Chapter 17 : รวบรวมเซ็ตจ้าวเหนือหัว – เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตที่2
ในเวลานี้เองเงาร่างที่ถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้ชุดเกราะก็ได้วิ่งผ่านพวกเขาไปด้วยความเร็วสูงส่งผลให้มดงานอัสนีม่วงและมดทหารอัสนีจำนวนมากที่ขวางทางกระเด็นกระดอนออกไป
เมื่อมดอสูรเหล่านี้ชนเข้ากับร่างของอีกฝ่ายก็ราวกับพวกมันชนเข้ากับปังตอสับหมู ร่างเละแหลกเหลวในชั่วพริบตา
หัวหน้าทีมอุทานออกมา “แปลกมากฉันรู้สึกคุ้นกับแผ่นหลังนั่นเหลือเกิน”
สมาชิกทีมที่เหลืออีกสามคนกระพริบตาปริบๆ “นั่นดูเหมือนโล่วิญญาณเลยนะ”
ดวงตาของหัวหน้าทีมเบิกกว้าง “เข้าคิดจะไปลุยกับราชินีมดอัสนีม่วงที่รังของพวกมดอัสนีม่วงต่อเลยงั้นหรอ?”
สมาชิกทีมอีกสามคนหันหน้ามองกัน หมดคำจะพูด
โล่วิญญาณผู้นี้ไม่จำเป็นต้องพักเลยรึไง?
สิบนาทีให้หลังโจวเฟิงก็วิ่งผ่านพวกเขาไป “ไอดอลรอผมด้วย!”
ไม่นานนักร่างของหลินเซวียนก็เดินทอดน่องเข้าไปในถ้ำของราชินีมดอัสนีม่วง
ราชินีตัวนี้ก็หน้าตาน่าเกลียดไม่ต่างอะไรไปจากราชินีมดโลหะและราชินีมดแดงเพลิงเลยซักนิด
หลินเซวียนเปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์เซ็ตใหม่ที่คล้ายคลึงกับเซ็ต ‘ปราการเปลวเพลิง’ ที่พวกมดทหารแดงเพลิงดรอป เซ็ตนี้คือ ‘ปราการอัสนี’ ซึ่งดรอปจากมดทหารอัสนีม่วงและให้ค่าป้องกันสายฟ้าที่สูงถึง60%
กระบวนการต่อสู้นั้นก็เป็นไปอย่างน่าเบื่อไม่ต่างอะไรจากการต่อสู้กับราชินีมดแดงเพลิง
ไม่นานนักราชินีมดอัสนีม่วงก็ล่วงหล่น
ยังไงก็ตามหนนี้เขาโชคไม่ดีนัก ราชินีมดแดงเพลิงไม่ดรอปเซ็ตจ้าวเหนือหัวที่เขาต้องการลงมา
“โชคไม่ดีเลยแฮะ ถ้างั้นก็ลุยต่ออีกซักหลายยกหน่อยแล้วกัน”
หลินเซวียนสะบัดมืออย่างไม่แยแสและนั่งลง
หลังจากนั้นหลายนาทีให้หลัง มดสืบพันธ์ตัวหนึ่งก็ถูกเลือกให้กลายเป็นราชินีมดอัสนีม่วงตัวใหม่และปรากฏกายขึ้นในถ้ำ
หลินเซวียนปรายตามองและพบว่าค่าสถานะของมันต่ำกว่าคนละระดับเลยถ้าเทียบกับตัวก่อนหน้า การสังหารมันจึงง่ายดายยิ่งกว่าเดิม
หลังจากสังหารราชินีมดอัสนีม่วงไปห้าตัวติดในที่สุดสิ่งที่เขาต้องการก็ดรอปลงมา
“ราชินีมดโลหะดรอปกระโหลกโลหะ ราชินีมดแดงเพลิงดรอปผ้าคลุมเพลิงผลาญ ส่วนราชินีมดอัสนีม่วงนี่ก็ดรอปเกราะไหล่อัสนีม่วง ตอนนี้ก็เหลือแค่ชิ้นส่วนจากราชินีมดพิษวารีและราชินีมดเหมันต์”
หลินเซวียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ภายใต้สายตาตกตะลึงของนักสู้จำนวนมาก ร่างของเขาเดินจากออกไปจากรังของมดอัสนีม่วงและตรงไปยังรังของพวกมดพิษวารีอย่างรวดเร็ว
หลังจากสังหารราชินีมดพิษวารีไป19ตัวและราชินีมดเหมันต์ไป35ตัวเขาก็ได้เข็มขัดพิษร้ายและเกราะอกเหมันต์มาตามลำดับ
เช่นนี้ก็เท่ากับว่าเขารวบรวมชุดเซ็ต ‘จ้าวเหนือหัว’ ได้สำเร็จแล้ว
“โหดมาก ไม่แปลกเลยที่ตำนวนนี่วนเวียนอยู่ในเรื่องเหล่าของพวกนักสู้มาโดยตลอด ด้วยชุดเซ็ตจ้าวเหนือหัวนี่ผู้สวมใส่จะกลายร่างเป็นตัวแทงค์ชั้นยอดในพริบตา นักสู้ที่อยู่แนวหลังสามารถกระหน่ำโจมตีได้อย่างไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเลย!”
หลินเซวียนทอดถอนใจ
เอ็ฟเฟ็คต์ของชุดเซ็ตเป็นดังนี้ –
[1.ค่าป้องกันทุกค่า+30%]
[2.อัตราต้านทานสถานะเชิงลบทุกชนิด+50%]
[3.พลังชีวิตเพิ่มขึ้น100%]
[4.เอ็ฟเฟ็คการรักษาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว]
[5.ได้รับสกิลประจำชุดเซ็ต [กองทัพมดอสูร] - สามารถอัญเชิญมดทหาร5ตัวที่มีค่าสถานะ50%ของผู้ใช้ออกมาได้ตลอดเวลา มดทหารจะถูกนับคูลดาวน์ในการอัญเชิญหลังจากเสียชีวิตและจะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งในอีก5นาที]
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นเพียงเอ็ฟเฟ็คต์ของชุดเซ็ตเท่านั้น ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นเองก็มีความสามารถสองชนิดที่แตกต่างกันไป
หลังจากสวมใส่ชุดเซ็ตจ้าวเหนือหัวนี้ หลินเซวียนก็รู้สึกราวกับว่าตัวเขากลายเป็นจ้าวเหนือหัวที่แท้จริงซึ่งไร้เทียมทานราวกับภูผา ยังไงซะต่อให้ไม่ทำอะไรเลยเขาก็ยังทรงพลังมากอยู่ดี
เทียบกับความตื่นเต้นของหลินเซวียนแล้ว เหล่านักสู้ภายในสถานีไร้ภัยของรังมดอสูรกลับแตกตื่นยิ่งกว่า
กัปตันของทีมฟายอิ้งคุนเผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่และกล่าวออกมาเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลายฉันลองนับดูแล้วนะ โล่วิญญาณฆ่าราชินีมดโลหะไป1ตัว ราชินีมดแดงเพลิง1ตัว ราชินีมดอัสนีม่วง5ตัว ราชินีมดพิษวารี19ตัวและราชินีมดเหมันต์35ตัว ในบรรดาบอสเหล่านั้นมี5ตัวที่เป็นราชันย์แดนลับมากประสบการณ์และอีก46ตัวเป็นราชันย์แดนลับปกติ ยิ่งไปกว่านั้น...เขายังสู้เพียงลำพังตลอดมาและแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย”
ภายในสถานีไร้ภัยพลันเงียบสงัด
“เจ้าหมอนี่เป็นยอดมนุษย์ไม่ใช่รึไงเนี่ย?”
“โล่วิญญาณพาฉันไปด้วยสิ ฉันเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของคุณเลยนะ!”
“เจ้าหมอนี่เป็นคนจริงดิ? ไม่ใช่ว่าเป็นเอเลี่ยนที่แอบเข้ามาปะปมอยู่บนโลกหรอกนะ?”
“ทำไมพอเทียบกันแล้วฉันเหมือนกลายเป็นหมูไปเลย? พวกเราสี่คนเคยเข้าสู้กับราชันย์แดนลับทั่วๆไปแต่กลับถูกทุบตีเหมือนหมูหมา!”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่เหล่านักสู้ก็ระเบิดเสียงออกมา
พวกเขารู้สึกว่าการที่โล่วิญญาณปรากฏตัวบนโลกใบนี้ก็เพื่อสร้างความอับอายให้พวกเขา
นักสู้ชุดดำดื่มไม่ลงอีกต่อไป
เขาส่งข้อความไปหาผู้จัดการหมายเลข2อย่างจริงจัง
เนื้อหานั้นยาวจนน่าประหลาดใจถ้าเทียบกับอุปนิสัยของเจ้าตัว
“...นี่คือข้อมูล ในสายตาของฉันเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่เป็นไพ่ตายที่ควรค่าแก่การบ่มเพาะและทุ่มเททรัพยากรให้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความเร็วในการเติบโตของเขาใช้เวลาไม่ถึงสามปีคงกลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่4ได้แบบไม่มีปัญหา”
ผู้จัดการหมายเลข2ประหลาดใจยิ่งนัก
เขาไม่เพียงประหลาดใจกับผลการต่อสู้ของโล่วิญญาณและสายตาอันเฉียบแหลมของบุตรชายเท่านั้นแต่ยังประหลาดใจด้วยที่นักสู้ชุดดำคนนั้นส่งข้อความมายาวเหยียดแบบนี้
“ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ติดตามโล่วิญญาณไปก่อนอย่าพึ่งแสดงท่าที ให้เงินเขาไปเพื่อสร้างสัมพันธ์ก่อน”
“ว่าแต่ทำไมจู่ๆถึงช่างจ้อขึ้นมา? นายไม่ใช่คนแบบนี้นี่”
นักสู้ชุดดำตอบกลับ “ไม่ใช่เรื่องของนาย”
ผู้จัดการหมายเลข2 “...”
เมื่อหลินเซวียนเดินออกมาจากถ้ำของราชินีมดเหมันต์ นักสู้ชุดดำก็เดินเข้ามาทักทาย “สวัสดีโล่วิญญาณ”
หลินเซวียนชะงักไป ไม่ใช่ว่าเจ้าคนผู้นี้คือคนที่พยายามสอดส่องค่าสถานะของเขาเมื่อตอนอยู่ที่รังมดโลหะหรอกหรือ?
“มีอะไรรึเปล่า? ฉันไม่สนใจจะร่วมทีมกับใครหรอกนะ”
นักสู้ชุดดำส่ายหัว “นี่เงิน”
หลินเซวียนยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่
วันนี้มันบ้าบออะไรกันวะเนี่ย? ทำไมถึงได้มีเงินมาให้เงินเขาเยอะนัก? เงินของคนพวกนี้มันงอกเงยขึ้นมาจากต้นไม้รึไง?
“ฟรีด้วย อยากได้ไหม?” นักสู้ชุดดำกล่าวเสียงเรียบ
“แน่นอนสิ”
หลินเซวียนได้รับเงินจำนวน 150,000เหรียญที่ชายนักสู้ชุดดำโอนให้ในทันที
“รับไปซะ ในอนาคตพวกเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่” หลังจากกล่าวจบเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เขายังต้องรีบไปช่วยโจวเฟิงที่ถูกพวกมดเหมันต์จำนวนไม่น้อยลุมร้อมอีก เจ้าเด็กสารเลวนั่นสนใจแต่เรื่องไล่ตามโล่วิญญาณจนไม่ประมาณตน ตอนนี้เลยถูกพวกอสูรปิศาจเข้ารุมล้อม
แน่นอนว่าไม่ตายหรอกแต่ก็คงต้องนอนติดเตียงไปซักพัก
หลินเซวียนมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของคนผู้นี้ เขารู้สึกว่าคนผู้นี้ลึกลับยิ่งนักแต่ก็ไม่ได้สนใจจะสอดเรื่องชาวบ้านซักเท่าไหร่
ตราบใดที่เขาแข็งแกร่งพอเขาก็ทำลายได้ทุกอย่าง จะแผนการหรือลูกไม้ย่อมไร้ค่าไร้ราคา
หลินเซวียนจากไปภายใต้สายตาอิจฉาและชื่นชมของเหล่านักสู้และมาปรากฏกายอีกครั้งที่ถ้ำลับภายในชั้นหกของถ้ำหินยักษ์
“ถึงเวลาแล้ว ได้เวลาเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตที่2ซักที!”
หลินเซวียนวางวัตถุดิบเลื่อนขั้นจำนวนมากลงเบื้องหน้า
หลังจากสังหารราชันย์แดนลับมากประสบการณ์ พวกมันหนึ่งตัวจะดรอปวัตถุดิบเลื่อนขั้นอย่างน้อยหนึ่งชิ้นเสมอ หลังจากสังหารราชินีมดทั้ง5ไปเขาจึงได้วัตถุดิบเลื่อนขั้นมา5ชิ้นพอดี
เอ็ฟต์เฟ็คของวัตถุดิบทั้ง5นั้นเหมือนกันทุกอย่าง
[หลังจากเลื่อนขั้นค่าสถานะทั้งหมด+3แต้มและได้รับสกิลติดตัว [อำนาจแห่งราชันย์แดนลับมากประสบการณ์] ]
ถ้ามีสกิลนี้อยู่แล้วเอ็ฟต์เฟ็คของมันก็จะทรงพลังขึ้น
ถ้าหลินเซวียนใช้วัตถุดิบทั้งห้านี้ในการเลื่อนขั้นค่าสถานะทั้งหมดของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างละ15แต้ม!
“เริ่มการเลื่อนขั้น”
หลินเซวียนแตะไปที่สัญลักษณ์รูปลูกศรบนหน้าต่างข้อมูล
ร่างของของเขาทำการดูดกลืนวัตถุดิบเลื่อนขั้นทั้งห้าที่วางอยู่เบื้องหน้าโดยอัตโนมัติ
พลังงานมากมายหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและผสานเข้ากับแขนขา กระดูกและอวัยวะของเขา
กล้ามเนื้อของเขาคำรามลั่นและเลือดเองก็เดือดพล่าน!
หลังจากผ่านความรู้สึกแสนสบายช่วงสั้นๆร่างกายของหลินเซวียนก็เริ่มผ่อนคลาย
ตอนนี้ค่าสถานะพื้นฐานของเขาเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ : ความอดทน93 พละกำลัง47 พลังจิต48 ความเร็ว43
สกิลติดตัวอย่าง [อำนาจแห่งราชันย์แดนลับมากประสบการณ์] เองก็เปลี่ยนจาก-8%เป็น-15%
“รู้สึกดีจริงๆ ตอนนี้ก็พอจะมีพลังในระดับนึงแล้วน่าจะพอเอาตัวรอดในโลกอันแสนอันตรายใบนี้ที่มีแต่อสูรปิศาจเดินไปเดินมาได้บ้างแล้ว” หลินเซวียนถอนหายใจยาว “จากนี้ก็ได้เวลาไปยังแดนลับถัดไปเพื่อหาร่างอวตารฝึกฝนร่างใหม่ซักที”