ตอนที่แล้วChapter 61 : สหายที่นายพูดถึงคือตัวนายเองงั้นหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 63 : สู้ตายกันไปข้าง! ยื้อเวลา!

Chapter 62 : อู้เก่ง


เปลวเพลิงมลายทิ้งหลงเหลือทิ้งไว้เพียงรอยไหม้สีดำบนพื้นดิน

จางเผิง โม่หยวนและหยางเหว่ยที่มองดูอยู่ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้หิวหากแต่หวาดกลัวจับใจ

“ใครอยากจะตายต่อ?”

เสียงที่ดังมาจากใต้ผ้าคลุมนั้นยิ่งมาก็ยิ่งฟังดูแหบแห้ง

ร่างของคนทั้งสามสั่นสะท้านและพากันส่ายหัวตามสัญชาตญาณ

จางเผิงกระแอมออกมาเบาๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถอยกันก่อนแล้วคิดว่าวิธีจัดการกับเจ้าหมอนี่ก่อนเถอะ”

โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้ารับอย่างเต็มอกเต็มใจ “ใช่แล้ว!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของคนทั้งสาม นักสู้คนอื่นๆก็ถอนหายใจโล่งอกและรีบล่าถอยในทันที หลังจากถอยออกไปนอกระยะการโจมตีของระเบิดเพลิงได้แล้วพวกเขาถึงหยุดลง

จางเผิงเอ่ยออกมา “ฉันคิดว่าพวกเราคงต้องพึ่งคนทางฝั่งกำแพงทิศใต้กับผู้จัดการทั้งสามในการโจมตีเมืองเครนขาวแล้วล่ะ เนอะ?”

โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง “ใช่แล้ว! นายพูดถูก!”

จางเผิงเอ่ย “กำลังรบทางฝั่งตะวันออกและตกของพวกเรามีไว้เพื่อยื้อเวลาคนคุ้มกันของเมืองเครนขาวเท่านั้น ดังนั้นต่อให้พวกเราไม่ใช้พลังเต็มที่แต่ตราบใดที่ดึงระเบิดเพลิงเอาไว้ที่นี่ได้ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายอยู่ดี จริงไหม?”

โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ทักษะการวางแผนของนายยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเราประทับใจมาก”

จางเผิงเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ถ้างั้นพวกเราก็แสร้งๆปาสกิลออกไปซักหน่อย ยังไงซะพวกเราก็ต้องทำทีว่ากำลังโจมตีเมืองอยู่”

โม่หยวนและหยางเหว่ยยกนิ้วโป้งให้กับเขาและย่อมไม่ตระหนี่คำสรรเสริญ “แผนการต่อสู้แบบนี้สุดยอดไปเลย!”

หลินเซวียนที่มองผ่านสายตาของร่างแยกเห็นว่าจางเผิงและคนอื่นๆรวมตัวกันพูดคุยอะไรบางอย่าง เขาอดรู้สึกขึ้นไม่ได้ว่าพวกนั้นน่าจะมีแผนการอะไรไม่ได้เรื่องนัก

ไม่คิดเลยว่าหลังจากคุยกันจบแล้วจางเผิงและอีกสองคนจะนำนักสู้ตรงเข้ามาอีกครั้ง

ยังไงก็ตามครั้งนี้จางเผิงกลับเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี สกิลที่เขาใช้หนนี้คือศรเพลิงที่ถูกยิงออกมาแบบเบ้ๆ ไม่เพียงแต่จะห่างไกลจากเป้าหมายเท่านั้นแต่กระทั่งวิถีการยิ่งเองก็ยังมาไม่ถึงกำแพงเมืองด้วยซ้ำ

“จากการโจมตีนี้ฉันคิดว่าระเบิดเพลิงน่าจะรู้ว่าเราหมายความว่ายังไง” จางเผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

จากนั้นภาพอันน่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น

เสียงตะโกนกู่ก้องร้องสังหารสั่นสะเทือนท้องฟ้าดังมาจากทางฝั่งกำแพงทิศตะวันตก นักสู้ทุกคนต่างรีดเค้นพลังทั้งหมดออกมาก่อนจะพากันก้าวออกมา พวกเขาตะโกนกันจนใบหน้าและลำคอแดงก่ำไปหมด

ยังไงก็ตามสกิลที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นกลับเล็กจ้อยจนน่าสังเวช พวกมันไม่ใช่สกิลที่ทรงพลังที่สุดที่พวกเขาใช้ประจำแต่เป็นสกิลกระจอกที่ระดับต่ำที่สุดที่พวกเขามี

บอลเพลิงลูกเล็กเท่าเล็บมือจำนวนมาก สายฟ้าและศรน้ำแข็งถูกยิงออกไป ความเร็วของพวกมันนั้นช้าเสียยิ่งกว่าชายชราในวัยเจ็บสิบถึงแปดสิบเสียอีก

หลินเซวียนบอกได้เลยว่าเขาแค่ดีดนิ้วใส่การโจมตีพวกนี้ก็สลายกลายเป็นฝุ่นแล้ว

หลินเซวียนเข้าใจสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการจะสื่อแล้ว เขาจึงไม่รู้เลยว่าควรจะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดี

“พวกนายนี่เป็นพวกเจ้าเล่ห์จริงๆนะ” เขายิ้มและเล่นไปกับพวกนั้น

จางเผิง โม่หยวนและหยางเหว่ยพลันยกยิ้มออกมาด้วยท่าทีเข้าใจและมีร่องรอยขอบคุณในแววตาของพวกเขาด้วย

อีกฝ่ายเข้าใจที่พวกเขาสื่อ!

