ตอนที่แล้วChapter 23 : กระโดดลงสู่ใจกลางคลื่นอสูร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 25 : ความอดทน 129 แต้ม!

Chapter 24 : โล่วิญญาณจงเจริญ


บนกำแพงเมืองทิศตะวันตก

ในช่วงแรกของการต่อสู้ทางองค์กรเจอร์มินัลค่อนข้างเสียเปรียบ แม้ว่าลู่หลัวจะเป็นนักสู้ขอบเขตที่3เลเวล9แต่ความแข็งแกร่งที่เจ้าหล่อนสำแดงออกมากระทั่งนักสู้ขอบเขตที่4ก็ยังไม่กล้าอาจเอื้อมและทำให้พวกอสูรขอบเขตที่4จำนวนไม่น้อยต้องล่าถอยกลับออกไป

เคียวสีขนาดมหึมาโบกสะบัดราวกับกังหันลม ฉีกกระชากเปลือกแข็งและเลาะเลือด เนื้อและกระดูกของอสูรจนปลิวว่อน

หยางเว่ยและผู้ดูและคนอื่นๆที่เห็นต่างพากันตกตะลึง

พวกเขาเองก็เป็นขอบเขตที่3เลเวล9เหมือนๆกัน แล้วทำไมเจ้าหล่อนกลับเป็นคนเดียวที่เหมือนโด๊ปยามาจนทรงพลังขนาดนี้?

หลังจากนักสู้ขององค์กรกลับออกมาจากแดนลับและเข้าร่วมการต่อสู้ที่กำแพงทิศตะวันตก ตาชั่งก็เริ่มเอนเอียงไปทางองค์กร

ยิ่งไปกว่านั้นนักสู้ชุดดำยังทำให้อสูรปลาหมึกเกิดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา มันไม่กล้าจะเข้าต่อสู้ด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายจึงไม่ได้สู้กันถึงตาย

อสูรขอบเขตที่7คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวและดำหายลงไปในทะเลสาบ อสูรอีกไม่น้อยที่เหลือเองก็คล้ายกับจะเสียแกนนำไปและพากันหายตัวไปใต้น้ำเช่นกัน

ลู่หลัวที่ทั่วร่างเปื้อนไปด้วยเลือดหากแต่ใบหน้าเย็นชานั้นกลับทอดสายตามองไกลออกไป

เธอมองไปยังละลอกคลื่นที่ค่อยๆหายไป มุ่งหน้าไปทางแม่น้ำสีฟ้า

อสูรพวกนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าเข้าไปยังแม่น้ำสีฟ้าผ่านทางทะเลสาบตะวันออกและท้ายที่สุดก็คงจะกลับไปยังแดนลับเมืองบาดาลที่อยู่ในทะเลตะวันออก

ผู้จัดการหมายเลข2ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พวกเราทำได้แล้ว...กลับไปกำแพงตะวันออกเดี๋ยวนี้!”

ลู่หลัวเองก็พลันได้สติและคว้าเคียวประจำตัวออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและเป็นคนแรกเลยที่พุ่งไปยังกำแพงทิศตะวันออก

เทียบกันแล้วหยางเว่ยกับผู้ดูแลอีกสองคนกลับไม่มีความกังวลเลยซักนิด พวกเขาทำเพียงแค่เดินทอดน่องไปอย่างช้าๆเท่านั้น

ส่วนพวกนักสู้พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นความตายของนักกู้ซากเช่นกัน ภารกิจของพวกเขาคือการสำรวจแดนลับ ดังนั้นหลังจากการต่อสู้บนกำแพงเมืองทิศตะวันตกจบลงพวกเขาจึงกลับไปยังแดนลับทันที

“จะรีบวิ่งไปทำไม? ไม่มีข่าวว่าเราเสียกำแพงทิศตะวันออกไปแล้วซักหน่อยก็หมายความว่ามันถูกป้องกันเอาไว้ได้ไงล่ะ” หยางเว่ยปรายตามองไปยังแผ่นหลังของลู่หลัวและยกยิ้มเย้ยหยัน

“หวังว่าจะมีคนตายไม่มาก...” ลู่หลัวกังวลยิ่งนัก

ยังไงก็ตามเมื่อเจ้าหล่อนมาถึงกลับต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

เงาร่างร่างหนึ่งยืนอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ท่ามกลางกองศพของอสูรขอบเขตที่3

แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาราวกับถูกชุดเกราะสีดำขลับนั้นดูดกลืนไปจนสิ้น

บุรุษผู้นี้ดูราวกับเทพพิทักษ์ทมิฬ

เมื่อปราศจากแกนนำอย่างอสูรขอบเขตที่3เหล่านี้ อสูรขอบเขตที่2 1และ0ที่อ่อนแอที่สุดย่อมไม่เพียงพอ พวกมันสิ้นชีพไปซักพักแล้วจากการกระหน่ำยิงโดยป้อมปืนป้องกัน นักกู้ซากและเหล่าผู้อพยพ

นักกู้ซากและเหล่าผู้อพยพพากันส่งเสียงเชียร์ให้แก่คนผู้นั้น

“โล่วิญญาณจงเจริญ!”

ตัวเขาในเวลานี้ราวกับว่ากลายเป็นเสาหลักที่คอยสนับสนุนสมาชิกระดับต่ำไปแล้ว

โล่วิญญาณ!

ลู่หลัวถอนหายใจบางเบา เธอไม่รู้ว่าที่ถอนหายใจออกมานี้เพราะชื่นชมโล่วิญญาณหรือรู้สึกอับจบแทนองค์กรเจอร์มินัลกันแน่

“เจ้าหมอนี่ไม่เลวเลยจริงๆ สงสัยจริงๆว่าแผนโปรยเงินจะได้ผลรึเปล่า” เสียงของผู้จัดการหมายเลข2ดังขึ้นข้างๆ

“จ่ายไปสิ” นักสู้ชุดดำเองก็ปรากฏกายขึ้นข้างกายของผู้จัดการหมายเลข2ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ

ผู้จัดการหมายเลข2 “...พูดอะไรแบบนั้น...”

นักสู้ชุดดำส่ายหัว “ฉันก็แค่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายพูดไง”

ลู่หลัวอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนกำแพงเมืองทิศตะวันออกจากพวกนักกู้ซาก

หลินเซวียนคือคนที่พาโล่วิญญาณมาช่วย

ตลอดการต่อสู้ทุกๆคนล้วนพึ่งพาโล่วิญญาณในการคว้าชัย

เขาคือคนที่กล้ากระโดดลงไปยังใจกลางคลื่นอสูรเพียงลำพัง!

เขากล้ากระทั่งท้าทายอสูรขอบเขตที่3นับสิบด้วยตัวคนเดียว!

เหล่าคนคุ้มกันบนกำแพงเมืองที่จิตใจใกล้จะพังทลายก็ได้การมาถึงของโล่วิญญาณผู้นี้นี่แหละที่ช่วยพลิกสถานการณ์

ลู่หลัวถามออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ท่านคะไม่ใช่ว่าทางองค์กรควรจะให้รางวัลโล่วิญญาณผู้นี้หรอคะ?”

สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข2ยากนักที่จะบอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ฉันเสนอไปแล้วแต่เรื่องนี้น่าจะถูกหมายเลข3ปัดตกไม่เห็นด้วยแน่ๆ”

ลู่หลัวยิ้มอย่างอับจบและคิดถึงอีกคนหนึ่งขึ้นมา “แล้วหลินเซวียนล่ะคะ? เขาเป็นคนเรียกโล่วิญญาณมาพวกเราก็น่าจะให้รางวัลกับเขาใช่ไหม?”

ผู้จัดการหมายเลข2ขบคิด

ตามคำอธิบายของพวกนักกู้ซากคนอื่นๆ ความสามารถของหลินเซวียนในการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ในระดับทั่วๆไปเท่านั้น คณูปการใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการที่เขาใช้สายสัมพันธ์อันดีที่มีกับโล่วิญญาณในการเรียกตัวเขามาช่วยก็แค่นั้น

หรือเจ้าหมอนี่จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับโล่วิญญาณ?

ผู้จัดการหมายเลข2เกิดความสนใจในตัวของหลินเซวียนขึ้นมาในทันที โล่วิญญาณที่ไม่ว่าจะบีบบังคับหรือล่อลวงก็ไม่เคยคล้อยตามแท้ๆ บางทีเขาอาจจะดึงตัวอีกฝ่ายมาเป็นพวกได้ถ้ามีหลินเซวียนคอยช่วย

“นั่นไม่น่าจะยาก ไม่ต้องห่วงรางวัลจะถูกมอบอย่างมากก็อีกหนึ่งวันให้หลัง” ผู้จัดการหมายเลข2พยักหน้ารับคำ

การต่อสู้ป้องกันกำแพงเมืองทั้งสองทิศหนนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและจบลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามในบรรดานักกู้ซากและผู้อพยพก็ได้มีบางคนกระจายข่าวออกไปแล้ว

โล่วิญญาณ!

เมื่อผู้ดูแลและเหล่าผู้จัดการละทิ้งกำแพงทิศตะวันออกและรีบมุ่งตรงไปยังกำแพงทิศตะวันตกกลับเป็นโล่วิญญาณผู้นี้ที่ก้าวออกมาข้างหน้าและยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกคนป้องกันกำแพงทิศตะวันออกเอาไว้ได้!

หลายวันให้หลัง

รางวัลจากการต่อสู้ก็ได้ถูกส่งมอบ

ระดับดาวของนักกู้ซากบนกำแพงทิศตะวันออกทุกคนเพิ่มขึ้นคนละหนึ่งระดับ ใครที่มีผลงานโดดเด่นก็ได้ดาวเพิ่มมากกว่าคนอื่น

ส่วนอุปกรณ์สวมใส่ หนังสือสกิลและรูนสิ่งเหล่านี้ก็รวมอยู่ในรางวัลเช่นกัน

รางวัลของหลินเซวียนค่อนข้างมหาศาลไม่น้อย ระดับในองค์กรของเขาเพิ่มขึ้นมาสองดาวจากนักกู้ซากหกดาวเป็นแปดดาว ห้องเดี่ยวของเขาเปลี่ยนจากห้องเล็กขนาดสิบลูกบาศก์เมตรกลายเป็นห้องเล็กขนาดยี่สิบลูกบาศก์เมตร แม้ว่าจะยังเล็กอยู่แต่ก็ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้

นอกจากนี้เขายังได้อุปกรณ์เกรดหายากสีฟ้าและหนังสือสกิลเกรดหายากสีฟ้ามาด้วย

ซุนจื่อเกาและนักกู้ซากคนอื่นๆอิจฉาเขายิ่งนัก พวกเขาต่อให้เข้าไปหมกตัวอยู่ในแดนลับเป็นเวลานานก็ยังไม่เคยได้อุปกรณ์หรือหนังสือสกิลเกรดหายากสีฟ้าเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าของพวกนี้ในสายตาของหลินเซวียนแล้วมันไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากเอาไปหลอมที่โต๊ะหลอมแล้วเขาก็ไม่รู้จะเอาพวกมันไปทำอะไรเหมือนกัน

มีเพียงโล่วิญญาณเท่านั้นที่ได้รางวัลค่อนข้างน่าสนใจ

“ผู้อพยพโล่วิญญาณได้สร้างคณูปการอย่างใหญ่หลวงในการต่อสู้บนกำแพงเมืองทิศตะวันออก เขาจะได้รับอนุญาติให้เข้าร่วมกับทางองค์กรเจอร์มินัลเป็นกรณีพิเศษและสามารถรับสถานะของนักกู้ซากระดับสิบดาวได้โดยตรง นอกจากนี้พวกเขายังยินดีจะมอบอุปกรร์และหนังสือสกิลเกรดหายากสีฟ้าให้อีกอย่างละสองชิ้นด้วย”

เมื่อเรื่องนี้ประกาศออกไป เหล่านักกู้ซากและผู้อพยพที่อยู่ในเมืองทะเลสาบตะวันออกต่างพากันแตกตื่น

โล่วิญญาณทำผลงานขนาดนั้นแต่กลับเป็นได้เพียงนักกู้ซากสิบดาวงั้นหรอ? เขาที่สังหารอสูรขอบเขตที่3นับสิบด้วยตัวเองเพียงลำพังไม่ใช่ว่าควรจะได้รับแต่งตั้งเป็น ‘นักสู้’ แล้วรึไง?!

น้ำเสียงที่ประกาศออกมานั้นเต็มไปด้วยความสูงส่งถือดี

ราวกับเจ้าของเสียงกำลังปล่าวประกาศว่า ‘มาไม่มาพวกเราก็ไม่สน!’

เมื่อได้ยินเสียงประกาศนี้ลู่หลัวก็ขมวดคิ้วมุ่น

เธอคิดอยู่ซักพักและรู้ทันทีว่านี่น่าจะเป็นฝีมือของผู้จัดการหมายเลข3

เป็นดั่งกาลก่อน ยิ่งโล่วิญญาณทรงพลังขึ้นเท่าไหร่องค์กรของพวกเขาก็ยิ่งดูไร้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

ส่วนเรื่องผลงานของโล่วิญญาณน่ะหรอ? สังหารอสูรขอบเขตที่3นับสิบเพียงลำพังงั้นหรอ?

นักสู้ขอบเขตที่3ในองค์กรนั้นมีเยอะประหนึ่งถั่วงอก พวกเขาไม่ได้ขาดแคลน

ต่อให้โล่วิญญาณจะทรงพลังขนาดไหนแต่เขาจะเอาชนะนักสู้ขอบเขตที่3ได้ซักกี่คนกัน? สาม สี่หรือห้า?

โจวเฟิงเองก็โมโหยิ่งนัก เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องทำงานของบิดาและก่นด่าผู้จัดการหมายเลข3ไปแล้วนับพันครั้งในใจ

โล่วิญญาณปฏิเสธรางวัลดังคาด

ไม่เพียงแต่ปฏิเสธสถานะนักกู้ซากสิบดาวเท่านั้นแต่ยังปฏิเสธอุปกรณ์สวมใส่และหนังสือสกิลด้วย

องค์กรเจอร์มินัลที่ทำตัวสูงส่งวางอำนาจแท้จริงแล้วกลับให้รางวัลได้เท่านี้ ยังไงก็ตามโล่วิญญาณเองก็ไม่ยินดีจะรับข้อเสนอของอีกฝ่ายเช่นกัน

หลินเซวียนไม่สนใจท่าทีขององค์กรอยู่แล้ว

เขาแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในองค์กรก็เท่านั้น

เมื่อเขากลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่7และสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในแดนรกร้างแล้วเขาจะออกจากองค์กรเจอร์มินัลแน่นอน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด