Chapter 26 : หยางเว่ยลงมือ
ความสามารถของแหวนตราสัญลักษณ์มังกรคือเพิ่มความแข็งแกร่งของสกิลประเภทเวทย์มนตร์ สกิลเวทย์มนตร์นั้นแตกต่างจากสกิลธาตุ แหวนตราสัญลักษณ์มังกรนี้เพิ่มความแข็งแกร่ง20%ของสกิลเวทย์เพียงอย่างเดียว
ความสามารถของแกนผลเบอรี่พลาสม่าที่แห้งเหี่ยวคือเพิ่มพลังทำลายของสกิลสายฟ้าและลดการใช้มานาของสกิลสายฟ้าลง
ส่วนรูน ‘อัสนีสลายความมืด’ เองก็เป็นรูนสำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งของสกิลธาตุสายฟ้าเช่นกัน
ของเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ
หลินเซวียนครึ่งนึงก็ประหลาดในแต่อีกครึ่งนึงก็รู้สึกอับจนอยู่บ้าง ‘ไร้ประโยชน์ทั้งนั้นแต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายดรอปวัตถุดิบสำหรับเลือดขั้นมาครบ5ชิ้นพอดี!’
“ยังไงก็ตามรูนเกรดไร้ที่ติสีทองนี้เก็บเอาไว้ก่อนแล้วกัน บางทีในอนาคตเราอาจจะคิดเรื่องที่จะกลายเป็นผู้ใช้สายฟ้าขึ้นมาก็ได้”
“แต่ของที่อยากได้ที่สุดดันไม่ได้ ไม่ได้สิเราต้องเอามันมาให้ได้”
สิ่งที่หลินเซวียนต้องการมากที่สุดคือสกิล ‘เปลือกพฤกษาบรรพกาล’ ซึ่งดูจากชื่อสกิลแล้วเป็นสกิลสายป้องกันแน่นอน
ในฐานะของนักสู้ที่พึ่งจะตั้งไข่ การเพิ่มอัตราการรอดชีวิตนี่แหละสำคัญที่สุด
เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพลังป้องกันของตัวเองเป็นอันดับแรก!
“รอราชันย์แดนลับตัวต่อไปเกิดเลยแล้วกัน”
หลินเซวียนรออยู่หลายนาทีกว่าราชันย์แดนลับตัวที่สองจะปรากฏ ยังไงก็ตามหนนี้บอสที่โผล่ออกมากลับเป็นพฤกษาเปลือกเหมันต์
“ราชันย์พฤกษาเปลือกเหมันต์งั้นหรอ? ขอดูสกิลหน่อยซิ...เชี่ยไม่มีสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลเหรอวะเนี่ย?”
หลินเซวียนส่ายหัวไปมา หลังจากสังหารราชันย์แดนลับตนนี้ลงแล้วเขาก็เฝ้าคอยต่อไป
พริบตาหลังจากนั้นราชันย์พฤกษากรีดร้องก็ปรากฏกาย
หลังจากใช้สกิลตรวจสอบตรวจดูข้อมูลของมันแล้วเขาก็พบว่าเจ้าตัวนี้มีสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลอยู่ด้วย ยังไงก็ตามสกิลนี้กลับไม่ดรอปลงมาหลังจากที่เขาสังหารมันลงได้
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะไม่ได้มันมา!”
หลินเซวียนมุ่งมั่นที่จะเอาสกิลนี้มาให้ได้ นี่เป็นเพราะว่าถ้าเขาเอามันมาไม่ได้ตอนนี้ในอนาคตที่เลเวลและขอบเขตเขาสูงกว่านี้ก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
แม้ว่าร่างอวตารฝึกฝนของเขาจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจท้าทายราชันย์แดนลับได้อยู่ดี
ยังไงซะด้วยนักกู้ซากจำนวนมากที่จับตามองอยู่ เขาคงไม่อาจส่งร่างอวตารเข้าไปในถ้ำของราชันย์แดนลับได้แน่ๆ ถ้าทำเช่นนั้นร่างอวตารของเขาคงได้ถูกจับและนำไปผ่าเป็นชิ้นๆเพื่อวิจัยแน่นอน
หลินเซวียนรอคอยต่อไป “ฉันจะฟาร์มต่อไปเรื่อยๆ ยังไงก็ไม่เหนื่อยมากอยู่แล้ว”
ด้านนอกถ้ำ หยางเว่ยที่นั่งรอมาเกินชั่วโมงแล้วเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี
บอสในถ้ำนั้นถูกเปลี่ยนไปแล้วหลายครั้ง
ตั้งแต่ราชันย์พฤกษาพลาสม่าไปจนถึงราชันย์พฤกษาเปลือกเหมันต์จากตอนนี้ก็มาเป็นราชันย์พฤกษากรีดร้อง!
แล้วทำไมเจ้าโล่วิญญาณถึงยังไม่โผล่หัวออกมาซักที?!
ในฐานะที่รอคอยนั้นอารมณ์ในใจของหยางเว่ยก็สวิงไปสวิงมา
โล่วิญญาณผู้นี้สมคำล่ำรือ
คนผู้นี้ทรงพลังมาก
ที่นี่คือแดนลับขอบเขตที่2แท้ๆแต่โล่วิญญาณกลับสามารถสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ลงได้ก่อนจะสังหารเพิ่มอีกสองตัว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสังหารพวกมันเพียงลำพังอีกด้วย
ตอนนี้ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีทีท่าว่าจะพักเลยซักนิด เขาคงรออยู่ในถ้ำนั่นพื่อให้ราชันย์แดนลับตัวต่อไปเกิดใหม่
ถ้าคนที่นี่พลังรบเช่นนี้เข้าสู่องค์กรจริงๆและกลายเป็นนักสู้ขององค์กรก็คงจัดได้ว่าเป็นระดับหัวกระทิชั้นยอด
หยางเว่ยยังคงรอต่อไป
หลินเซวียนเองก็ยังคงฟาร์มราชันย์แดนลับต่อไป
สุดท้ายเขาก็ได้หนังสือสกิลเปลือกพฤกษาบรรพกาลมาครอบครอง
“วัตถุดิบเองก็มีพอแล้ว ทำไมไม่เลื่อนขั้นไปขอบเขตที่3มันซะตรงนี้เลยล่ะ?” หลินเซวียนหัวเราะ
ตราบใดที่เขาปักโล่ทั้งสองลงไปในพื้นดินต่อให้อีกฝ่ายเป็นราชันย์แดนลับก็ไม่อาจทะลวงการป้องกันของเขาได้อยู่ดี
“เลื่อนขั้น!”
หลินเซวียนแตะไปที่สัญลักษณ์ลูกศรบนหน้าต่างข้อมูลของตัวเอง
วัตถุดิบเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ทั้ง5ชิ้นแปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา
เช่นเดียวกับครั้งก่อน วัตถุดิบเลื่อนขั้นของราชันย์แดนลับมากประสบการณ์นั้นเพิ่มค่าสถานะของเขาทั้งหมด+3แต้ม โดยรวมแล้วเท่ากับว่าค่าสถานะทั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างละ15แต้ม
เพียงไม่กี่นาทีหลินเซวียนก็เลื่อนขั้นจากนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่2มาเป็นขอบเขตที่3แล้ว
สถานะของเขาในตอนนี้คือ : ความอดทน 144 , พละกำลัง 62 , พลังจิต 63 , ความเร็ว 58
“ความรู้สึกเวลาแข็งแกร่งขึ้นนี่รู้สึกดีมากจริงๆ ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้วมั้งเนี่ย” หลินเซวียนหันกายเดินออกจากถ้ำ
ในเวลาเดียวกันนี้ที่ด้านนอกถ้ำ หยางเว่ยยังคงรออยู่ตลอด ก้นของเขาชาด้านจนไม่รู้สึกอะไรแล้วและเขาก็ทนไม่ไหวต้องยืนขึ้นมานวดก้นหลายต่อหลายครั้ง
ในเวลานี้เองหลินเซวียนก็เดินออกมาพอดี เขายิ้มให้กับหยางเว่ยที่กำลังลูบก้นของตัวเองอยู่
แววตาของพวกเขาดูกระอักกระอ่วนไม่น้อย
หากแต่ผู้ดูแลก็คือผู้ดูแล หยางเว่ยข่มความอับอายนี้ลงและเอ่ยออกมา “โล่วิญญาณ! ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อยื่นคำขาด นายต้องเลือกแล้วว่าจะเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินัลหรือจะออกจากเมืองทะเลสาบตะวันออก!”
นักกู้ซากที่อยู่รอบๆซึ่งกำลังเข้าคิวอยู่หน้าถ้ำเองก็พากันหยุดต่อคิวและเหยียดหัวมองมาทางนี้กันอย่างบ้าคลั่ง
นักกู้ซากบางคนก็เคารพโล่วิญญาณ บางคนก็รักปักใจอยู่กับองค์กรแบบถอนตัวไม่ขึ้นและบางคนก็แค่อยากดูเรื่องสนุกๆเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้นักกู้ซากจากเขตCก็รีบวิ่งไปบอกลู่หลัวในทันที
ลู่หลัวที่กำลังเสาะหาไอเทมเพิ่มค่าสถานะในทะเลราชันย์พฤกษาอยู่รีบรุดหน้ามาที่นี่ทันทีที่ได้ข่าว
ยังไงก็ตามหลังจากได้ยินคำกล่าวของหยางเว่ยหลินเซวียนกลับอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ต่อให้ผู้จัดการหมายเลข3ที่สูงส่งผู้นั้นจะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางลงมือด้วยตัวเองแน่นอน หยางเว่ยผู้นี้คงจะวางแผนใช้โอกาสนี้เพื่อเลียแข้งเลียขาผู้จัดการหมายเลข3เป็นแน่
ยังไงก็ตาม...ตัวเขาก็ยังไม่ดีพอจะทำงานนี้อยู่ดี
หลินเซวียนใช้สกิลตรวจสอบและรับรู้ค่าสถานะของหยางเว่ยในทันที
เขาเป็นนักสู้ขอบเขตที่4ที่มีค่าความอดทน 35 , พละกำลัง 25 , พลังจิต 79และความเร็ว25
อุปกรณ์สวมใส่เองก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรนัก บนตัวเขามีไอเทมเกรดล้ำค่าสีม่วงอยู่เพียงสองชิ้นเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นเกรดหายากสีฟ้า
ส่วนสกิลนั้นแย่ยิ่งกว่า เขามีสกิลเกรดสีม่วงเพียงหนึ่งสกิลและที่เหลือเป็นเกรดสีฟ้าทั้งหมด
หลินเซวียนแอบปรายตามองไปที่รูนบนอุปกรณ์สวมใส่ของอีกฝ่าย ‘เชี่ยไม่มีรูนเกรดสีม่วงเลยซักชิ้น เป็นสีฟ้าล้วนๆ’
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดอุปกณณ์ สกิลและรูนต่างก็ยังไม่เลเวลอัพเลยซักชิ้น ชิ้นที่มีระดับสูงที่สุดมีระดับเพลงเลเวล7ขอบเขตที่3เท่านั้นยังไม่เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่4แต่อย่างใด
เมื่อมองไปที่ค่าสถานะของตัวเองเทียบกับอีกฝ่ายแล้วหลินเซวียนก็รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
ตัวเขาเห็นๆกันอยู่ว่าเป็นเพียงเลเวล1ขอบเขตที่3แต่กลับเทียบได้เลยกับหยางเว่ยที่เป็นนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่4
ต่อให้เขายังไม่เลื่อนขั้นความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่ดี
ในเวลานี้เองลู่หลัวก็ได้มาถึงแล้วและมองเห็นเงาร่างของทั้งหยางเว่ยและโล่วิญญาณ
เจ้าหล่อนสาวเท้าเข้าไปหาทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา
ยังไงก็ตามเจ้าหล่อนก้าวเท้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็พลันสังเกตเห็นนักสู้ชุดดำนั่งอยู่บนม้านั่งหินและดื่มเบียร์สิงฆ์ดาวอย่างสบายอารมณ์
“ทำไมคุณไม่หยุดพวกเขาล่ะ?” ลู่หลัวถามเสียงเบา
นักสู้ชุดดำหัวเราะ “โล่วิญญาณผู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเยอะ เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเขาสิ”
“ยิ่งไปกว่านั้นจริงๆแล้วฉันหวังว่าหยางเว่ยจะกดโล่วิญญาณเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะได้มีโอกาสยื่นมือเข้าไปช่วย เช่นนี้อีกฝ่ายจะได้ติดหนี้น้ำใจ”
ลู่หลัว “....”
“พวกนั้นเริ่มกันแล้ว” นักสู้ชุดดำยื่นเบียร์สามชนิดให้กับลู่หลัว “เลือกอันที่ชอบไปสิ”
ลู่หลัวรับขวดเบียร์เสวี่ยฮวามาและจิบไปหลายอึกก่อนจะเบนความสนใจไปที่การต่อสู้
“บอลเพลิงยักษ์!”
“กรดกัดกร่อน!”
“แส้สายฟ้าห้าครั้งต่อเนื่อง!”
“แท่งน้ำแข็ง!”
เสียงของหยางเว่ยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สกิลทุกประเภทที่เขามีถูกกระหน่ำเข้าใส่โล่วิญญาณ
เปลวเพลิงสีแดง สายฟ้าสีฟ้า พิษสีเขียว น้ำแข็งสีขาว...
ต้องกล่าวว่าสกิลธาตุของหยางเว่ยนั้นมีหลากหลายยิ่งนัก
ยังไงก็ตามหลังจากใช้สกิลไปชุดใหญ่ พลังเวทย์ของหยางเว่ยก็ลดลงไปเกือบหนึ่งในสามแต่โล่วิญญาณกลับยังคงยืนหน้านิ่ง
โล่นักล่ามังกรและค้อนโล่ราชันย์มังกรดินของเขายังคงทนทายาดประดุจดั่งปราการเช่นเดิม ชุดเกราะสีดำบนร่างของเขาเองก็ดูเหมือนจะดูดซับทุกการโจมตีเอาไว้
“หืม? กำลังรอคูลดาวน์สกิลอยู่รึไง? อยากให้ฉันรอไหม?” น้ำเสียงแหบแห้งของโล่วิญญาณดังออกมาจากใต้ชุดเกราะ
หยางเว่ยที่ได้ยินพลันโกรธเกรี้ยวจนใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงลำคอ