน่อยเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์และอัพเลเวลสกิลให้สูงสุดก่อนก็แล้วกัน”
ตอนนี้เมื่อหลินเซวียนสวมใส่เซ็ตป้อมปราการทำให้ค่าต้านทานไฟของเขาสูงลิบลิ่ว อสูรเพลิงทั้งหมดที่เขาพบระหว่างทางไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับเขาได้เลย
ไม่นานนักเขาก็มาถึงเขตที่9และพบกับถ้ำของราชันย์แดนลับ9ถ้ำ
ดังเช่นที่ผู้จัดการหมายเลข2กล่าว ถ้ำทั้งหมดนั้นล้วนเป็นราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งสิ้น
เมื่อหลินเซวียนมาถึงสถานที่แห่งนี้กลับยังคงร้างผู้คน
เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนรวมไปถึงเหวินเซี่ยงและลู่หลัวต่างก็ยังคงก้าวเดินทีละก้าวอย่างมั่นคงและยังมากันไม่ถึงที่นี่
หลินเซวียนนอนลงบนโล่ขนาดใหญ่เย็นเยียบของตน มือกุมหัวและเริ่มคิดสะระตะไปเรื่อยเปื่อย
“หลังจากข้ามมิติมานานเราก็ยังไม่เคยได้กินอาหารดีๆเลย สงสัยจริงๆว่าโลกนี้ก่อนที่จะเจอกับภัยพิบัติอสูรรุกรานนั้นเป็นยังไง อยากจะเห็นจริงๆน้า”
“รออีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ หลังจากกลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่5แล้วฉันก็น่าจะเตร่ไปรอบๆเมืองทะเลสาบตะวันออกได้แล้วใช่ไหมนะ?”
หลินเซวียนอ้าปากหาวและหลับไป
อีกสามวันให้หลัง
หลินเซวียนใช้แต้มค่าประสบการณ์ทั้งหมดเพิ่มระดับของ ‘เกราะกระดูกครอบจักรวาล’ จนเป็นเลเวล9ขอบเขตที่4
หกวันให้หลัง ‘กายาหนาม’ ของเขาก็ตามมาติดๆ
เก้าวันให้หลังสกิล ‘เกราะเวทย์มนตร์’ ของเขาก็กลายเป็นเลเวล9ขอบเขตที่4และยังเสริมแกร่งเซ็ตปราการยักษ์จนกลายเป็นเลเวล9ขอบเขตที่4ด้วยเช่นกัน
“หลังจากอัพเลเวลของสกิลทั้งสามสกิลนี้และเซ็ตปราการยักษ์จนสุดแล้วเราก็มั่นใจเต็มพิกัดแล้วว่าจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ลงได้แน่นอน”
หลินเซวียนเดินมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำที่หนึ่ง
สิงโตเพลิงขนาดมหึมาที่ทั่วทั้งร่างอาบไปด้วยเปลวเพลิงปรากฏกาย
...
[ราชันย์สิงโตเพลิง]
[ฉายา : ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์]
[ระดับ : เลเวล9ขอบเขต4]
[ค่าสถานะ : ความอดทน 80 , พละกำลัง 120 , พลังจิต 46 , ความเร็ว 88]
[สกิล : โจมตีคริติคอลระดับสูง(เกรดสีม่วง) , สี่คอมโบถึงตาย(เกรดสีม่วง) , เพลิงนรกจู่โจม (เกรดสีม่วง) , เขี้ยวสิงโต...]
...
“เริ่มเลยดีกว่า”
หลินเซวียนตระเตรียมโล่ทั้งสองและเตรียมเข้าต่อสู้
การต่อสู้นั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าน่าตื่นเต้นแต่อย่างใด อย่างน้อยที่สุดก็คงอธิบายได้ด้วยคำว่าเป็นไปอย่างเรียบง่าย
หลินเซวียนเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียส่วนใหญ่แต่ยิ่งเขาถูกโจมตีมากเท่าไหร่พลังชีวิตของอีกฝ่ายก็ยิ่งลดมากเท่านั้น
ราชันย์สิงโตเพลิงเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีแต่ยิ่งสู้มันก็ยิ่งอ่อนแอ
ในคราแรกมันยังคงมีท่าทีสง่างามและผยองเดชหากแต่หลังจากสู้มาได้ราวสิบนาทีเปลวเพลิงบนร่างของมันก็คล้ายจะมอดดับและความตั้งใจในการโจมตีเองก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินเซวียนก่นด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ “อย่าทำแบบนี้สิวะ ถ้าแกไม่โจมตีฉันแล้วแกจะให้ฉันโจมตีแกรึไง? ฉันเป็นคนรักสงบนะเว้ย ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายโจมตีคนอื่นรด้วยล่ะ?”