ระเบิดเพลิงเล่นตามน้ำกับพวกเขา!

บนกำแพงทิศใต้

ผู้จัดการสามคนสังเกตเห็นเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาจากกำแพงด้านตะวันตก ผู้จัดการหมายเลข1ใช้สกิล ‘อาณาเขตตรวจจับวงกว้าง’ และเห็นเงาร่างที่ถูกปกคลุมภายใต้ชุดคลุมนั้นอย่างชัดเจน

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหมายเลข1 หมายเลข3ก็กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง “เจ้าหมอนั่น! ระเบิดเพลิง! หมอนั่นเป็นคนของกองพลก่อสร้างจริงๆด้วย!”

หมายเลข2เกาหัวยิกๆ กองพลก่อสร้างมีคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่าบอกนะว่าเขาถูกชักชวนเข้ากองพลก่อสร้างหลังจากที่ตัวเขาเองเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอลไปแล้ว?

“ทางกำแพงทิศตะวันตกมีคนอยู่เป็นจำนวนมากแต่กลับถูกระเบิดเพลิงเพียงคนเดียวขวางเอาไว้ คงพูดได้แค่ว่าชื่อเสียงของระเบิดเพลิงนั้นขจรขจายจนเกินไปทำให้คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรมุทะลุ...” หมายเลข1ส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา “แปลกดี ทางด้านกำแพงตะวันออกเองก็มีคนยืนอยู่แค่คนเดียว ทั่วร่างของเขาปกคลุมอยู่ภายใต้ชุดเกราะเหล็กที่ดูราวกับถังเหล็กยังไงยังงั้น” หมายเลข1ใช้สกิลตรวจจับวงกว้างของเขาเพื่อมองไปทางกำแพงตะวันออกอีกครั้งและเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย

กองพลก่อสร้างแห่งเมืองเครนขาวนั้นกล้าหาญยิ่งนัก พวกเขากลับจัดแจงใช้คนเพียงสองคนเท่านั้นในการป้องกันกำแพงทิศตะวันออกและตะวันตกยังนั้นหรือ?

ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยถามขึ้นมา “หมายเลข1พวกเรายังไม่ลงมืออีกรึ? ทำไมไม่ให้แบล็คไปจัดการกับหนึ่งในกำแพงเมืองลงให้ได้ไวๆก่อนล่ะ?”

แบล็คที่อยู่ข้างๆกรอกตาไปมา

หมายเลข1ส่ายหัว “ไม่ พวกเราจะรอให้ขอบเขตที่7ของอีกฝ่ายปรากฏตัวก่อน ตอนนี้พวกเราทำได้แค่อดทน ฝ่ายไหนก็ตามที่ส่งกำลังรบระดับสูงลงมาก่อนย่อมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก่อนเช่นกัน”

“นี่คือเกมไพ่นั่นแหละ พวกเราจะโยนไพ่ตายลงไปเลยไม่ได้”

หมายเลข1ชี้ไปที่กำแพงทิศใต้ “อีกฝ่ายเอานักสู่ทั้งหมดมารวมกันที่กำแพงทิศใต้และกระทั่งติดต้ามป้อมปืนไร้คนบังคับบนกำแพงทิศใต้เอาไว้ด้วยทำให้ยากจะโจมตี”

“ยังไงก็ตามฝั่งตะวันตกและตะวันออกนั้นคือจุดอ่อนของพวกมัน ตราบใดที่พวกเราโจมตีกำแพงทั้งสองฝั่งนี้ด้านในด้านหนึ่งลงได้และทำให้เกิดปรากฏการณ์ลูกโซ่ เมื่อถึงเวลานั้นนักสู้ขอบเขตที่7ของกองพลก่อสร้างย่อมไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องลงมือ แผนการของพวกเราก็จะสัมฤทธิ์ผล”

หมายเลข2พยักหน้ารับซ้ำไปซ้ำมาแต่ในใจนั้นกลับกังวลเกี่ยวกับสมาชิกของกองพลก่อสร้างภายในเมืองเครนขาว

ไม่ใช่ว่าการใช้คนแค่สองคนป้องกันกำแพงเมืองทั้งออกและตกมันอันตรายเกินไปหน่อยรึไง? อย่างน้อยก็ส่งคนมามากกว่านี้หน่อยสิ

บนกำแพงเมืองทิศตะวันออก

ลู่หลัว เหวินเซี่ยงและนักสู้ขอบเขตที่6คนอื่นๆรับหน้าที่เป็นผู้นำในการโจมตีกำแพงทิศนี้

เมื่อพวกเขาพบว่ามีคนแค่คนเดียวป้องกันกำแพงเมืองฝั่งนี้นั่นก็คือนักสู้ที่สวมใส่ชุดเกราะราวกับถังเหล็กพวกเขาก็พลันรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา

นี่มันเกินไปแล้ว! ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกพวกเขาอยู่หรอกรึ?

ลู่หลัวกังวลเล็กน้อยในใจ นี่กองพลก่อสร้างคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้ส่งคนแค่คนเดียวมาป้องกันกำแพงฝั่งนี้?

แล้วในสถานการณ์แบบนี้เธอจะแสดงตัวว่าเป็นศัตรูยังไง?

หลินเซวียนเคลียร์คอเล็กน้อยและตะโกนออกมา “ขอบอกชื่อของฉันก่อนแล้วกันนะ! ฉันคือกำแพงเหล็กและไม่ยินดีจะลงมือสังหารคนไร้ชื่อ!”

กำแพงเหล็ก? เป็นชื่อลับที่ประหลาดดี

สีหน้าของลู่หลัวเต็มไปด้วยความสับสน

แล้วโล่วิญญาณไปไหน? หรือคนผู้นี้คือโล่วิญญาณ?

เธอไม่เคยเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดเกราะสีดำของโล่วิญญาณมาก่อนเลย

ในสายตาของเธอ ถ้าโล่วิญญาณเปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์สวมใส่เซ็ตอื่นเขาก็จะกลายเป็นอีกคนไปโดยปริยาย

เธอพยายามใช้ตรวจสอบดูแต่กลับเห็นข้อมูลเพียง20%เท่านั้น ชื่อและค่าสถานะที่สูงที่สุดของอีกฝ่ายกลับไม่เปิดเผยเลยซักนิด

เหวินเซี่ยงไม่สนใจเขาและเอ่ยบอกกับลู่หลัวและคนอื่นๆ “คนผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะหนัก เขาน่าจะเป็นนักสู้ที่เน้นด้านพลังป้องกันและพลังชีวิตโดยใช้ความเสียหายจากการสะท้อนในการโจมตี ฉันจะดึงดูดความสนใจของเขาเองส่วนพวกนายก็โจมตีจากที่ไกลๆแล้วกัน”

เขาเหยียดขาออกไปและกระทืบลงบนพื้น ขาของเขากดแน่นกับพื้นดินก่อนจะกระโดดลอยตัวสูงขึ้นไปราวกับติดสปริง

หมัดเหล็กคู่นั้นของเขาฟาดตรงเข้าใส่หลินเซวียน

หลินเซวียนเหยีดมือออกมาและทันใดนั้นเองธาตุน้ำแข็งจำนวนมากก็พลันควบแน่นกันเหนือฝ่ามือของเขา

เพียงเสี้ยวพริบตาหอกน้ำแข็งที่มีความยาวเกือบสองเมตรก็ปรากฏจนทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ

สกิลหอกน้ำแข็ง!

หลินเซวียนยิงหอกน้ำแข็งนี้ออกมาอย่างฉับพลัน ด้วยพละกำลังเสริมกำลังถึง100หน่วยทำให้หอกน้ำแข็งที่ถูกเขวี้ยงออกมานั้นฟาดเข้าใส่เหวินเซี่ยงอย่างแม่นยำ

เหวินเซี่ยงที่อยู่กลางอากาศก็ไม่ต่างอะไรไปจากเป้านิ่ง เขาถูกหอกน้ำแข็งกระแทกเข้าเต็มๆที่หน้าอกจนกระอักเลือดออกมาอย่างหนักและล่วงลงมาจากฟ้าอย่างรุนแรง

การโจมตีนี้พรากเอาพลังชีวิตของเขาไปมากกว่าหนึ่งในสาม!

เหวินเซี่ยงหวาดหวั่นจนต้องรีบถอยออกไปและนำโพชั่นฟื้นฟูออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและดื่มมันลงไป

“ไม่ใช่ว่าหมอนี่ควรจะมีพลังป้องกันกับพลังชีวิตสูงหรอกหรอ? แล้วทำไมถึงใช้หอกน้ำแข็งได้?! ความเสียหายเองก็แรงจนน่ากลัว!”

เหวินเซี่ยงนิ่งอึ้ง

เหวินเซี่ยงนั้นถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชายที่ระดับเหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปของฐานองค์กรเจอร์มินอลแล้ว เขาเลื่อนขั้นมายังขอบเขตที่1และ2ด้วยการเลื่อนขั้นแบบสมบูรณ์!

ไม่รู้ทำไมแต่ตั้งที่เขาพบกับโล่วิญญาณ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เจอแต่นักสู้เก่งๆที่ผุดออกมาราวกับดอกเห็ด?

ตอนนี้กระทั่งนักสู้ที่สวมใส่เกราะหนักแต่ดันใช้สกิลหอกน้ำแข็งได้ก็ยังโผล่ออกมา!

ยังจะมีอะไรบ้าบอกว่านี้อีกไหม?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด