Chapter 22 : ทำไมโล่วิญญาณถึงไม่ช่วยพวกเราล่ะ?
ทางด้านตะวันตกของเมืองทะเลสาบตะวันออกคือที่ตั้งของทะเลสาบตะวันออก ทะเลสาบตะวันออกนั้นไหลไปรวมกับแม่น้ำสีและสุดท้ายก็จะไหลลงสู่ทะเลตะวันออก
กำแพงเมืองทิศตะวันตกถูกสร้างขึ้นข้างๆทะเลสาบและยากนักที่จะถูกอสูรเข้าโจมตี
ยังไงก็ตามหนนี้กลับมีอสูรจำนวนมหาศาลปรากฏกายขึ้นในทะเลตะวันออก อสูรพวกนี้เลเวลสูงกว่าอสูรที่เข้าโจมตีกำแพงทิศตะวันออกมากนัก
อสูรที่มีเลเวลต่ำที่สุดที่ปรากฏที่นี่ก็เป็นขอบเขตที่1เข้าไปแล้วและอสูรที่ระดับสูงที่สุดคือขอบเขตที่7
เป็นสกิลของหัวหน้าอสูรนี่เองที่ขวางกั้นการตรวจจับของผู้จัดการหมายเลข1 ทำให้อสูรนับแสนตัวล่วงล้ำเข้ามาภายในรัศมีหนึ่งพันเมตรจากกำแพงตะวันตกได้อย่างเงียบเชียบ
เมื่อพวกมันอยู่ห่างออกไปไม่ถึงกิโลผู้จัดการหมายเลข1ถึงสัมผัสได้และรีบติดต่อหาผู้จัดการหมายเลข2และผู้ดูแล3คนที่กำลังเฝ้าระวังกำแพงทิศตะวันออกให้มุ่งหน้ามาทางนี้ในทันที
นอกจากนี้ทางองค์กรยังได้ส่งข่าวไปยังนักสู้ที่กำลังสำรวจแดนลับขอบเขตที่3กับขอบเขตที่4ให้รีบกลับมาให้ไวที่สุด
หลังจากก้าวมาถึงขอบเขตที่3พวกเขาก็นับได้ว่าเป็นหัวกระทิขององค์กรแล้ว ถ้าพวกเขาอยากจะเป็นผู้ดูแลก็สามารถเข้ารับตำแหน่งได้ทันทีหลังผ่านการทดสอบ ถ้าไม่ต้องการก็ยังสามารถรับหน้าที่เป็น ‘นักสู้’ และสำรวจแดนลับต่อไปได้
หนนี้มีอสูรปรากฏกายที่กำแพงเมืองทิศตะวันตกเยอะเกินไปจึงจำเป็นต้องดึงนักสู้ขอบเขตที่3กับ4กลับมาป้องกัน ไม่อย่างนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่กำแพงเมืองทิศตะวันตกจะถูกทำลาย
หลี่หลัว หยางเว่ยและผู้ดูแลคนอื่นๆวิ่งตามผู้จัดการหมายเลข2ไปยยังกำแพงทิศตะวันตกอย่างเร่งร้อน เมื่อพวกเขาเห็นคลื่นสาดซัดบนผิวน้ำทะเลสาบสีหน้าของพวกเขาก็พลันแข็งค้าง
ในเวลานี้เองลู่หลัวพลันนึกขึ้นมาได้ว่านักกู้ซากจากทั้งสี่เขตกำลังห้ำหั่นอยู่กับอสูรกว่า50,000ตัวที่กำแพงทิศตะวันออก ในบรรดาอสูรพวกนั้นมีขอบเขตที่เหลือ3อยู่!
ยังไงก็ตามในบรรดานักกู้ซากกลับไม่มีนักสู้ขอบเขตที่3อยู่เลย
ลู่หลัวเอ่ยถามออกมา “ท่านคะแล้วกำแพงทิศตะวันออกจะเอายังไงล่ะคะ?”
ก่อนที่ผู้จัดการหมายเลข2จะเอ่ยปากหยางเว่ยกลับยิ้มเหยียดหยามและเอ่ยออกมา “ให้พวกผู้อพยพไปขวางเอาไปสิ! ไม่ว่ายังไงพวกนั้นก็ต้องขวางเอาไว้ให้ได้ ถ้าไม่ได้ต่อให้ต้องแลกชีวิตก็ต้องกันเอาไว้ให้อยู่!”
“นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาโล่วิญญาณมันยโสมากนักรึไง? ไม่ใช่ว่าชื่อเสียงโด่งดังมากหรอกรึ? ให้มันไปจัดการสิ!”
ลู่หลัวอยากจะเข้าไปชกหน้าคนผู้นี้ยิ่งนัก
หยางเว่ยรีบเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังผู้จัดการหมายเลข2ในทันที
ผู้จัดการหมายเลข2ก็รีบดึงลู่หลัวเอาไว้ “อย่าตีกันในเวลาแบบนี้น่า”
พร้อมกับคำพูดนั้นผู้จัดการหมายเลข2ก็ถอนหายใจเอ่ยออกมา “เธอต้องดูภาพรวมด้วย กำแพงทิศตะวันตกสำคัญกว่ามาก ถ้าพวกเรารับมือด้านนี้ไม่ได้ต่อให้กันกำแพงทิศตะวันออกไว้ได้ก็ไร้ความหมาย”
“ในทางกลับกันถ้าพวกเราป้องกันกำแพงทิศนี้เอาไว้ได้พวกเราก็ยังสามารถกลับไปช่วยได้ต่อให้พวกนั้นจะกันกันเอาไว้ไม่อยู่ก็ตาม”
ในเวลานี้เองเสียงประกาศก็ได้ดังขึ้น
หนนี้น้ำเสียงที่ดังออกมาต่างจากครั้งก่อน ไม่ใช่เสียงของผู้จัดการหมายเลข1อีกต่อไป
“ระดับสูงขององค์กรให้คุ้มกันกำแพงทิศตะวันตก ผู้อพยพทุกคนจะถูกเรียกตัวไปยังกำแพงทิศตะวันออกเพื่อช่วยพวกนักกู้ซากต่อต้านอสูร หลังจากจัดการคลื่นอสูรลงได้ผู้อพยพทุกคนจะได้รับหนังสือสกิลขอบเขตที่0 อุปกรณ์ขอบเขตที่0และอาหารสำหรับผู้ใหญ่3วัน คนที่มีคณูปการโดดเด่นจะได้รับสถานะนักกู้ซาก2ดาวจากทางองค์กร”
หยางเว่ยยกยิ้ม “ได้ยินไหมละ? ผู้จัดการหมายเลข3ฉลาดขนาดไหน ตราบใดที่พวกเรายินดีมอบผลประโยชน์ออกไปบอกให้ทำอะไรพวกผู้อพยพพวกนั้นก็ยินดีทำ”
“พวกผู้อพยพอยู่ได้ก็เพราะองค์กร ถ้าองค์กรหายไปพวกผู้อพยพก็ไม่รอดเหมือนกัน”
ลู่หลัวถีบเข้าใส่อีกฝ่ายจนหยางเว่ยกรีดร้องเสียงหลง
“แกพูดถูก” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
หยางเว่ยก่นด่าออกมา “ทั้งๆที่รู้ว่าฉันพูดถูกแล้วทำไมถึงกล้าตี? ท่านครับดูที่เธอทำสิ!”
ลู่หลัวแค่นเสียง “ฉันแค่อยากจะตีก็แค่นั้น”
“เอาล่ะตอนนี้การป้องกันคลื่นอสูรสำคัญกว่า ให้นักกู้ซากและผู้อพยพป้องกันทิศตะวันออกไป ใครจะรอดหรือตาย...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตากรรมแล้ว” ผู้จัดการหมายเลข2ส่ายหัวและมุ่งความสนใจไปที่คลื่นอสูรที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มันคือปลาหมึกสีดำขลับที่สูงกว่าห้าเมตร ลวดลายบนตัวของมันดูราวกับเลือดที่กำลังไหลเวียนอยู่
มันยกหนวดและชูหัวขึ้นมองไปยังหน้าต่างที่อยู่บนชั้นสอง
อสูรขอบเขตที่7นี้มุ่งเป้าไปที่ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดบนกำแพงเมืองแล้ว
หนึ่งบุรุษหนึ่งอสูรจับจ้องมองกันตาไม่กระพริบ
แปะ
นักสู้ชุดดำปรากฏกายขึ้นข้างตัวเขาอย่างเงียบเชียบ “หยุดมองได้แล้ว นายจัดการมันไม่ได้หรอก”
ผู้จัดการหมายเลข2 “...”
เขาขยับเข้าไปใกล้นักสู้ชุดดำและกระซิบ “ในอนาคตช่วยเลิกทำลายชื่อเสียงฉันต่อหน้าสาธารณะชนทีได้ไหม?”
นักสู้ชุดดำกระซิบตอบ “ได้สิ”
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “หลบอยู่ด้านหลังฉันแล้วดูฉันจัดการกับเจ้าอสูรปลาหมึกเลือดตัวนี้เถอะ”
ผู้จัดการหมายเลข2 “...ไม่ใช่เมื่อกี้บอกว่าจะไม่ทำให้ฉันอับอายไม่ใช่หรอ?”
นักสู้ชุดดำกระซิบตอบอีกครั้ง “ฉันบอกว่าในอนาคตจะไม่ทำแต่ตอนนี้มันปัจจุบันไง”
“ไอ้เวร” ผู้จัดการหมายเลข2ที่มีท่าทางสุภาพมาโดยตลอดก่นด่าออกมา
ลู่หลัวมองไปยังนักสู้ชุดดำด้วยความสงสัย เธอรู้ว่าผู้จัดการหมายเลข2มักจะมีคนคุ้มกันที่ทรงพลังอยู่ข้างกายเสมอ ผู้จัดการหมายเลข2ชักชวนคนผู้นี้เข้าร่วมกับองค์กรแต่เธอก็ไม่เคยเห็นชายนักสู้ชุดดำคนนี้ลงมือมาก่อนเลย
ในเวลานี้เองร่างของปลาหมึกเลือดจู่ๆก็ขยายขนาดขึ้นอย่างฉับพลัน มวลน้ำจำนวนมหาศาลถูกดูดเข้าไปในร่างกายของมัน
พริบตาต่อมาน้ำในทะเลสาบก็โอบล้อมรอบกายของมันเอาไว้และถูกยิงออกมา
มวลน้ำนี้มีลักษณะราวกับมังกรน้ำที่ทั้งดุดันและโหดเหี้ยมปกคลุมฟ้าดิน
ชายนักสู้ชุดดำหยิบดายสีฟ้า-น้ำแข็งออกมาจากพื้นที่เก็บของ
ดาบนี้มีขนาดใหญ่จนน่าประหลาด มันยาวถึง1.8เมตรและกว้างกว่า20เซนทำให้ยากจะจินตนาการนักว่าชายชุดดำผู้นี้สามารถเหวี่ยงอาวุธเช่นนี้ได้อย่างไร
พริบตานั้นเองชายนักสู้ชุดดำก็กระชับดาบแน่นและวาดดาบลง
พลังธาตุเหมันต์สีขาวเงินพุ่งทะยานเข้าปะทะกับมังกรน้ำ
เพียงเสี้ยวพริบตามังกรน้ำก็ถูกแช่แข็ง กลายเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็งสะท้อนแสงอาทิตย์จนแสบตา
ดวงตาประดุจดั่งระฆังของปลาหมึกเลือดฉายแววราวกับมนุษย์ที่กำลังตกใจระคนโกรธเกรี้ยว
ชายชุดดำเก็บดาบกลับและเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันจะรับมือกับปลาหมึกเลือดเอง พวกนายไม่จำเป็นต้องกังวลตรงนี้ ไปจัดการกับอสูรตัวอื่นเถอะ”
ด้วยคำพูดและการกระทำปลุกใจของชายนักสู้ชุดดำทำให้ทั้งลู่หลัว หยางเว่ยและเหล่าผู้ดูแลคนอื่นๆบังเกิดความเชื่อมั่นและปลดปล่อยสกิลที่ตนมีออกไป
ในเวลาเดียวกันบนกำแพงทิศตะวันออก
กลุ่มผู้อพยพมุ่งหน้ามายังกำแพงเมืองอย่างอึกทึกคึกโครมจากนั้นก็หยิบปืนกลและเริ่มกราดยิงออกไปมั่วๆ
แม้จะดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขามีคนมากกว่าแต่หลินเซวียนก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มของผู้อพยพที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนพวกนี้ค่อนข้าง...ไร้ประโยชน์
แถมอาจจะยิ่งทำให้อะไรๆเลวร้ายลงอีกด้วยซ้ำ
ท่ามกลางความโกลาหลมีผู้อพยพหลายคนที่ยืนไม่อยู่จนล่วงลงไปจากกำแพง จากนั้นเพียงเสี้ยวพริบตาร่างของพวกเขาก็จะถูกฝูงอสูรกลุ้มรุมจนไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อ
ก่อนที่ลู่หลัวและคนอื่นๆจะจากไปพวกเขาได้สังหารอสูรขอบเขตที่3ไปแล้วกว่าสิบตัว กระนั้นแล้วทางด้านกำแพงทิศตะวันออกนี้ก็ยังเหลืออสูรขอบเขตที่3อยู่อีกกว่าสามสิบตัวอยู่ดี
อสูรขอบเขตที่3นี้คือภัยซ่อนเร้นที่ใหญ่หลวงที่สุด พวกมันมักจะโจมตีจากที่ไกลๆและสังหารนักกู้ซากที่อยู่บนกำแพงเป็นครั้งเป็นคราว
คางคกยักษ์ตัวหนึ่งกวาดลิ้นเข้าใส่นักกู้ซากคนหนึ่งจนกระเด็นหายไป
ปลากระสุนเองก็พ่นกระสุนดินออกจากปากเช่นกัน การโจมตีนี้ทรงพลังถึงขั้นสามารถระเบิดหัวของกลุ่มผู้อพยพได้ในทันที
ความตายของคนเหล่านี้ทำให้เหล่านักกู้ซากและผู้อพยพบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
ถ้าอัตราการตายยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายก็คงไปถึงเส้นตายในใจของคนพวกนี้ทำให้เกิดการหลบหนีอย่างบ้าคลั่งเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นกำแพงทิศตะวันออกจะต้องพังทลายอย่างแน่นอน
ถึงหลินเซวียนจะเผยตัวตนเขาก็ไม่อาจต้านทานอสูรนับหมื่นได้เพียงลำพังอยู่ดี
หากภารกิจล้มเหลวเขาอาจจะถูกขับไล่ออกจากองค์กรก็เป็นได้
แดนรกร้างนั้นอันตรายยิ่งนัก ระดับของอสูรที่ป้วนเปี้ยนไปมาเองก็ไม่ทราบ ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะถูกอสูรขอบเขตที่7 8และ9ฆ่าเอาในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า?
“โล่วิญญาณล่ะ โล่วิญญาณเขาอยู่ที่ไหน? เขาทรงพลังขนาดนั้นทำไมถึงไม่มาช่วยพวกเรา?!”
“ใช่แล้ว โล่วิญญาณเองก็เป็นคนของเมืองนี้ ถ้ากำแพงทิศตะวันออกถูกทำลายทุกคนก็ต้องตาย เขาเองก็น่าจะเข้าใจจุดนี้เหมือนกัน”
“ใครรู้จักกับโล่วิญญาณบ้าง? ตะโกนออกมา!”
หลินเซวียนสูดลมหายใจเข้าลึกและตะโกนออกมา “ฉันพอจะมีความสัมพันธ์กับโล่วิญญาณอยู่บ้าง จะรีบไปตามตัวเขามาเดี๋ยวนี้แหละ!”
พอกล่าวจบเขาก็รีบวิ่งไปยังเพิงที่เรียงรายอยู่รอบนอกฐานขององค์กรเจอร์มินัลในทันที