Chapter 62 : อู้เก่ง
เปลวเพลิงมลายทิ้งหลงเหลือทิ้งไว้เพียงรอยไหม้สีดำบนพื้นดิน
จางเผิง โม่หยวนและหยางเหว่ยที่มองดูอยู่ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้หิวหากแต่หวาดกลัวจับใจ
“ใครอยากจะตายต่อ?”
เสียงที่ดังมาจากใต้ผ้าคลุมนั้นยิ่งมาก็ยิ่งฟังดูแหบแห้ง
ร่างของคนทั้งสามสั่นสะท้านและพากันส่ายหัวตามสัญชาตญาณ
จางเผิงกระแอมออกมาเบาๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถอยกันก่อนแล้วคิดว่าวิธีจัดการกับเจ้าหมอนี่ก่อนเถอะ”
โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้ารับอย่างเต็มอกเต็มใจ “ใช่แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของคนทั้งสาม นักสู้คนอื่นๆก็ถอนหายใจโล่งอกและรีบล่าถอยในทันที หลังจากถอยออกไปนอกระยะการโจมตีของระเบิดเพลิงได้แล้วพวกเขาถึงหยุดลง
จางเผิงเอ่ยออกมา “ฉันคิดว่าพวกเราคงต้องพึ่งคนทางฝั่งกำแพงทิศใต้กับผู้จัดการทั้งสามในการโจมตีเมืองเครนขาวแล้วล่ะ เนอะ?”
โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง “ใช่แล้ว! นายพูดถูก!”
จางเผิงเอ่ย “กำลังรบทางฝั่งตะวันออกและตกของพวกเรามีไว้เพื่อยื้อเวลาคนคุ้มกันของเมืองเครนขาวเท่านั้น ดังนั้นต่อให้พวกเราไม่ใช้พลังเต็มที่แต่ตราบใดที่ดึงระเบิดเพลิงเอาไว้ที่นี่ได้ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายอยู่ดี จริงไหม?”
โม่หยวนและหยางเหว่ยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง “ทักษะการวางแผนของนายยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเราประทับใจมาก”
จางเผิงเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ถ้างั้นพวกเราก็แสร้งๆปาสกิลออกไปซักหน่อย ยังไงซะพวกเราก็ต้องทำทีว่ากำลังโจมตีเมืองอยู่”
โม่หยวนและหยางเหว่ยยกนิ้วโป้งให้กับเขาและย่อมไม่ตระหนี่คำสรรเสริญ “แผนการต่อสู้แบบนี้สุดยอดไปเลย!”
หลินเซวียนที่มองผ่านสายตาของร่างแยกเห็นว่าจางเผิงและคนอื่นๆรวมตัวกันพูดคุยอะไรบางอย่าง เขาอดรู้สึกขึ้นไม่ได้ว่าพวกนั้นน่าจะมีแผนการอะไรไม่ได้เรื่องนัก
ไม่คิดเลยว่าหลังจากคุยกันจบแล้วจางเผิงและอีกสองคนจะนำนักสู้ตรงเข้ามาอีกครั้ง
ยังไงก็ตามครั้งนี้จางเผิงกลับเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี สกิลที่เขาใช้หนนี้คือศรเพลิงที่ถูกยิงออกมาแบบเบ้ๆ ไม่เพียงแต่จะห่างไกลจากเป้าหมายเท่านั้นแต่กระทั่งวิถีการยิ่งเองก็ยังมาไม่ถึงกำแพงเมืองด้วยซ้ำ
“จากการโจมตีนี้ฉันคิดว่าระเบิดเพลิงน่าจะรู้ว่าเราหมายความว่ายังไง” จางเผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จากนั้นภาพอันน่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น
เสียงตะโกนกู่ก้องร้องสังหารสั่นสะเทือนท้องฟ้าดังมาจากทางฝั่งกำแพงทิศตะวันตก นักสู้ทุกคนต่างรีดเค้นพลังทั้งหมดออกมาก่อนจะพากันก้าวออกมา พวกเขาตะโกนกันจนใบหน้าและลำคอแดงก่ำไปหมด
ยังไงก็ตามสกิลที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นกลับเล็กจ้อยจนน่าสังเวช พวกมันไม่ใช่สกิลที่ทรงพลังที่สุดที่พวกเขาใช้ประจำแต่เป็นสกิลกระจอกที่ระดับต่ำที่สุดที่พวกเขามี
บอลเพลิงลูกเล็กเท่าเล็บมือจำนวนมาก สายฟ้าและศรน้ำแข็งถูกยิงออกไป ความเร็วของพวกมันนั้นช้าเสียยิ่งกว่าชายชราในวัยเจ็บสิบถึงแปดสิบเสียอีก
หลินเซวียนบอกได้เลยว่าเขาแค่ดีดนิ้วใส่การโจมตีพวกนี้ก็สลายกลายเป็นฝุ่นแล้ว
หลินเซวียนเข้าใจสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการจะสื่อแล้ว เขาจึงไม่รู้เลยว่าควรจะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดี
“พวกนายนี่เป็นพวกเจ้าเล่ห์จริงๆนะ” เขายิ้มและเล่นไปกับพวกนั้น
จางเผิง โม่หยวนและหยางเหว่ยพลันยกยิ้มออกมาด้วยท่าทีเข้าใจและมีร่องรอยขอบคุณในแววตาของพวกเขาด้วย
อีกฝ่ายเข้าใจที่พวกเขาสื่อ!
ระเบิดเพลิงเล่นตามน้ำกับพวกเขา!
บนกำแพงทิศใต้
ผู้จัดการสามคนสังเกตเห็นเปลวเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาจากกำแพงด้านตะวันตก ผู้จัดการหมายเลข1ใช้สกิล ‘อาณาเขตตรวจจับวงกว้าง’ และเห็นเงาร่างที่ถูกปกคลุมภายใต้ชุดคลุมนั้นอย่างชัดเจน
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหมายเลข1 หมายเลข3ก็กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง “เจ้าหมอนั่น! ระเบิดเพลิง! หมอนั่นเป็นคนของกองพลก่อสร้างจริงๆด้วย!”
หมายเลข2เกาหัวยิกๆ กองพลก่อสร้างมีคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่าบอกนะว่าเขาถูกชักชวนเข้ากองพลก่อสร้างหลังจากที่ตัวเขาเองเข้าร่วมกับองค์กรเจอร์มินอลไปแล้ว?
“ทางกำแพงทิศตะวันตกมีคนอยู่เป็นจำนวนมากแต่กลับถูกระเบิดเพลิงเพียงคนเดียวขวางเอาไว้ คงพูดได้แค่ว่าชื่อเสียงของระเบิดเพลิงนั้นขจรขจายจนเกินไปทำให้คนพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรมุทะลุ...” หมายเลข1ส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา “แปลกดี ทางด้านกำแพงตะวันออกเองก็มีคนยืนอยู่แค่คนเดียว ทั่วร่างของเขาปกคลุมอยู่ภายใต้ชุดเกราะเหล็กที่ดูราวกับถังเหล็กยังไงยังงั้น” หมายเลข1ใช้สกิลตรวจจับวงกว้างของเขาเพื่อมองไปทางกำแพงตะวันออกอีกครั้งและเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
กองพลก่อสร้างแห่งเมืองเครนขาวนั้นกล้าหาญยิ่งนัก พวกเขากลับจัดแจงใช้คนเพียงสองคนเท่านั้นในการป้องกันกำแพงทิศตะวันออกและตะวันตกยังนั้นหรือ?
ผู้จัดการหมายเลข2เอ่ยถามขึ้นมา “หมายเลข1พวกเรายังไม่ลงมืออีกรึ? ทำไมไม่ให้แบล็คไปจัดการกับหนึ่งในกำแพงเมืองลงให้ได้ไวๆก่อนล่ะ?”
แบล็คที่อยู่ข้างๆกรอกตาไปมา
หมายเลข1ส่ายหัว “ไม่ พวกเราจะรอให้ขอบเขตที่7ของอีกฝ่ายปรากฏตัวก่อน ตอนนี้พวกเราทำได้แค่อดทน ฝ่ายไหนก็ตามที่ส่งกำลังรบระดับสูงลงมาก่อนย่อมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก่อนเช่นกัน”
“นี่คือเกมไพ่นั่นแหละ พวกเราจะโยนไพ่ตายลงไปเลยไม่ได้”
หมายเลข1ชี้ไปที่กำแพงทิศใต้ “อีกฝ่ายเอานักสู่ทั้งหมดมารวมกันที่กำแพงทิศใต้และกระทั่งติดต้ามป้อมปืนไร้คนบังคับบนกำแพงทิศใต้เอาไว้ด้วยทำให้ยากจะโจมตี”
“ยังไงก็ตามฝั่งตะวันตกและตะวันออกนั้นคือจุดอ่อนของพวกมัน ตราบใดที่พวกเราโจมตีกำแพงทั้งสองฝั่งนี้ด้านในด้านหนึ่งลงได้และทำให้เกิดปรากฏการณ์ลูกโซ่ เมื่อถึงเวลานั้นนักสู้ขอบเขตที่7ของกองพลก่อสร้างย่อมไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องลงมือ แผนการของพวกเราก็จะสัมฤทธิ์ผล”
หมายเลข2พยักหน้ารับซ้ำไปซ้ำมาแต่ในใจนั้นกลับกังวลเกี่ยวกับสมาชิกของกองพลก่อสร้างภายในเมืองเครนขาว
ไม่ใช่ว่าการใช้คนแค่สองคนป้องกันกำแพงเมืองทั้งออกและตกมันอันตรายเกินไปหน่อยรึไง? อย่างน้อยก็ส่งคนมามากกว่านี้หน่อยสิ
บนกำแพงเมืองทิศตะวันออก
ลู่หลัว เหวินเซี่ยงและนักสู้ขอบเขตที่6คนอื่นๆรับหน้าที่เป็นผู้นำในการโจมตีกำแพงทิศนี้
เมื่อพวกเขาพบว่ามีคนแค่คนเดียวป้องกันกำแพงเมืองฝั่งนี้นั่นก็คือนักสู้ที่สวมใส่ชุดเกราะราวกับถังเหล็กพวกเขาก็พลันรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา
นี่มันเกินไปแล้ว! ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกพวกเขาอยู่หรอกรึ?
ลู่หลัวกังวลเล็กน้อยในใจ นี่กองพลก่อสร้างคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้ส่งคนแค่คนเดียวมาป้องกันกำแพงฝั่งนี้?
แล้วในสถานการณ์แบบนี้เธอจะแสดงตัวว่าเป็นศัตรูยังไง?
หลินเซวียนเคลียร์คอเล็กน้อยและตะโกนออกมา “ขอบอกชื่อของฉันก่อนแล้วกันนะ! ฉันคือกำแพงเหล็กและไม่ยินดีจะลงมือสังหารคนไร้ชื่อ!”
กำแพงเหล็ก? เป็นชื่อลับที่ประหลาดดี
สีหน้าของลู่หลัวเต็มไปด้วยความสับสน
แล้วโล่วิญญาณไปไหน? หรือคนผู้นี้คือโล่วิญญาณ?
เธอไม่เคยเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดเกราะสีดำของโล่วิญญาณมาก่อนเลย
ในสายตาของเธอ ถ้าโล่วิญญาณเปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์สวมใส่เซ็ตอื่นเขาก็จะกลายเป็นอีกคนไปโดยปริยาย
เธอพยายามใช้ตรวจสอบดูแต่กลับเห็นข้อมูลเพียง20%เท่านั้น ชื่อและค่าสถานะที่สูงที่สุดของอีกฝ่ายกลับไม่เปิดเผยเลยซักนิด
เหวินเซี่ยงไม่สนใจเขาและเอ่ยบอกกับลู่หลัวและคนอื่นๆ “คนผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะหนัก เขาน่าจะเป็นนักสู้ที่เน้นด้านพลังป้องกันและพลังชีวิตโดยใช้ความเสียหายจากการสะท้อนในการโจมตี ฉันจะดึงดูดความสนใจของเขาเองส่วนพวกนายก็โจมตีจากที่ไกลๆแล้วกัน”
เขาเหยียดขาออกไปและกระทืบลงบนพื้น ขาของเขากดแน่นกับพื้นดินก่อนจะกระโดดลอยตัวสูงขึ้นไปราวกับติดสปริง
หมัดเหล็กคู่นั้นของเขาฟาดตรงเข้าใส่หลินเซวียน
หลินเซวียนเหยีดมือออกมาและทันใดนั้นเองธาตุน้ำแข็งจำนวนมากก็พลันควบแน่นกันเหนือฝ่ามือของเขา
เพียงเสี้ยวพริบตาหอกน้ำแข็งที่มีความยาวเกือบสองเมตรก็ปรากฏจนทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบ
สกิลหอกน้ำแข็ง!
หลินเซวียนยิงหอกน้ำแข็งนี้ออกมาอย่างฉับพลัน ด้วยพละกำลังเสริมกำลังถึง100หน่วยทำให้หอกน้ำแข็งที่ถูกเขวี้ยงออกมานั้นฟาดเข้าใส่เหวินเซี่ยงอย่างแม่นยำ
เหวินเซี่ยงที่อยู่กลางอากาศก็ไม่ต่างอะไรไปจากเป้านิ่ง เขาถูกหอกน้ำแข็งกระแทกเข้าเต็มๆที่หน้าอกจนกระอักเลือดออกมาอย่างหนักและล่วงลงมาจากฟ้าอย่างรุนแรง
การโจมตีนี้พรากเอาพลังชีวิตของเขาไปมากกว่าหนึ่งในสาม!
เหวินเซี่ยงหวาดหวั่นจนต้องรีบถอยออกไปและนำโพชั่นฟื้นฟูออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและดื่มมันลงไป
“ไม่ใช่ว่าหมอนี่ควรจะมีพลังป้องกันกับพลังชีวิตสูงหรอกหรอ? แล้วทำไมถึงใช้หอกน้ำแข็งได้?! ความเสียหายเองก็แรงจนน่ากลัว!”
เหวินเซี่ยงนิ่งอึ้ง
เหวินเซี่ยงนั้นถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชายที่ระดับเหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปของฐานองค์กรเจอร์มินอลแล้ว เขาเลื่อนขั้นมายังขอบเขตที่1และ2ด้วยการเลื่อนขั้นแบบสมบูรณ์!
ไม่รู้ทำไมแต่ตั้งที่เขาพบกับโล่วิญญาณ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เจอแต่นักสู้เก่งๆที่ผุดออกมาราวกับดอกเห็ด?
ตอนนี้กระทั่งนักสู้ที่สวมใส่เกราะหนักแต่ดันใช้สกิลหอกน้ำแข็งได้ก็ยังโผล่ออกมา!
ยังจะมีอะไรบ้าบอกว่านี้อีกไหม?