ราชันย์สิงโตเพลิง “...”
ในเวลาเดียวกันด้านนอกถ้ำในที่สุดเหวินเซี่ยงก็มาถึง
เขาคือคนแรกที่มาถึงที่นี่ต่อจากหลินเซวียน
ผิวหนังที่เผยให้เห็นของเขามีแต่ลอยกระด่างกระดำจากการถูกเผาไหม้ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากอสูรเพลิงมาไม่มากก็น้อย
“หือ...มีคนมาถึงก่อนฉันรึเนี่ย?”
เหวินเซี่ยงประหลาดใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นในถ้ำแห่งหนึ่ง
“หรือจะเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเลเวล9ขอบเขตที่4? ไม่สิไม่ถูกต้อง เมื่อกี้ฉันพึ่งจะเจอพวกนั้นไปเอง พวกนั้นยังเกือบตกอยู่ในวงล้อมของไฮยีน่าเพลิงอยู่เลย”
“หรือจะเป็นลู่หลัวหรือไม่ก็โล่วิญญาณ? นั่นก็ไม่น่าจะใช่ เมื่อตอนที่เข้าสู่แดนลับนี้คนทั้งสองนั้นยังเป็นนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่4เท่านั้น คนเราคงจะไม่เลื่อนระดับไวขนาดนั้นแน่”
เหวินเซี่ยงขบคิดไปมาแต่ก็คิดไม่ออก
ในเวลานี้เองเงาร่างในชุดเกราะสีดำก็เดินออกมาจากถ้ำโดยปราศจากรอยขีดข่วน
ดวงตาของเหวินเซี่ยงเบิกกว้าง “โล่วิญญาณนายโซโล่ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไปแล้วงั้นหรอ?”
หลินเซวียนพยักหน้ารับ “ใช่”
เหวินเซี่ยงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แต่เนื่องจากอุณหภูมิในทุ่งราบเพลิงผลาญนั้นสูงมากลมหายใจที่ควรจะเย็นช่ำจึงกลับกลายเป็นร้อนจี๋
ในตอนที่เขากำลังจะถามว่าหลินเซวียนได้อะไรมาบ้างเขาก็พบว่าอีกฝ่ายเดินเข้าถ้ำถัดไปไปแล้ว
เมื่อเงาร่างของโล่วิญญาณหายเข้าไปในถ้ำ เหวินเซี่ยงก็อ้าปากพะงาบๆปิดไม่ลง
“แม่เจ้า...โล่วิญญาณเอาอีกแล้วงั้นหรอ?”
“ยังไงก็เถอะนี่มันแดนลับขอบเขตที่4นะ! ในอดีตที่ผ่านมาแม้เขาจะโซโล่แดนลับขอบเขตที่0 1 2และสามได้เพียงลำพังฉันก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ยิ่งระดับของแดนลับสูงมากเท่าไหร่ค่าสถานะของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ก็ยิ่งสูงจนเข้าขั้นบ้าบอมากเท่านั้น เขาทำได้ยังไงกัน?”
เหวินเซี่ยงรู้ดีว่าราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นน่าสะพรึงเพียงใด
ในอดีตนั้นตัวเขาเคยโซโล่ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ของแดนลับขอบเขตที่0และ1มาแล้ว
อย่างไรก็ตามเขากลับล้มเหลวสองครั้งติดเมื่อท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ในแดนลับขอบเขตที่2
และเมื่อมาท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ที่บึงยุงพิษเขาก็ต้องล้มเหลวไปกว่าสิบครั้ง กว่าจะเคลียร์ได้เพียงลำพังแบบสาหัสสากรรจ์เขาก็ต้องกระดกยาแก้พิษไปกว่าร้อยขวด
เรื่องนี้เข้าใจได้
ค่าสถานะของราชันย์แดนลับนั้นจะสูงกว่าอสูรทั่วไปในระดับเดียวกัน1.15เท่า
ในทางกลับกันค่าสถานะของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นจะสูงกว่าราชันย์แดนลับขึ้นไปอีกถึง1.3เท่า!
ยิ่งระดับของแดนลับสูงมากเท่าใดค่าสถานะของอีกฝ่ายก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ในกรณีนี้1.3เท่าที่ว่านั่นเรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มอย่างมหาศาลเลยก็ว่าได้!
“เว้นแต่ว่า...เขาใช้วัตถุดิบเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทุกครั้งที่เลื่อนขั้น ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์และสกิลของเขาเองก็ต้องอัพเกรดจนเต็มพิกัดอีกด้วย”
เขาปฏิเสธความคิดนี้ทันควัน
เป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะทรงพลังเพียงใดแต่ก็ไม่มีทางไปถึงขีดสุดของทั้งสกิลและอุปกรณ์ก่อนที่จะเข้าท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ได้อย่างแน่นอน
นั่นเป็นการเสียเวลาไปเปล่าๆ
กว่าจะสะสมความแข็งแกร่งได้นั่นก็คงจะสายเกินไปแล้ว
ไม่นานนักลู่หลัวเองก็มาถึงยังเขตที่9เช่นกัน
เมื่อเห็นเหวินเซี่ยงเจ้าหล่อนก็พยักหน้าให้คราหนึ่งและเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังท้าทายบอสอยู่ในถ้ำ สีหน้าของเจ้าหล่อนก็พลันเปลี่ยนไป
ก่อนที่เหวินเซี่ยงจะทันได้กล่าวคำใดอีกฝ่ายก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียก่อน “เป็นโล่วิญญาณงั้นหรอ?”
เหวินเซี่ยงประหลาดใจยิ่งนัก “รู้ได้ยังไงเนี่ย?”
ลู่หลัวถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ในเมื่อกระทั่งนายก็ยังไม่ได้เข้าไปถ้างั้นนอกจากหมอนั่นแล้วจะมีใครอีก?”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง หลินเซวียนที่สังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ลงได้ก็ได้เดินออกมาจากถ้ำและเข้าสู่ถ้ำถัดไป
เขาไม่หยุดพักเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือการแข่งกับเวลา
เหวินเซี่ยงปาดเหงื่อ “ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุกคามอยู่หน่อยๆเลยนะเนี่ย ด้วยความเร็วระดับนี้ราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งหมดคงถูกเขากวาดเกลี้ยงแน่”
ลู่หลัวยักไหล่และเอ่ยออกมา “แต่ฉันกลัวว่าพวกเราสองคนก็คงแข่งกับเขาไม่ไหว พวกเราต้องไปรวมคนให้ได้อีกซักคนหรือสองคนถึงจะพอจะสู้กับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ได้”
สีหน้าของเหวินเซี่ยงย่ำแย่ถึงขีดสุด
ตามปกตินั้นเขาจะอยู่ในแดนลับขอบเขตที่4อย่างถ้ำด้ายขด ปาร์ตี้สี่คนของเขาเคยท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์มาแล้วหลายครั้งติดกันหากแต่ก็ล้มเหลวไปเสียทุกครั้ง
ด้วยความอับจนหนทางเขาจึงตัดสินใจจะลองดูว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ในแดนลับแห่งนี้มันสังหารได้ง่ายรึเปล่า
“ไมได้หรอก ฉันจะเข้าไปลองเดี๋ยวนี้แหละ...ลู่หลัวเธอจะมาด้วยรึเปล่า? ฉันพอจะมีอะไรใช้รับรองความปลอดภัยอยู่บ้าง ต่อให้สู้ไม่ได้ก็ยังออกมาได้แน่นอน” เหวินเซี่ยงย่อมไม่ยินดีจะนั่งอยู่เฉยๆ
ลู่หลัวขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย