ตอนที่แล้วChapter 18 : แดนลับขอบเขตที่2 – ทะเลราชันย์พฤกษา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 20 : เขาตัวคนเดียวแต่พวกเรามีตั้งสาม! พวกเราได้เปรียบ!

Chapter 19 : มีคนอยากจะจัดการกับโล่วิญญาณ


หลังจากได้ร่างฝึกฝนที่สามหลินเซวียนก็ไปหาที่ปลอดภัยเพื่อพักผ่อน

แปดชั่วโมงให้หลัง

[พื้นที่ปัจจุบัน : ทะเลราชันย์พฤกษาเขตที่1 (300เหรียญทั่วไป/นาที , 1500แต้มค่าประสบการณ์/นาที)]

[พฤกษาเปลือกเหมันต์ได้ฝึกฝนมาแล้ว8ชั่วโมงและถึงขีดจำกัดเวลาในการฝึกฝนแล้ว ได้รับ480,000เหรียญยทั่วไป แต้มค่าประสบการณ์2,400,000แต้ม อุปกรณ์ขอบเขต2สิบเจ็ดชิ้น หนังสือสกิล12เล่ม รูน5ชิ้น ผลกรีดร้อง2ลูก แกนอสูรธาตุไฟ3ชิ้น แกนอสูรธาตุพิษ1ชิ้นและแกนอสูรธาตุสายฟ้า1ชิ้น ต้องการรวบรวมหรือไม่?]

หลินเซวียนพึมพำคำว่า ‘รวบรวม’ เบาๆ พร้อมๆกับไอเทมกองพะเนินที่โผล่ขึ้นมาในมิติส่วนตัวของเขา

อุปกรณ์ขอบเขตที่2สิบเจ็ดชิ้นทั้งหมดล้วนเป็นเกรดสีขาวทั้งสิ้นพวกมันจึงถูกนำไปหลอมในทันที

ในบรรดาหนังสือสกิลทั้ง12เล่ม 4เล่มเป็นต้านทานธาตุไฟขั้นกลาง 3เป็นต้านทานธาตุสายฟ้าขั้นกลางและอีก5เล่มเป็นสกิลกำแพงเปลือกเหมันต์เกรดสีฟ้า(หายาก)

กำแพงเปลือกเหมันต์เป็นสกิลป้องกันเช่นเดียวกับกำแพงเหล็กแต่สกิลนี้ให้ทั้งพลังป้องกันกายภาพและป้องกันธาตุน้ำแข็งที่สูงล้ำ

สิ่งนี้มีประโยชน์ต่อหลินเซวียนยิ่งนัก เขาจึงทำการเรียนรู้และอัพเกรดมันทันที

รูน5ก้อนที่ได้มาเป็นเกรดสีขาวทั้งหมดจึงถูกนำไปหลอมเช่นกัน

อย่างสุดท้ายคือผลกรีดร้อง แกนอสูรธาตุไฟ ธาตุสายฟ้าและธาตุพิษ พวกมันคือไอเทมค่าสถานะที่มีอยู่ภายในทะเลราชันย์พฤกษา โดยพวกมันนั้นจะเพิ่มความสามารถในการหลบหลีก1% ต้านทานไฟ1% ต้านทานสายฟ้า1% และต้านทานพิษ1%ตามลำดับ

ไอเทมทั้งสี่ชนิดนี้ทั้งหมดล้วนดรอปมาหลังจากอสูรพฤกษาชนิดนั้นๆเสียชีวิตลง แน่นอนว่าอัตราการดรอปไม่ได้สูงนัก

กระทั่งหลินเซวียนที่มีร่างอวตารฝึกฝนก็ยังได้มาแค่นี้หลังผ่านไป8ชั่วโมง

ยังไงก็ตามข้อได้เปรียบที่สุดของเขาก็คือร่างฝึกฝนไม่จำเป็นต้องพักผ่อนและสามารถฟาร์มไอเทมได้อย่างต่อเนื่อง นักกู้ซากทั่วไปแค่ได้พักหลังจากลุยมาเป็นเวลาสี่หรือห้าชั่วโมงก็บุญหัวแล้ว

ยังไงซะที่นี่ก็คือแดนลับที่เต็มไปด้วยภยันตราย นักกู้ซากทุกคนจำเป็นต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติมาก

และแล้วเวลาสองวันก็ล่วงเลยไปเช่นนั้น

หลังจากฟาร์มมาสองวันร่างอวตารฝึกฝนของเขาอย่างพฤกษาเปลือกเหมันต์ก็ได้เลื่อนระดับจากเลเวล2เป็นเลเวล3ขอบเขตที่2แล้ว

ไอเทมค่าสถานะทั้งห้าชิ้นอย่าง – ผลกรีดร้อง แกนอสูรธาตุไฟ แกนอสูรธาตุสายฟ้า แกนอสูรธาตุพิษและแกนอสูรธาตุน้ำแข็งล้วนถูกหลินเซวียนเหมาจนเกลี้ยง เขาทานพวกมันไปครบอย่างละ10เป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังมีพวกมันอยู่อีกนับสิบภายในมิติส่วนตัว

“เฮ้อ ได้ว่ากลับไปพักที่องค์กรแล้วสิ มาเที่ยวที่นี่ทุกวันก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย”

หลินเซวียนเหยียดกายและเดินออกจากพื้นที่เขตนี้

ทันทีที่เขาเดินออกมาเขาก็ชนเข้ากับเงาร่างของคนผู้หนึ่ง

อีกฝ่ายสวมใส่ชุดลำลองเคลื่อนไหวง่ายพร้อมกับผมทรงหางม้าและมีแก้มอ้วนๆบนหน้า คนผู้นี้คือผู้ดูแลเขตCขององค์กรเจอร์มินัลอย่างลู่หลัวนั่นเอง

หลินเซวียนเกือบจะตะโกนเรียกพี่สาวลู่ออกไปตามสัญชาตญาณแล้วแต่ก็กัดลิ้นตัวเองเอาไว้ได้ทัน ตัวตนของเขาในตอนนี้คือ ‘โล่วิญญาณ’ นะเฮ้ย

“โล่วิญญาณ?” ลู่หลัวประหลาดใจยิ่งนัก

หลายๆคนต่างก็ตามหาโล่วิญญาณผู้นี้กันทั้งนั้น

ตั้งแต่ที่หลายๆคนได้รับข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ของโล่วิญญาณจนถึงตอนนี้เรื่องราวของเขาก็กลายเป็นตำนานไปแล้ว ยังไงซะเขาผู้เดียวก็สามารถสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์และราชันย์แดนลับหลายต่อหลายตัวลงได้ติดๆกัน

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาชื่อของ ‘โล่วิญญาณ’ ได้โด่งดังขึ้นมากภายในเมืองทะเลสาบตะวันออก

ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นก็คือโล่วิญญาณผู้นี้ไม่ใช่นักกู้ซากขององค์กรแต่เป็นหมาป่าเดียวดาย!

เขาที่ปราศจากข้อมูลและเทิคนิคการรับมือจากองค์กรกลับสามารถสังหารราชันย์แดนลับจำนวนมากได้ด้วยฝีมือของตนเอง เรื่องนี้ทำให้หลายๆคนอับอายยิ่งนัก!

ยังไงก็ตามหากมองจากมุมนี้ตัวตนในฐานะของหมาป่าเดียวดายของโล่วิญญาณก็ได้ไปกระตุ้นคนบางคนในองค์กรเจอร์มินัลเข้าเหมือนกัน เอาแบบตรงไปตรงมาเลยก็คือผู้จัดการหมายเลข3ไม่ค่อยพอใจนัก

ถ้ากระทั่งหมาป่าเดียวดายยังทรงพลังขนาดนี้ไม่ใช่ว่านั่นจะเป็นการบอกอ้อมๆหรือว่าองค์กรเจอร์มินัลไร้ประโยชน์เพียงใด?

องค์กรที่มีทรัพยากรและทรัพยากรจำนวนมากแต่กลับไม่มีนักกู้ซากที่ทรงพลังเหมือนโล่วิญญาณ ไม่ใช่ว่านี่มันน่าอับอายหรอกรึ?

ลู่หลัวแน่นอนว่าย่อมประทับใจคนที่พึ่งตัวเองอย่างโล่วิญญาณผู้นี้ ยังไงก็ตามเจ้าหล่อนย่อมไม่มีทางเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป

คนทั้งสองพบและเดินผ่านกันไป

ลู่หลัวที่เดินผ่านร่างของเขามากล่าวเสียงเรียบ “นายไม่ใช่ศัตรูขององค์กรเจอร์มินัลแต่มีนักกู้ซากบางคนจากองค์กรที่คิดจะสร้างปัญหาให้กับนายอยู่”

“พวกนั้นคิดจะจับตัวนายและเผยตัวตนที่แท้จริงของนายหรือไม่ก็บีบให้นายเข้าร่วมกับทางองค์กร ระวังตัวเอาไว้”

พอกล่าวจบลู่หลัวก็มุ่งหน้าสังหารอสูรพฤกษาต่อไปเพื่อเสาะหาไอเทมค่าสถานะ

หลินเซวียนชะงักค้างและหัวเราะคิกคักออกมา

ดูแล้วความคิดของลู่หลัวกับองค์กรเจอร์มินัลจะไม่ได้ตรงกันซักเท่าไหร่ เจ้าหล่อนกลับเป็นฝ่ายเอ่ยเตือนฉันท์มิตรกับ ‘หมาป่าเดียวดาย’ ผู้นี้ก่อน

“จับฉัน? พวกนั้นประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”

หลินเซวียนมองดูค่าสถานะ สกิลและอุปกรณ์ของตนด้วยความมั่นใจเต็มพิกัด

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเลเวลเพียงเลเวล1ขอบเขตที่2แต่ก็สามารถสู้กับนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่3ได้เลย

ในบรรดานักกู้ซากขององค์กรมีนักสู้ขอบเขตที่2อยู่น้อยจนน่าสมเพช กระทั่งนักสู้ขอบเขตที่3ก็ยังสามารถเป็นผู้ดูแลได้ เช่นนี้แล้วคิดหรือว่าคนเหล่านี้จะลดตัวลงมาจับเขาด้วยตัวเอง?

ในเวลาเดียวกัน ภายในสถานีไร้ภัยเขตที่9ของทะเลราชันย์พฤกษา

นักกู้ซากขอบเขตที่2สามคนจากเขตDได้มาที่นี่ด้วยกัน

ผู้ดูแลเขตDได้รับคำสั่งจากผู้ดูแลหมายเลข3ให้จัดกำลังคนเข้าโจมตีและปราบปรามโล่วิญญาณผู้เป็นตำนาน

ยิ่งโล่วิญญาณทรงพลังมากเท่าไหร่ องค์กรเจอร์มินัลก็ยิ่งดูแย่ลงมากเท่านั้น

เจ้าหมอนั่นต้องเข้าร่วมกับองค์กรหรือไม่ก็...ตาย!

นักกู้ซากผอมสูงคนหนึ่งเอ่ย “สองวันก่อนมีคนเห็นโล่วิญญาณปรากฏตัวที่สถานีไร้ภัยเขต9ของทะเลป่าราชันย์พฤกษา หลังจากนั้นเจ้าหมอนั่นก็ไม่กลับมาที่สถานีไร้ภัยอีกเลย”

นักกู้ซากร่างอ้วนกล่าวบ้าง “พวกเราไม่ต้องออกไปหาตัวคนหรอก ตราบใดที่รออยู่ที่นี่เจ้าหมอนั่นก็จะต้องกลับมาที่สถานีไร้ภัยเองนั่นแหละ”

นักกู้ซากตาเดียวเอ่ย “พวกเราสามคนก็น่าจะมากพอจับเจ้าหมอนั่นได้แบบเป็นๆแล้ว”

ไม่นานนักเงาร่างที่สวมชุดเกราะคลุมทั้งตัวก็ปรากฏขึ้นมาสายตาของพวกเขา

หน้ากากปิศาจ โล่สีดำขนาดใหญ่และชุดเกราะเต็มตัวทั้งหมดล้วนเหมือนที่กล่าวขาน แม้ว่าอุปกรณ์หลายชิ้นจะเปลี่ยนไปแต่กลิ่นอายนั้นยังคงเดิม นักสู้ทั่วไปไม่มีทางปลดปล่อยกลิ่นอายเช่นนี้ออกมาได้แน่นอน

นักกู้ซากยอดฝีมือเอ่ย “นั่นไงเจ้าหมอนั่น พวกเราจะปล่อยให้มันเข้าไปในสถานีไร้ภัยไม่ได้”

คนทั้งสามรีบวิ่งไปขวางทางของหลินเซวียนในทันที

บรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นมา

เหล่านักกู้ซากที่อยู่ในสถานีไร้ภัยพลันผุดลุกขึ้นและยืดคอมองออกไปด้านนอก

“ฉันจำสามคนนั้นได้ พวกนั้นคือนักกู้ซากจากเขตDไม่ใช่หรอ? หรือว่าเจ้าพวกนั้นจะมีปัญหากับโล่วิญญาณ”

“เกรงว่าจะไม่ใช่ปัญหาน่ะสิแต่เป็น...คำสั่งจากพวกระดับสูง”

“เฮ้อ หมาป่าเดียวดายก็มักจะถูกปราบปรามแบบนี้แหละ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว โล่วิญญาณถือเป็นม้ามืดขนานแท้ที่จู่ๆที่โผล่ออกมาแท้ๆแต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังต้องก้มหัวให้กับองค์กรยักษ์ใหญ่อย่างองค์กรเจอร์มินัลอยู่ดี”

ห่างออกไปลู่หลัวเองก็กำลังจะกลับเข้าไปในสถานีไร้ภัยเช่นกัน โชคของเจ้าหล่อนหนี้ไม่ดีนัก ครั้งนี้เจ้าหล่อนได้ผลกรีดร้องมาแค่2ลูกเท่านั้นและไม่ได้ไอเทมค่าสถานะชิ้นอื่นเลย

ทันทีที่เจ้าหล่อนมาถึงหน้าทางเข้าสถานีไร้ภัยก็ได้เห็นสถานการณ์อันตรึงเครียดนี้

ลู่หลัวส่ายหัว “สุดท้ายก็เจออยู่ดี...ไม่สิเดี๋ยวก่อน เจ้าพวกนี้น่าจะรอโล่วิญญาณมานานแล้วมากกว่า”

เธอรังเกียจนิสัยเช่นนี้ยิ่งนัก

เธอเชื่อมาเสมอว่าองค์กรเจอร์มินัลควรจะเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่เหล่านักกู้ซากเพื่อดึงดูดพวกหมาป่าเดียวดายแทนที่จะปราบปรามหมาป่าเดียวดายที่พึ่งพิงกำลังของตนเหล่านี้

ยังไงก็ตามคำสั่งนั้นถูกส่งมาจากผู้จัดการหมายเลข3โดยตรง ในฐานะของผู้ดูแลเจ้าหล่อนจึงกล่าวอะไรไม่ได้

‘ฉันช่วยอะไรเขามากไม่ได้ ยังไงก็ตามถ้านักกู้ซากทั้งสามคนนั้นจากเขตDปฏิเสธที่จะปล่อยเขาไปหลังจากจัดการกับโล่วิญญาณได้แล้วและบังคับให้เขาเข้าร่วมกับองค์กรเราจะเข้าไปหยุดพวกนั้น’

ลู่หลัวคิดกับตัวเอง

ผู้ดูแลเขตDมีผู้หนุนหลังคือผู้จัดการหมายเลข3

ยังไงก็ตามเธอเองก็มีผู้จัดการหมายเลข2หนุนหลังเช่นกัน ผู้จัดการหมายเลข2เองก็มีมุมมองเหมือนกับเธอและมักจะไม่ชอบการใช้ความรุนแรง

ถึงตอนนั้นต่อให้ผู้ดูแลเขตDมีปากมีเสียง ผู้จัดการหมายเลข2ก็ยังคุ้มกะลาหัวเธอได้อยู่ดี

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด