Chapter 21 : กำแพงทั้งสองด้านถูกโจมตีพร้อมกัน
ทันทีที่พวกเขาก้าวออกมาจากฐานขององค์กรเจอร์มินัลพวกเขาก็ได้พบกับฉากอันน่าสลด
เมืองทะเลสาบตะวันออกครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังมากในประเทศ มาตอนนี้มันกลับกลายเป็นหนึ่งในเมืองจำนวนนับไม่ถ้วนบนโลกที่เหลือแต่เศษซาก
ถ้าไม่ใช่เพราะประตูแสงที่นำไปสู่แดนลับปรากฏขึ้นที่นี่ กระทั่งองค์กรเจอร์มินัลเองก็คงไม่คิดจะมาที่เมืองทะเลสาบตะวันออกแห่งนี้
“ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้ออกมาจากฐานขององค์กรและได้เห็นโลกที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้งใบนี้ด้วยตา”
หลินเซวียนทอดถอนใจ
ในชีวิตก่อนของเขาเขาอาศัยอยู่ในประเทศที่สงบสุข การต้องมาจินตนาการภาพอะไรเช่นนี้เป็นอะไรที่ทำได้ยากยิ่งสำหรับเขา
บนถนนหนทางมีรถบัสที่จอดทิ้งล้างและถูกปกคลุมอยู่ภายใต้เถาวัลย์
ตึกสูงมากมายมีร่องรองกระด่างกระดำและกระจกเองก็แตกกระจาย
กลุ่มผู้อพยพจำนวนมากมายรวมตัวกันอยู่ด้านนอกฐานขององค์กรโดยสร้างเพิงเอาไว้และพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ในทุกๆวันนักกู้ซากจะเสียชีวิตลงและจะมีผู้อพยพถูกเลือกให้เข้าไปในองค์กรเพื่อแทนที่ตำแหน่งนั้น
เมื่อเห็นกลุ่มนักกู้ซากเดินออกมาเหล่าผู้อพยพก็คิดไปว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อทำสัญญาทาสเพิ่มอีกครั้ง พวกเขาจึงพยายามใช้แรงทั้งหมดตะโกนออกมาสุดเสียง “เลือกผม! เลือกผม!”
เมืองทะเลสาบตะวันออกพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกทิ้งล้างไปแล้ว สถานที่ที่เรียกว่า ‘กำแพงตะวันออก’ นี้แท้จริงแล้วถูกสร้างเอาไว้ห่างจากฐานขององค์กรราว5กิโลเมตร มันคือปราการด่านแรกสำหรับหยุดยั้งอสูรปิศาจ
ไม่นานนักทุกๆคนก็มาถึง หลินเซวียนมองไปยังกำแพงเมืองที่สูงถึง8แปดและเต็มไปด้วยป้อมปืนกล ป้อมพ่นไฟและป้อมปืนใหญ่จำนวนมากด้านบนกำแพง นอกจากนี้ยังมีลวดเหล็กจำนวนมากและศพเน่าเปื่อยที่เต็มไปด้วยเลือดของพวกอสูรปิศาจอยู่ใต้กำแพงอีกด้วย
ป้อมปืนสำหรับป้องกันเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องควบคุม เมื่ออสูรปิศาจปรากฏขึ้นในระยะทำการของพวกมันพวกมันก็จะทำการเปิดฉากสังหารในทันที
ส่วนไอเทมที่ดรอปหลังจากอสูรถูกสังหารก็จะถูกนักกู้ซากที่คอยคุ้มกันกำแพงเก็บและส่งมอบในภายหลัง
เท่าที่หลินเซวียนจำได้ เมืองทะเลสาบตะวันออกเคยเจอเรื่องแบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว กล่าวอีกอย่างก็คือนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคลื่นอสูรบุกมานับตั้งแต่คราวนั้น
ชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพยืนนิ่งและเอ่ยออกมาเสียงดัง “ทุกๆคนฉันคือผู้จัดการหมายเลข2ขององค์กรเจอร์มินัลและเป็นผู้นำในปฏิบัติการป้องกันในครั้งนี้”
“ผู้จัดการหมายเลข1ได้ทำการตรวจสอบมาแล้ว จำนวนทั้งหมดของอสูรปิศาจที่เข้าโจมตีกำแพงตะวันออกของเมืองครั้งนี้มีอยู่ราวๆ50,000ตัว แบ่งออกเป็นอสูรขอบเขต0 40,000ตัว ขอบเขตที่1 8,000ตัว ขอบเขตที่2 2,000ตัวและมีอสูรขอบเขตที่3กว่า50ตัว”
ทันทีที่เขากล่าวจบสีหน้าของเหล่านักกู้ซากก็พลันเปลี่ยนไป
อสูรห้าหมื่นตัว? เยอะไปไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระทั่งอสูรขอบเขตที่3ด้วย!
ผู้จัดการหมายเลข2ประกบมือเข้าด้วยกัน “ไม่ต้องกังวลไป ด้วยเหล่าผู้ดูแลอยู่ด้วยอสูรย่อมไม่สามารถทำลายกำแพงเข้ามาได้ สิ่งที่พวกนายทุกคนต้องทำก็คือยืนอยู่บนกำแพงและใช้สกิลโจมตีระยะไกลเพื่อโจมตีอสูรพวกนี้”
“ผู้จัดการหมายเลข1ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยว่า อสูรเหล่านี้ล้วนมาจากเมืองบาดาลดังนั้นฉันจึงขอแนะนำให้พวกนายใช้สกิลประเภทไฟหรือสายฟ้า”
หลินเซวียนฉุกคิดขึ้นมา
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองบาดาลมาก่อน ได้ยินว่านั่นเป็นหนึ่งในแดนลับที่อันตรายและวุ่นวายที่สุดซึ่งมีอยู่ไม่กี่แห่งบนโลก
แดนลับนี้ตั้งอยู่ในทะเลและอสูรที่อยู่ด้านในนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นประเภทที่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระในน้ำ
หลายๆขุมกำลังเคยคิดที่จะยึดครองเมืองบาดาลแต่พวกเขาส่วนใหญ่กลับต้องกลับมามือเปล่า
ชื่อเมืองบาดาลนั้นถูกตั้งโดยทีมที่สามารถโจมตีแดนลับแห่งนี้และหลบหนีออกมาได้สำเร็จโดยไร้รอยขีดข่วน
พวกเขากล่าวกันว่าที่แห่งนั้นดูหดหู่และน่าพรั่นพรึงราวกับเมืองที่จมอยู่ใต้น้ำ
นอกจากนี้เขายังพอจะอนุมานเกี่ยวกับผู้จัดการหมายเลข1ได้ด้วย
ผู้จัดการหมายเลข1ยากนักที่จะปรากฏตัวแต่เขากลับสามารถรู้ข้อมูลของอสูรที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย
หรืออีกฝ่ายจะมีสกิลตรวจจับระยะไกล?
“เตรียมรับมือกับอสูรปิศาจได้” ผู้จัดการหมายเลข2สะบัดมือและยืนไพล่หลังมองไปยังเส้นขอบฟ้าอันรกร้าง
ซุนจื่อเกาเดินมาข้างกายหลินเซวียน “ถ้ามีอันตรายคอยหลบอยู่ด้านหลังฉันนะ ถึงฉันจะมีความสามารถไม่มากแต่ก็มีพลังป้องกันสูง”
หัวใจของหลินเซวียนพลันอบอุ่นขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เขาช่วยพี่ซุนคนนี้เอาไว้อีกฝ่ายก็มักจะดีกับเขาและตั้งมั่นว่าจะตอบแทนบุญคุณเขาให้ได้
ยังไงก็ตามตัวเขามีพลังป้องกันสูงแล้วยังไง?
หลินเซวียนหัวเราะอยู่ในใจ คงไม่มีนักสู้คนไหนในระดับเดียวกันแล้วที่สามารถเอาชนะเขาได้ในด้านพลังป้องกัน
หลายชั่วโมงให้หลัง หลินเซวียนพลันสัมผัสได้ว่าพื้นดินกำลังสั่นสะเทือน เขารีบกวาดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าในทันที
เหล่านักกู้ซากที่เดิมทีช่างพูดช่างคุยมาตอนนี้กลับกังวลขึ้นมา
ทุกๆคนรู้ดีว่าคลื่นอสูรได้มาถึงแล้ว!
เส้นจุดสีฟ้าหนาแน่นพลันปรากฏขึ้น ณ เส้นขอบฟ้าและยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ามองดูดีๆจุดพวกนั้นไม่ใช่เส้นหนาหากแต่เป็นฝูงอสูรปิศาจผิวสีน้ำเงิน!
พวกมันคืออสูรปลาที่มีหัวเป็นปลาและมีร่างกายเหมือนมนุษย์ กุ้งที่มีร่างกายเหมือนมนุษย์ เต่ายักษ์ที่สูงกว่าสามเมตรและปลาหมึกที่มีเต่าอยู่บนหลัง
อสูรหลากชนิดปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา กลิ่นอายอันดุดันนี้ทำให้หลายๆคนตัวสั่นสะท้าน
ป้องปืนที่มีระยะทำการไกลที่สุดตรวจจับการเคลื่อนไหวของอสูรได้จึงเปิดฉากโจมตี
ปัง!
ลูกปืนใหญ่ปะทะลงบนหลังของอสูรเต่าหากแต่กลับเป็นฝ่ายโดดดีดกระเด็นแทนเมื่อปะทะลงบนกระดองของอีกฝ่าย
“การป้องกันทรงพลังอะไรขนาดนั้น!” ซุนจื่อเกาอุทาน
“เริ่มได้!” ลู่หลัวผู้ดูแลเขตCตะโกนลั่น
นักกู้ซากทุกคนของเขตCพากันโยนสกิลระยะไกลที่ตนมีออกไป พวกที่ไม่มีก็ไปหยิบปืนกลบนกำแพงเมืองมาสาดใส่พวกอสูร
ยังไงก็ตามผิวด้านนอกของอสูรพวกนี้หนายิ่งนักและยากนักที่จะเจาะทะลุผิวหนังของมันด้วยอาวุธปืนเช่นนี้
การใช้ไฟคือวิธีรับมือกับอสูรจากเมืองบาดาลที่ดีที่สุด
หลินเซวียนเองก็มีสกิลระยะไกลอยู่เหมือนกัน - ไฟบอล
เขาโยนไฟบอลลูกกระจิ๋วออกไป
ไฟบอลถูกโยนเข้าใส่หัวของอสูรปลาทำให้มันถูกเผาจนต้องกรีดร้องออกมาสุดเสียง ส่วนหัวของมันดำเป็นถ่านในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นเช่นนี้ซุนจื่อเกาและนักกู้ซากคนอื่นๆก็ใช้สกิลระยะไกลใส่อสูรปลาทันทีและสามารถสังหารพวกมันลงได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดเลยว่านายจะมีสกิลธาตุไฟด้วย ดีเลย!” ซุนจื่อเกาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
การต่อสู้มาถึงจุดไคลแม็กซ์ตั้งแต่ช่วงแรก
อสูรปิศาจกระโจนเข้าใส่อย่างไร้ความหวาดกลัวราวกับมันเกลียดชังทุกสิ่งที่อยู่ในเมืองทะเลสาบตะวันออก
ถ้าไม่ใช่เพราะกำแพงเมืองและข้อได้เปรียบจากการโจมตีจากที่สูงคงมีเหล่านักกู้ซากไม่น้อยที่ต้องสังเวยชีวิต
หลินเซวียนตอนนี้เริ่มขี้เกียจแล้ว เขายังคงใช้สกิล ‘อ่อนแอ’ กับตัวเองเพื่อลดค่าสถานะของตัวเองลง ถึงกระนั้นภายนอกเขาก็ยังเป็นถึงนักสู้ขอบเขตที่1 ด้วยไฟบอลที่โยนออกไปลวกๆเขาก็ยังสามารถสังหารอสูรขอบเขตที่0ได้อยู่ดี
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดถ้างั้นเขาทำตัวขี้เกียจแบบนี้ต่อไปเดี๋ยวก็จบ ในตอนที่ความคิดเช่นนี้แล่นเข้ามาในหัวของเขาเครื่องมือสื่อสารของเขาก็พลันดังขึ้น
“กำแพงตะวันตกถูกอสูรโจมตี! พวกมันมีจำนวนมากกว่า100,000ตัวและระดับของอสูรที่สูงที่สุดคือขอบเขตที่7! ผู้จัดการหมายเลข2และเหล่าผู้ดูแลบนกำแพงตะวันออกโปรดรีบจัดการทางฝั่งนั้นในทันที!”
เสียงของผู้จัดการหมายเลข1ดังขึ้น
น้ำเสียงของเขายังฟังดูน่าดึงดูดและนุ่มลึกเหมือนเคย
ยังไงก็ตามหลินเซวียนบอกได้เลยว่าน้ำเสียงของเขานั้นสูญเสียความสงบไปแล้วหากเทียบจากที่ได้ยินล่าสุด
สีหน้าของผู้จัดการหมายเลข2เปลี่ยนไปเล็กน้อยและรีบวิ่งไปยังกำแพงตะวันตกในทันที
ลู่หลัวและผู้ดูแลคนอื่นๆเองก็ตามไปติดๆ
ฝั่งกำแพงตะวันออกนี้เหลือเพียงเหล่านักกู้ซากเท่านั้น
“เชี่ยเอ๊ย...ไม่คิดเลยว่าพวกอสูรมันจะเจ้าแผนการขนาดนี้!”
“ผู้ดูแลทุกคนไปทางนั้นหมดแล้วแต่ตรงนี้ยังเหลืออสูรขอบเขตที่3อยู่อีกเพียบ พวกเราจะกันไหวหรอ?” ซุนจื่อเกาเริ่มกังวล
หลินเซวียนถอนหายใจ เขารู้แล้วว่าหลายๆอย่างคงไม่ราบรื่นเป็นแน่