Chapter 32 : นักสู้กิตติมศักดิ์
วันคืนผันผ่าน
ย่างก้าวของหลินเซวียนไม่เคยเปลี่ยน หลังจากพักผ่อน10ชั่วโมงเขาก็จะทำงานเป็นเวลา10นาที เรียกได้ว่าเขาค่อนข้างขยันทีเดียว!
ด้วยประสิทธิภาพในการสังหารที่สูงลิบทำให้คะแนนของเขาแตะระดับ500,000แต้มในวันสุดท้าย นี่หมายความว่าเขาได้ทำลายรังยุงพิษรุนแรงไปถึง25รังและสังหารยุงพิษรุนแรงไปกว่า25,000ตัวเพียงลำพัง
ส่วนอันดับที่สองอย่างโม่หยวนนั้นแม้จะพยายามอย่างหนักก็ได้มาเพียง120,000แต้มด้วยความยากเย็น หลังจากนั้นแต้มของเขาก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกเลยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
เมื่อเห็นจำนวนตัวเลขอันน่าหวาดหวั่นในอันดับของโล่วิญญาณ เหล่านักสู้ต่างหนังหัวชาหนึบและทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นออกมา
“หืม? กลิ่นเหม็นที่ลอยอยู่ในอากาศเหมือนว่าจะหายไปแล้ว ดูเหมือนน้ำในบึงจะไม่เน่าเสียอีกต่อไปแล้วสินะ” จู่ๆหลินเซวียนก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นเหม็นที่มักจะติดจมูกของเขาอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้จางหายไป
ในเวลานี้เองกำไลข้อมือของเขาพลันสั่นขึ้นมาเบาๆ
“น้ำในบึงยุงพิษกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ทุกคนโปรดกลับมาที่หอประชุมของฐานทัพด้วย” ข้อความบรรทัดหนึ่งเด้งขึ้นมาเหนือตารางอันดับ
“ได้เวลากลับแล้วสิ”
หลินเซวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาได้รวบรวมเซ็ตหมอพิษทั้งสามส่วนได้จนครบแล้ว
ในระหว่างนี้โต๊ะสร้างรูนของเขาก็สร้างรูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและสร้างรูนอีกสองส่วนของเซ็ตรูนโอสถวิญญาณแห่งความตายออกมาได้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เขาได้ทุกอย่างที่ควรจะได้จากบึงยุงพิษมาหมดแล้ว อย่างเดียวที่เขาขาดไปในตอนนี้คือแต้มค่าประสบการณ์
ตราบใดที่เขาเพิ่มระดับนักสู้แล้วครั้งหน้าที่เขาปรากฏตัวที่นี่ก็จะถึงเวลาท้าทายราชันย์แดนลับมากประสบการณ์
หลินเซวียนย่างเท้าเข้าไปในประตูแสงและหวนกลับมายังหอประชุมของฐานทัพองค์กรเจอร์มินัล
เบื้องหน้าเขามีนักสู้หลายคนที่กลับมาก่อนแล้ว
เมื่อโม่หยวนเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยที่ถูกปกปิดเอาไว้ภายใต้ชุดเกราะสีดำ ในใจของเขาก็บังเกิดควารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาลึกอย่างอดไม่ได้
เชี่ย...เจ้าหมอนี่ไม่ต่างอะไรจากพวกขี้โกงเลยซักนิด!
หลินเซวียนกวาดตามองไปรอบๆและพบว่านักสู้หลายต่อหลายคนนั้นมีท่าทีสลดหดหู่และไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวน68คนเมื่อตอนขาเข้าไปแล้วมีเพียง59คนเท่านั้นที่กลับมาได้
เห็นได้ชัดเลยว่ามีบางคนที่เสียชีวิตลงในบึงยุงพิษ
บางทีคนเหล่านั้นอาจจะทำอะไรเกินตัวและบุกไปยังพื้นทีที่พวกตนไม่ควรจะย่างกรายเข้าไปก็เป็นได้
หรืออาจจะเป็นเพราะพวกนั้นดึงดูดความเกลียดชังจากยุงพิษมากเกินไปก็ได้เหมือนกัน
ไม่ว่าแบบไหน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะตายยังไงหลินเซวียนก็คงไม่มีทางหาคำตอบได้ ถ้ามองจากมุมมองของเขาหลินเซวียนก็รู้สึกอิจฉาคนเหล่านี้อยู่เหมือนกัน
‘อยากรู้นะเนี่ยว่าเวลาถูกยุงพิษจำนวนนับไม่ถ้วนรุมโจมตีมันจะรู้สึกยังไง? มันต้องรู้สึกตื่นเต้นมากแน่ๆ โชคไม่ดีเลยที่เราไม่เจอสถานการณ์แบบที่ว่าเลยซักครั้ง’ หลินเซวียนลูบปากด้วยความคาดหวัง
ผู้จัดการหมายเลข2และหมายเลข3ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน
ใบหน้าของผู้จัดการหมายเลข2แทบจะซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด
มุมปากของเขาฉีกกว้างจนเกือบจะถึงรูหู
ส่วนหมายเลข3ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเช่นเดิมเพียงแต่มันดูเย็นชาและน่าเกลียดกว่าที่ผ่านมาก็เท่านั้น
แบล็คกระซิบเสียงเบา “ภาพลักษณ์”
มาถึงตรงนี้ผู้จัดการหมายเลข2จึงได้สติ เขากระแอมออกมาเบาๆและกลับมามีท่าทีสุขุมเหมือนอย่างเคย
เขายิ้มและเอ่ยออกมา “นักสู้ทุกคนทำได้ดีมาก ในปรากฏการณ์การเสื่อมสภาพของน้ำในบึงหนนี้พวกนายได้จัดการกับยุงพิษและรังของพวกมันไปมากมาย องค์กรพึงพอใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก”
“โดยเฉพาะโล่วิญญาณ!” กล่าวถึงตรงนี้เขาก็ชี้มาที่เงาร่างที่ถูกปกปิดเอาไว้ภายใต้ชุดเกราะสีดำ
“เขาคนเดียวจัดการกับรังของยุงพิษรุนแรงไปถึง25รังและสังหารพวกมันไปกว่า25,000ตัว! ทุกๆคนปรบมือให้กับเขาด้วย!”
ผู้จัดการหมายเลข2ปรบมือเป็นคนแรกอย่างกระตือรือร้น
ไม่นานนักเหล่านักสู้ก็ปรบมือตาม
“จากผลงานที่โล่วิญญาณทำเอาไว้ให้กับองค์กรคราวนี้ หลังจากพูดคุยกันเองระหว่าง3ผู้จัดการแล้วพวกเราจึงตัดสินใจมอบตำแหน่ง ‘นักสู้กิตติมศักดิ์’ ให้แก่เขา เขาสามารถเข้าและออกบึงยุงพิษ ถ้ำด้ายขดและภูเขาอสูรชั้นต่ำได้เฉกเช่นเดียวกับนักสู้คนอื่นๆ” ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยเสียงดังสนั่น
นักสู้ทุกคนที่ได้ยินต่างติดสตั้นไปตามๆกัน
โม่หยวนพูดไม่ออกแล้ว
แม้จะมีฐานะเป็นหมาป่าเดียวดายแต่โล่วิญญาณกลับได้อำนาจในการเข้าสู่แดนลับอย่างอิสระเช่นเดียวกับพวกเขา
ผู้จัดการหมายเลข3เอ่ยออกมาช้าๆ “แน่นอนว่าโล่วิญญาณไม่ถือว่าเป็นนักสู้ขององค์กรอย่างเป็นทางการ ทุกครั้งที่เขาเข้าและออกจากแดนลับภารกิจของเขาจะยากกว่านักสู้ปกติ1.5เท่า ยิ่งไปกว่านั้นโล่วิญญาณยังจะไม่ได้รับเหรียญทั่วไปซึ่งเป็นรางวัลที่องค์กรมอบให้กับนักสู้คนอื่นๆอีกด้วย”
มาถึงตรงนี้โม่หยวนและคนอื่นๆถึงถอนหายใจออกมาได้บ้าง
แบบนี้ค่อยดีหน่อย
ถ้าภารกิจของโล่วิญญาณเหมือนกับพวกเขาและยังสามารถเข้าออกแดนลับระดับ3ขึ้นไปได้อย่างอิสระแถมยังได้เหรียญทั่วไปเป็นรางวัลอีก ถ้างั้นอีกฝ่ายก็ไม่ต่างอะไรจากนักสู้ขององค์กรเลย
หลินเซวียนเองก็พยักหน้าเช่นกัน
นี่แหละสถานะที่เขาต้องการ เขาไม่ต้องการรางวัลอย่างอื่นอยู่แล้ว
ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยตามหลังมาติดๆ “ในเมื่อโล่วิญญาณทำผลงานเอาไว้ได้ดีมากในครั้งนี้พวกเราจึงตัดสินใจจะมอบรางวัลเป็นเขาเลือกไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ หนังสือสกิลหรือรูนก็ตาม”
คนอื่นๆที่อยู่รอบๆพากันส่งเสียงฮือฮา
ดวงตาของโม่หยวนเต็มไปด้วยความอิจฉา
ไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วง!
จนถึงตอนนี้ตัวเขายังมีมันอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นซึ่งมันถูกมอบให้โดยผู้จัดการหมายเลข3เมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมครั้งแรก
ส่วนนักสู้ขอบเขตที่3คนอื่นๆนั่นยิ่งไม่คู่ควรกล่าวถึง พวกเขาไม่มีทางหาไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วงมาครอบครองได้แน่นอน
วิธีที่จะได้ไอเทมเกรดสีม่วงนั้นมีสองทางเท่านั้น หนึ่งคือรั้งอยู่ในแดนลับเป็นเวลานานเพื่อสังหารอสูรโดยหวังว่าอัตราการดรอป0.01%นั้นสวรรค์จะเป็นใจ
ไม่อย่างนั้นก็ต้องเก็บรวบรวมเหรียญทั่วไปและแลกเปลี่ยนมันกับแผนกโลจิสติกขององค์กร
เทียบกับอย่างแรกแล้วอย่างหลังนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าง่ายกว่ามาก
นักสู้ทุกคนจึงมักจะประหยัดอดออมเพราะอยากจะนำเงินไปแลกกับอุปกรณ์ หนังสือสกิลหรือรูนเกรดล้ำค่าสีม่วง
เมื่อใดที่พวกเขาได้มาความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
ลู่หลัวเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เจ้าหล่อนเองก็ค่อนข้างตกใจเล็กน้อยเหมือนกันเมื่อได้ยิน
ผู้จัดการหมายเลข2ให้ค่าโล่วิญญาณสูงมากจริงๆ
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับของรางวัลตัวหลินเซวียนกลับไม่มีท่าทีอะไรมากนัก
ก็แค่ไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วง สำหรับนักสู้คนอื่นๆเกรดล้ำค่าสีม่วงอาจจะหายากมากก็จริง
จากนั้นเขาก็ทำเพียงแค่กระแอมเบาๆและตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณมาก”
โม่หยวนแทบจะเป็นบ้าแล้ว
เชี่ย!
นั่นมันไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วงเลยนะเว้ย!
เจ้าหมอนี่ไม่มีท่าทีสนใจเลยซักนิด!
เมื่อเห็นท่าทีถ่อมตนของโล่วิญญาณ ผู้จัดการหมายเลข2ก็ยิ่งพึงพอใจขึ้นไปอีก
นี่แหละ! คนที่เขาประเมินค่าไว้สูงควรจะเป็นแบบนี้!
ก็แค่ไอเทมเกรดสีม่วงจะตื่นเต้นอะไรกันนักหนา?
ถ้าเป็นไอเทมเกรดไร้ที่ติสีทองเขาก็คงตื่นเต้นอยู่บ้าง
การต่อสู้ในบึงยุงพิษสิ้นสุดลงตรงนี้ นักสู้ต่างกระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไป
เรื่องราวการต่อสู้อันน่าตกตะลึงของโล่วิญญาณในบึงยุงพิษแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่นักกู้ซากหรือกระทั่งผู้อพยพ
ในตอนนี้ ‘โล่วิญญาณ’ ผู้นี้ที่พวกเขาเอ่ยถึงได้เดินมาถึงแผนกโลจิสติกขององค์กรกับผู้จัดการหมายเลข2แล้ว
เนื่องจากผู้จัดการหมายเลข2เป็นคนพามาจึงไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา หลินเซวียนเดินไปเดินมารอบๆชั้นวางอุปกรณ์ สกิล รูนและไอเทมค่าสถานะภายในแผนกโลจิสติกทำให้สายตาของเขากว้างไกลขึ้นไปอีก
คำคำเดียวที่พอจะอธิบายความร่ำรวยขององค์กรเจอร์มินัลได้ก็คงต้องบอกว่า – เหลือกินเหลือใช้!
ที่นี่มีไอเทมทุกประเภทหลากหลายระดับ
ตราบใดที่มีเหรียญทั่วไปมากพอก็สามารถซื้อได้ทุกอย่าง
ยังไงก็ตามเนื่องจากอัตราการดรอปของไอเทมค่าสถานะนั้นค่อนข้างต่ำ ราคาของพวกมัจึงค่อนข้างสูงพอสมควร
ส่วนวัตถุดิบเลื่อนขั้นที่ดรอปจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นเนื่องจากพวกมันล้วนเป็นเกรดสีทองจำนวนที่มีจึงน้อยจนน่าสังเวช
ผู้จัดการหมายเลข2สังเกตเห็นสายตาของเขาจึงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ทุกๆคนต่างก็อยากได้ของพวกนี้กันทั้งนั้น ตามปกติแล้วหลังจากพวกมันถูกวางขายบนโซนไอเทมค่าสถานะมันก็มักจะถูกแลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว”