Chapter 38 : ร่างอวตารสี่ร่างฟาร์มพร้อมกัน...
มังกรน้ำแข็งดูราวกับมีชีวิตและเปล่งประกายเจิดจ้าภายใต้แสงอาทิตย์
พริบตาต่อมามังกรน้ำแข็งตนนั้นก็กระโจนเข้าใส่ฝูงอสูรเพลิง!
ตูม!
ไอน้ำจำนวนมหาศาลลอยฟุ้งทั่วฟ้า
อสูรเพลิงทั้งหมดถูกสังหารในพริบตา!
หลังจากสังหารอสูรเหล่านี้แล้ว มังกรน้ำแข็งก็หาได้หายไป มันยังพุ่งเข้าใส่ประตูแสงเข้าไปในแดนลับอีกด้วย
ภายในประตูแสงพลันมีเสียงไอน้ำดังขึ้นมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง
หลินเซวียนถอนหายใจยาว
ถ้าเขามีพลังแบบนี้เขาจะยังหลบหัวซ่อนหางทำไม? โลกทั้งใบคงให้ความรู้สึกใหญ่กว่านี้และเขาก็สามารถไปได้ทุกทีที่เขาอยากไป
ระหว่างที่กำลังคิดไปเรื่อยในหัวเขาก็พลันหวนนึกถึงการต่อสู้บนกำแพงเมืองทิศตะวันออกและตะวันตกที่ผ่านมาไม่นานมานี้ขึ้นมา เขานึกได้ว่าอสูรเหล่านั้นมาจาก ‘แดนลับเมืองบาดาล’
“ไม่...ผู้จัดการหมายเลข2ก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากพอ ฉันต้องก้าวข้ามเขาไปอีก...” หลินเซวียนส่ายหัวและโยนความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปทันที
“ว้าว..สังหารศัตรูจำนวนมากในคราวเดียว สุดยอดอะไรขนาดนั้น...”
“สมแล้วที่เป็นผู้จัดการหมายเลข2 ถ้าซักวันหนึ่งฉันกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้ล่ะก็”
“แค่โบกคทาอสูรนับพันก็ถูกสังหารในพริบตา! นี่แหละเสน่ห์ของจอมเวทย์! ในอนาคตฉันอยากจะเป็นคนแบบนี้แหละ!”
เหล่านักสู้เอ่ยชมไม่ขาดปาก
ความแข็งแกร่งของนักสู้ขอบเขตที่6นั้นช่างทำให้ผู้คนริษยาโดยแท้
ผู้จัดการหมายเลข2พึงพอใจกับท่าทีของพวกเขายิ่งนักและพยักหน้าเล็กน้อย
ยังไงก็ตามไม่นานนักน้ำเสียงเกียจคร้านสายหนึ่งก็พลันดังขึ้น
“หยุดสรรเสริญเขาได้แล้ว กระทั่งศาสตร์ลับมังกรน้ำแข็งอะไรนั่นก็ไม่ใช่สกิลของเขา ทั้งหมดที่เขาทำก็มาจากคทานั่นล้วนๆ”
รอยยิ้มของผู้จัดการหมายเลข2แข็งค้าง
หลินเซวียนหันไปมองและพบกับชายในเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงสีดำและรองเท้าสีดำ กระทั่งใบหน้าเองก็ยังถูกซ่อนเอาไว้ในเงาและมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ในมือของเขาถือกระป๋องเบียร์ดาวแดงเอาไว้ คนผู้นี้คือคนคุ้มกันของผู้จัดการหมายเลข2 - แบล็คนั่นเอง
แบล็คปาดคราบเบียร์ออกจากริมฝีปาก “คทาของเขามีเวทย์มนตร์อยู่สามอย่าง ศาสตร์ลับมังกรน้ำแข็ง ศาสตร์ลับมังกรอสนีและศาสตร์ลับมังกรพิษ ฉันนี่แหละที่เป็นคนไปหาพิมพ์เขียวของคทานั่นมา หนังสือสกิลของเวทย์ทั้งสามชนิดนี้จำเป็นต้องมีค่าพลังจิตสูงมากถึงจะเรียนรู้ได้ ค่าพลังจิตของเขาไม่พอจะเรียนรู้พวกมันด้วยซ้ำ”
ผู้จัดการหมายเลข2รีบกระแอมออกมาในทันที
แบล็คหัวเราะคิกคักและเอ่ยขึ้น “หยุดกระแอมได้แล้ว ฉันรู้ความลับนายดีน่า”
เหล่านักสู้พยายามกลั้นขำแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้
ผู้จัดการหมายเลข2ทอดถอนใจ
เวรเอ๊ย อีกครั้งแล้วที่เขาล้มเหลวในการวางท่าและไม่ได้รับความประทับใจจากเหล่านักสู้ เช่นนี้แล้วการที่เขาจะดึงกลุ่มนักสู้ขอบเขตที่4รวมไปถึงโล่วิญญาณมาเป็นพวกก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
“เริ่มกันเถอะ พวกฉันจะปล่อยเรื่องการสำรวจแดนลับนี่ให้กับพวกนาย แบล็คกับฉันจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าพวกนายจะจัดการกับราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้งหมดลงได้” ผู้จัดการสะบัดมือและเอ่ยออกมา
ภายในแดนลับที่ยังไม่ถูกค้นพบนั้น เนื่องจากไม่มีคนเข้าท้าทายราชันย์แดนลับเลยพวกมันจึงกลายเป็นราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ไปนานแล้ว
นี่ยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมหลินเซวียนและคนอื่นๆถึงต้องสำรวจแดนลับ
ทุกๆคนพากันเรียงแถวและมุ่งหน้าเข้าสู่แดนลับในทันที
ทันทีที่เข้ามาภายในแดนลับข้อความสายหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของหลินเซวียน
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแต่ทุกๆคนล้วนได้รับข้อความนี้เช่นกัน
[ทุ่งราบเพลิงผลาญ]
นี่คือแดนลับที่มีชื่อว่าทุ่งราบเพลิงผลาญ
ข้อมูลนี้ถูกส่งเข้าสู่สมองของพวกเขาโดยตรงโดยปราศจากคำเตือน
เหล่านักสู้กระจายตัวกันออกไปสำรวจอย่างรวดเร็ว
นักสู้ที่ทรงพลังอย่างเหวินเซี่ยงมักจะหยุดและลงมือสังหารอสูรในทุกๆสิบก้าวเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก่อนจะมุ่งหน้าต่อ
หลินเซวียนเองก็เลือกทิศทางและมุ่งหน้าออกสำรวจเช่นกัน
แต่เขาทำต่างจากเหวินเซี่ยง เขาเดินตรงเข้าไปยังส่วนลึกของทุ่งราบเพลิงผลาญโดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก
เขาสังหารอสูรทั้งหมดที่เจอตลอดทาง
ยังไงก็ตามหลังจากมาถึงเขตที่7เขาก็พบว่าแรงกดดันจากอสูรนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเดิมมากนัก
แม้ว่าหากต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งจะไม่มีปัญหาแต่หลังจากจำนวนของพวกมันเพิ่มมากขึ้นก็ถึงจุดที่พลังชีวิตของเขาเริ่มลดลง
เรื่องนี้ทำให้หลินเซวียนจำต้องหยุด ต้องระวังและตัดสินใจหยุดอยู่ที่เขตที่7และเลือกหาร่างอวตารฝึกฝนที่นี่
“เราควรจะลบร่างอวตารในรังมดอสูร ทะเลราชันย์พฤกษาและบึงยุงพิษ”
หลินเซวียนพึมพำกับตัวเอง ร่างอวตารทั้งสามที่กำลังฟาร์มอยู่ในแดนลับเหล่านั้นพากันล้มลงบนพื้นและแน่นิ่งไป
“รวมกับสล็อตเพิ่มที่ได้หลังจากเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่4ก็เท่ากับว่าตอนนี้เรามีสล็อตว่างอยู่สี่ช่อง”
จากนั้นเขาก็เริ่มออกตามหาและเลือกอสูรเพลิงสี่ตัวที่มีค่าสถานะสูงที่สุด
สิงโตเพลิง ไฮยีน่าเพลิง หมีเพลิงและเสือดาวเพลิง
หลังจากสังหารอสูรทั้งสี่เขาก็ทำการเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นร่างอวตารของเขาในทันที
“ด้วยร่างอวตารสี่ร่างฟาร์มพร้อมกัน ความเร็วในการฟาร์มก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าด้วย!”
หลินเซวียนถูมือไปมาด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นเขาก็หมุนกายเดินจากไปเพื่อกลับไปยังเขตที่1และหาสถานที่ปลอดภัยในการพักผ่อน
ในเวลาเดียวกันเหวินเซี่ยง ลู่หลัวและนักสู้คนอื่นๆต่างก็ออกสำรวจสถานที่ต่างๆในทุ่งราบเพลิงผลาญอย่างระมัดระวัง
ภารกิจของพวกเขาคือตรวจสอบว่าทุ่งราบเพลิงผลาญนั้นมีไอเทมค่าสถานะ ชุดเซ็ตอุปกรณ์ หนังสือสกิลและรูนอะไรดรอปจากอสูรในนี้บ้าง
หลังจากรู้ทุกอย่างแล้วการสำรวจแดนลับแห่งนี้ก็จะถือว่าเสร็จสิ้น
แน่นอนว่ายังมีเรื่องของผลต้นกำเนิดนั่นอีก!
แดนลับแห่งนี้เห็นได้ชัดเลยว่ายังไม่ถูกค้นพบ ผลต้อกำเนิดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
...
10ชั่วโมงให้หลัง
หลินเซวียนบิดขี้เกียจและตรวจสอบผลกำไร
[พื้นที่ปัจจุบัน : ทุ่งราบเพลิงผลาญเขตที่1 (2100เหรียญทั่วไป/นาที , 10,500แต้มค่าประสบการณ์/นาที]
[ร่างอวตารฝึกฝนร่างที่สอง – สิงโตเพลิงได้ฝึกฝนมาแล้วสิบชั่วโมงและถึงขีดจำกัดระยะเวลาการฝึกฝนแล้ว : ท่านได้รับ 1,260,000เหรียญทั่วไป , 6.3ล้านแต้มค่าประสบการณ์ , เกาลัดเพลิง5ลูก , ไม้ไหม้เกรียม4ท่อน , ตาเกสรตัวเมีย6ชิ้น , ผลต้นกำเนิด1ผล , อุปกรณ์สวมใส่ขอบเขตที่4สิบหกชิ้น , หนังสือสกิลของเขตที่4เก้าเล่ม , รูน8ชิ้น ท่าต้องการรวบรวมหรือไม่?]
[ร่างอวตารฝึกฝนร่างที่สาม – ไฮยีน่าเพลิงได้ฝึกฝนมาแล้วสิบชั่วโมงและถึงขีดจำกัดระยะเวลาการฝึกฝนแล้ว : ท่านได้รับ 1,260,000เหรียญทั่วไป , 6.3ล้านแต้มค่าประสบการณ์ , เกาลัดเพลิง3ลูก , ไม้ไหม้เกรียม7ท่อน , ตาเกสรตัวเมีย3ชิ้น , ผลต้นกำเนิด2ผล , อุปกรณ์สวมใส่ขอบเขตที่4สิบเจ็ดชิ้น , หนังสือสกิลของเขตที่4สิบเอ็ดเล่ม , รูน10ชิ้น ท่าต้องการรวบรวมหรือไม่?]
[ร่างอวตารฝึกฝนร่างที่สี่ - หมีเพลิง...]
[ร่างอวตารฝึกฝนร่างที่ห้า - เสือดาวเพลิง...]
“รวบรวม!”
หลินเซวียนพึมพำเบาๆและไอเทมจำนวนมหาศาลพลันปรากฏขึ้นมาในมิติส่วนตัวของเขา
จำนวนของเหรียญทั่วไปที่ได้มาคือ50.4ล้านเหรียญและแต้มค่าประสบการณ์อีก25.2ล้านแต้ม
เขาจำเป็นต้องใช้แต้มค่าประสบการณ์10ล้านแต้มในการอัพเลเวลจากเลเวล1และจากเลเวล2จำเป็นต้องใช้20ล้านแต้ม
“แต้มค่าประสบการณ์ที่ได้มาพอเพิ่มระดับได้แค่เลเวลเดียวเอง เอาเถอะเพิ่มก็คือเพิ่มล่ะนะ”
ทุกๆครั้งที่นักสู้ขอบเขตที่4เลเวลอัพไปหนึ่งเลเวลพวกเขาจะได้ค่าสถานะเพิ่มเติม6แต้ม
หลังจากอัพเลเวลและจัดสรรแต้มค่าสถานะทั้งหมดลงไปกับค่าความอดทนแล้ว หลินเซวียนก็เริ่มทำการตรวจสอบไอเทมค่าสถานะ อุปกรณ์ หนังสือสกิลและรูนที่ได้มา
สำหรับเขาแล้วของเหล่านี้สำคัญที่สุด
ไอเทมค่าสถานะ : เกาลัดเพลิง , ไม้ไหม้เกรียม , ตาเกสรตัวเมียและผลต้นกำเนิด
หนังสือสกิล : ต้านทานไฟระดับสูง , ศาตราเพลิง , วงแหวนเปลวเพลิง , ศรเพลิง
อุปกรณ์สวมใส่ : ชุดเซ็ตจุดระเบิด , ชุดเซ็ตอสูรเพลิง , ชุดเซ็ตป้อมปราการ , คทาประกายไฟ , ดาบสั่งเพลิง , มีดเพลิงมอด
รูน : ให้เพลิงชำระล้างทุกสิ่ง(1) , เพลิงปกปักษ์(1/2)
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินเซวียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
การมีร่างอวตารฝึกฝนสี่ร่างออกฟาร์มพร้อมๆกันนี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
เขาเริ่มทำการตรวจสอบไอเทมทีละชิ้นๆ
ความสามารถของเกาลัดเพลิงคือเพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังงาน+1% ความสามารถของไม้ไหม้เกรียมคือเพิ่มค่าต้านทานไฟ+1 ความสามารถของตาเกสรตัวเมียคือเพิ่มอัตราการหลบหลีก+1%และความสามารถของผลต้นกำเนิดคือเพิ่มค่าสถานะแรกเริ่ม
ต้านทานไฟระดับสูงเป็นสกิลติดตัวเกรดสีฟ้าซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์หรือพลังงานใดๆ หลังจากเรียนรู้ค่าต้านทานไฟจะเพิ่มขึ้นทันที45%
ส่วนศาตราเพลิง วงแหวนเพลิง ศรเพลิงเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นสกิลสำหรับนักสู้สายประชิด จอมเวทย์และนักธนูตามลำดับ
ในบรรดาอุปกรณ์ที่เขาได้มา คทาประกายไฟ ดาบสั่งเพลิง มีดเพลิงมอดและอาวุธอื่นๆนั้นไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ในบรรดาของเหล่านี้กระทั่งมีดเพลิงมอดที่เป็นเกรดไร้ที่ติสีทองหลินเซวียนก็ยังโยนใส่โต๊ะหลอม
ส่วนเซ็ตจุดระเบิดนั้นเหมาะกับนักสู้ที่มีค่าความแข็งแกร่งสูง ในทางกลับกันเซ็ตอสูรเพลิงกลับเหมาะกับนักสู้สายพลังจิต สองสิ่งนี้ไม่มีอะไรเหมาะกับหลินเซวียนดังนั้นทั้งหมดจึงถูกโยนใส่โต๊ะหลอมไม่ต่างกัน
สิ่งที่หลินเซวียนสนใจคือเซ็ตป้อมปราการ
แม้ว่าเซ็ตนี้จะเป็นเพียงเกรดหายากสีฟ้าแต่ก็เพิ่มพลังชีวิตถึง3,000แต้ม พลังงาน100แต้มและค่าต้านทานไฟ70% สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือค่าต้านทานของธาตุอื่นจะลดลง20%
ยังไงก็ตามนี่ก็นับว่าดีแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะตัวหลินเซวียนนั้นสามารถแบกของได้เยอะ ด้านในเขาใส่เซ็ตป้อมปราการแล้วด้านนอกใส่เซ็ตปราการยักษ์ก็ย่อมได้
“นี่มันเอาเรื่องสุดๆไปเลยนะเนี่ย เซ็ตนี้คงทำให้เราไปมาในทุ่งราบเพลิงผลาญได้อย่างสบายใจ ตอนนี้รอแค่แต้มค่าประสบการณ์ก็พอ”
หลินเซวียนพอใจยิ่งนักและเปลี่ยนมาใส่เซ็ตป้อมปราการนี้ในทันที