ตอนที่แล้วChapter 36 : ต้านทานอสูรจากแดนลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 38 : ร่างอวตารสี่ร่างฟาร์มพร้อมกัน...

Chapter 37 : ผู้จัดการหมายเลข2ลงมือ


...

[ชื่อ : เหวินเซี่ยง]

[ระดับ : เลเวล9ขอบเขต4]

[ค่าประสบการณ์ : 80ล้าน/90ล้าน]

[ค่าสถานะ : ความอดทน 62 , พละกำลัง 99 , พลังจิต 33 , ความเร็ว 61]

[สกิล : หมัดคริติคอล(ล้ำค่าสีม่วง) , ย่างก้าวอัสนี (ล้ำค่าสีม่วง)...]

[อุปกรณ์สวมใส่ : ถุงมือทองแดงภูเขา (ล้ำค่าสีม่วง) , เกราะโซ่ทักนักรบคลั่ง (ล้ำค่าสีม่วง)...]

...

สิ่งเดียวที่หลินเซวียนสนใจมีเพียงไอเทมและสกิลระดับล้ำค่าสีม่วงเท่านั้น สิ่งที่อยู่ต่ำกว่านี้เขาไม่ใคร่จะดูนัก

ยังไงก็ตามถึงกระนั้นแล้วเขาก็ยังพบว่าเหวินเซี่ยงผู้นี้ค่อนข้างโดดเด่นจริงๆ

“ค่าสถานะของเขาถูกจัดสรรอย่างลงตัว ด้วยการจัดสรรค่าสถานะแบบนี้ทั้งพลังชีวิต ความเร็วในการเคลื่อนที่ ความเร็วในการโจมตี อัตราคริติคอลและอัตราการหลบหลีกก็จะไม่ต่ำมาก ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการเอาตัวรอดเท่านั้นแต่ยังเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการจัดสรรค์ค่าสถานะแบบพื้นฐานที่เหมาะแก่การเอาตัวรอดที่สุดในโลกหลังโลกาวินาศแบบนี้เลยก็ว่าได้”

หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย

ผู้จัดการหมายเลข2เองก็มองมาที่เหวินเซี่ยงด้วยความระมัดระวังเล็กน้อย

ชายดุร้ายผู้นี้เองก็ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่เขาตั้งความหวังเอาไว้สูง โชคไม่ดีนักที่หมายเลข3เสนอให้มากกว่าทำให้เหวินเซี่ยงเข้าร่วมกับฝั่งของหมายเลข3ไป

“โชคไม่ดีจริงๆที่ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้” เหวินเซี่ยงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอับจน

เมื่อเหวินเซี่ยงและนักสู้ที่ทรงพลังคนอื่นๆก้าวออกมาพวกเขาก็สามารถประคองสถานการณ์โดยรวมเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว นักสู้และอสูรต่างตกอยู่ในภาวะก้ำกึ่ง

ในเวลานี้เองสิงโตเพลิงหลายตัวพลันล้อมกรอบเหวินเซี่ยง ลู่หลัวและคนอื่นๆเอาไว้หลังจากนั้นพวกมันก็พยายามใช้การเคลื่อนไหวตบตาเพื่อทำให้พวกเขาสับสนและพริบตาต่อมาก็กระโจนเข้าใส่นักสู้อีกคนที่อยู่แนวหลังแทน

พวกมันพบแล้วว่านักสู้ที่ใช้สกิลธาตุน้ำแข็งนั่นแหละคือเป้าหมายหลักที่พวกมันต้องกำจัดทิ้ง

นักสู้เหล่านี้ตกตะลึงยิ่งนัก พวกเขาใช้พลังเวทย์และพลังงานในการโจมตีไปจนเกือบหมดแล้ว เมื่อปราศจากการคุ้มครองของเหวินเซี่ยงและคนอื่นๆพวกขจึงไม่ต่างอะไรจากหนูน้อยหมวกแดงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าตัวโคร่ง ไร้พลังจะต่อต้าน

หลินเซวียนส่ายหัว

ผู้จัดการหมายเลข2มองมาที่เขาหลายรอบแล้ว เขารู้สึกว่าถ้าเขายังไม่ลงมืออีกก็อาจจะทำให้ผู้จัดการหมายเลข2ไม่พอใจเอาได้

แน่นอนว่าผู้จัดการหมายเลข2จะชอบหรือไม่ชอบเขามันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่เขาสนใจคือการได้เข้าและออกจากแดนลับที่ทางองค์กรครอบครองตามต้องการต่างหาก

ถ้าหมายเลข2ไม่พอใจและตัดสิทธิเขานั่นคงเป็นปัญหา

ดังนั้นเขาจึงต้องลงมือ

หลินเซวียนกระชับโล่ทั้งสองเอาไว้ในมือแน่นและกระโจรออกไปราวกับกำแพงมนุษย์

เมื่อเงาร่างอันยิ่งใหญ่ของเขาปกคลุมนักสู้เหล่านี้ เหล่านักสู้ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจจนแทบจะหลั่งน้ำตา

ปัง ปัง!

สิงโตเพลิงเหล่านี้ราวกับพวกมันปะทะเข้ากับกำแพงเมืองที่เต็มไปด้วยหนามแหลม

เพียงเสี้ยวพริบตาหลังจากเข้าปะทะ เลือดก็พลันหลั่งไหลออกมาจากทั่วทั้งร่างกายของพวกมันและกลิ่นอายของพวกมันเองก็อ่อนโทรมลงอย่างมาก

พวกมันล้วนได้รับผลจากความเสียหายจากการสะท้อน

ดวงตาของเหวินเซี่ยงและลู่หลัวเปล่งประกายและรีบใช้จังหวะที่ได้เปรียบนี้ตอบโต้กลับ

หมัดเหล็กและเคียวทมิฬโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง สังหารสิงโตเพลิงหลายตัวลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดพวกเขาจึงสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์อันน่าอดสูมาได้

เหวินเซี่ยงเอ่ยปากชม “โล่วิญญาณน้องชายของฉันชื่นชมนายอยู่ตลอด นายนี่ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ”

หลินเซวียนสับสนมึนงง “ใครคือน้องชายของนาย?”

เหวินเซี่ยงยิ้มและเอ่ย “เหวินจวง เขาเป็นหนึ่งในคนที่ก่อตั้งทีมบิ๊กเบิร์ดโลเทชั่นในถ้ำหินยักษ์ ไม่กี่วันก่อนหมอนั่นพึ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขอบเขตที่2”

เมื่อได้ยินชื่อบิ๊กเบิร์ดโลเทชั่นหลินเซวียนก็รู้ทันที

หมายเลข2เองก็มองมาด้วยสายตายอมรับ

สมแล้วที่ได้สมญาว่าโล่วิญญาณ หมอนี่เองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แม้จะพึ่งกลายมาเป็นขอบเขตที่4แต่ก็สามารถสู้กับอสูรที่เหนือกว่าขอบเขตที่4ได้เหมือนอย่างลู่หลัว

โม่หยวนที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักอ้าปากค้าง

ฉากที่โล่วิญญาณปะทะกับสิงโตเพลิงห้าตัวเมื่อครู่เขาก็เห็นเหมือนกัน

ต่อมาเขาก็พลันสังเกตได้ถึงบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

เขาคิดมาตลอดว่าโล่วิญญาณน่าจะต้องยัดแต้มค่าประสบการณ์จำนวนมากไปกับการเพิ่มค่าต้านทานพิษรุนแรงและเสียแก่นอุปกรณ์ไปเป็นจำนวนมากกับชุดเซ็ตหมอพิษ มีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นอีกฝ่ายจึงจะสามารถสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ของบึงยุงพิษได้เพียงลำพัง

การทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว หากแต่ค่าต้านทานพิษรุนแรงและชุดเซ็ตหมอพิษนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ประโยชน์กับอสูรชนิดอื่น ยกตัวอย่างเช่นพวกมันแทบจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรเพลิงพวกนี้

เมื่อใดที่แต้มค่าประสบการณ์และแก่นอุปกรณ์ถูกลงไปกับสกิลหรืออุปกรณ์บางชิ้นนั่นก็หมายวามว่าคนผู้นั้นจะสูญเสียโอกาสในการยกระดับอย่างอื่นไปด้วย

ดังนั้นนักส่วนใหญ่จึงมักจะมุ่งเน้นไปที่สกิลที่ทรงพลังเพียงหนึ่งหรือสองสกิลและอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นเท่านั้น พวกเขาจะอัพเลเวลของสกิลและอุปกรณ์ชิ้นอื่นบ้างตามแต่โอกาสและมักจะไม่ได้ลงทรัพยากรกับพวกมันมากเกินไปนักเพราะแต้มค่าประสบการณ์และแก่นอุปกรณ์นั้นหาได้ยากยิ่ง

ด้วยเหตุผลนี้ในเมื่อโล่วิญญาณมีค่าต้านทานพิษรุนแรงสูงปานนั้นก็ต้องหมายความว่าค่าต้านทานไฟของเขาควรจะต่ำมาก อย่างมากก็ควรจะอยู่ในระดับของนักสู้ทั่วๆไปเท่านั้น

ยังไงก็ตามโม่หยวนเพิ่งเห็นกับตาเมื่อครู่ว่าโล่วิญญาณนั้นไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับความเสียหายธาตุไฟเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาสามารถป้องกันความเสียหายธาตุไฟจากสิงโตเพลิงได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งนี้ทำให้เขาสับสนยิ่งนัก

“อย่าบอกนะว่า...โล่วิญญาณมีแต้มค่าประสบการณ์และแก่นอุปกรณ์เยอะมากๆ? ไม่น่าจะใช่ ไม่ว่าเขาจะมีมากเท่าไหร่ก็ไม่ควรจะมีมากขนาดนั้น! หรือเขาจะมีมากกว่าเราสองเท่า? สามเท่า?” โม่หยวนคิดด้วยความสับสน

เขาอดใช้สกิลตรวจสอบกับโล่วิญญาณไม่ได้

...

[ชื่อ : ???]

[ระดับ : เลเวล1ขอบเขต4]

[ค่าประสบการณ์ : 1,455 / 10ล้าน]

[ค่าสถานะ : ความอดทน ? , พละกำลัง 39 , พลังจิต 25 , ความเร็ว 35]

[สกิล : เกราะกระดูกครอบจักรวาล (?) , เปลือกพฤกษาบรรพกาล (?) , กายาหนาม (เกรดสีม่วง)...]

[อุปกรณ์สวมใส่ : ค้อนโล่ราชันย์มังกรดิน (?) , โล่นักล่ามังกร (?)....]

...

โม่หยวนยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก ข้อมูลส่วนใหญ่ที่เขาเห็นจากสกิลตรวจสอบถูกแทนที่ด้วยเครื่องหมายคำถาม กระทั่งชื่อของอีกฝ่ายก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามเลย

หัวใจของหลินเซวียนกระตุกเบาๆ

เมื่อครู่เขาเพิ่งจะสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนใช้สกิลตรวจสอบกับเขาเขาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ตัวเขามีสกิล ‘อ่อนแอ’ ที่สามารถลดระดับเลเวลและค่าสถานะได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่

นอกจากนี้ยังมีสกิล ‘ปลอมแปลง’ เกรดสีทองที่สามารถปลอมแปลงหรือซ่อนเลเวลและเกรดของสกิลทุกสกิลได้ตลอดเวลาและทุกสถานที่อีกด้วย

สิ่งที่โม่หยวนเห็นจากสกิลตรวจสอบก็คือสิ่งที่หลินเซวียนตั้งใจเปลี่ยนให้เห็น

“ฮ่า...ในที่สุดพวกมันก็ตายหมดแล้ว”

ลู่หลัวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและเก็บเคียวสีดำกลับไป

เมื่อมีปราการเหล็กกล้าอย่างโล่วิญญาณยื่นมือเข้ามาอีกคน เหล่านักสู้จึงสามารถโจมตีได้อย่างสบายใจ ท้ายที่สุดพวกเขาจึงสามารถสังหารอสูรละลอกที่สองลงได้อย่างง่ายดาย

“ดีมาก ส่วนอสูรที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” ผู้จัดการหมายเลข2ยิ้มและก้าวออกมา

เหล่านักสู้ต่างโล่งใจ

ผู้จัดการหมายเลข2เป็นนักสู้ขอบเขตที่6 เมื่อนักสู้ขอบเขตที่6เผชิญหน้ากับอสูรขอบเขตที่4นั่นคงกล่าวได้เพียงว่าเป็นการบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียว

เขาสามารถสังหารอสูรขอบเขตที่4จำนวนมากได้เพียงลำพัง

เหตุผลที่เขาไม่ช่วยสู้กับอสูรละลอกที่สองก็เพราะเขาอยากจะให้นักสู้เหล่านี้ได้ขัดเกลาตัวเอง

ถ้าอสูรทั้งหมดถูกผู้จัดการอย่างเขาเก็บกวาดถ้างั้นจะมีคนเหล่านี้ไว้ทำไม?

หลังจากเงียบไปซักพัก ประตูแสงก็พลันเกิดการผันผวนขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกครา

หนนี้ดูราวกับเปลวเพลิงจะเริ่มลุกโหมอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา

เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็ราวกับม่านพลังได้พังทลายลง กลุ่มอสูรเพลิงจำนวนมหาศาลจู่ๆก็พากันกรูออกมา

หลินเซวียนกวาดสายตามองดูและพบว่ามีอสูรอยู่มากกว่าหนึ่งพันตัว ที่อ่อนแอที่สุดคืออสูรเลเวล7ขอบเขตที่4และที่ทรงพลังที่สุดคืออสูรเลเวล9ขอบเขตที่4 นอกจากนี้ยังมีถึง200ตัวเลยด้วย!

“จำนวนขนาดนี้ถ้าเป็นเราจะทนได้ขนาดไหนนะ?”

หลินเซวียนคำนวณว่าถ้ามีแค่อสูรเลเวล4-เลเวล6ซัก500ตัวเขาก็น่าจะรับมือได้อย่างสมบูรณ์และใช้ประโยชน์จากการสะท้อนความเสียหายสังหารพวกมันลงได้

หากแต่อสูรพวกนี้ล้วนมีเลเวลเกิน7ทั้งนั้น

ถ้าเขาฟื้นฟูไม่ทันก็อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้

หลินเซซียนไม่ได้รีบจะเสี่ยงชีวิตขนาดนั้น

วินาทีต่อมาพวกเขาทุกคนก็เห็นว่าผู้จัดการหมายเลข2หยิบคทาสีทองออกมาจากอุปกรณ์เก็บของของตัวเอง

คทานั้นยาวเกือบๆหนึ่งเมตรและทำมาจากเปลือกพฤกษาบรรพกาล ด้านบนยอดของคทามีรูนสามเม็ดต่างสีสันถูกฝังเอาไว้โดยพวกมันมีสีขาวน้ำแข็ง เขียวเข้มและฟ้าเข้มตามลำดับ

“ศาสตร์ลับมังกรเหมันต์!”

พร้อมกับเสียงคำรามลั่นของมังกร มังกรสีขาวปลอดที่มีลำตัวยาวกว่าสิบเมตรพลันส่งเสียงคำรามกึกก้องและพุ่งออกมาจากคทาสีทอง!

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด