ตอนที่แล้วบทที่ 188 : เนลม์ไฮมฟ์ (9-2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 190 : เนลม์ไฮมฟ์ (10-2)

บทที่ 189 : เนลม์ไฮมฟ์ (10-1)


บทที่ 189 : เนลม์ไฮมฟ์ (10-1)

ทว่าในท้ายที่สุดดาบก็ไม่อาจไปถึงตัวรีเจียนได้

เขาเปลี่ยนท่าทางและปัดป้องมันอย่างราบรื่น ฉันมองดูมือขวาที่สั่นเทาของตัวเองเบาๆ การเคลื่อนไหวที่ฉันเพิ่งทำนั้นเฉียบคมและซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งใดที่ฉันเคยทำมาก่อน

“มันดีกว่าครั้งที่แล้วมากนายท่าน”

รีเจียนลดดาบของเขาลง

เท้าของรีเจียนไม่ได้ขยับเลยตั้งแต่เราเริ่มฝึกซ้อม เขาก็ถอยหลังไปแค่หนึ่งก้าว

“ประสิทธิภาพการสังเคราะห์แตกต่างกันงั้นเหรอ?”

“สำหรับนายท่าน การสังเคราะห์ไม่ใช่แค่การดูดซับคะแนนประสบการณ์เท่านั้น”

รีเจียนลดเสียงของเขาลง

“แต่ต้องระวัง ประสิทธิภาพที่สูงไม่ได้ดีกว่าเสมอไป มีความเสี่ยงที่ข้อมูลระหว่างนายท่านกับเป้าหมายอาจจะปะปนกันหรืออาจส่งผลเสีย”

ฉันพยักหน้า

ฉันได้รับการปรับเปลี่ยนบางอย่างในด้านดาบผ่านการสังเคราะห์ร่วมกับเชย์ มันช่วยส่งเสริมการเติบโตของฉันอย่างแน่นอน

ฮีโร่ระดับต่ำที่ไม่มีความสามารถโดดเด่นอาจได้รับประโยชน์จากมัน แต่หากสังเคราะห์ฮีโร่ที่มีอันดับสูงกว่า พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์ที่คล้ายกัน

ซึ่งทำให้สิ่งนี้มันไม่ได้ไม่มีข้อบกพร่องเลย

“แต่ถ้าทำการสังเคราะห์มากเกินไป…”

ข้อมูลจะปะปนกัน

“มีเหตุผลว่าทำไมนายท่านที่ใช้ดาบไม่สามารถเรียนรู้ทักษะการป้องกันได้ ทิศทางของพรสวรรค์อาจไม่แตกต่างกันมากนัก แต่…”

“เราควรระวังสินะ”

ยังไม่มีฮีโร่ขั้นสูงในทาวน์เนียที่เป็นฮีโร่ระดับ 4 ดาวหรือสูงกว่า

เมื่อห้องรอขยายและจำนวนชั้นเพิ่มขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีฮีโร่สองสามคนที่อาจจะถูกรวมเข้ากับฉันในระหว่างนี้

'แต่ฉันไม่ใช่คนตัดสินใจ'

นายท่านแห่งทาวน์เนียไม่ใช่ฉัน

แม้ว่าฉันจะเป็นผู้นำในห้องรอ แต่ฉันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้สังเคราะห์โดยพละการ

ทว่าฉันก็ยังคงมีอิทธิพลต่อไรก็ได้ในทางอ้อม ฉันจำเป็นต้องคิดในมุมนี้ด้วย

“ฉันยกระดับขึ้นหนึ่งระดับในเวลาเพียงหนึ่งวัน ฉันคิดว่าจะใช้เวลาสิบวันก็น่าจะพอแล้ว”

“สมกับเป็นพรสวรรค์ของนายท่าน…”

“หยุดชมฉันเถอะ มันน่าอาย หากความคืบหน้าเร็วกว่าที่ฉันคาดไว้ ทักษะการต่อสู้ระดับกลางเพียงอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ”

"หากเป็นเช่นนั้น…"

“ฉันต้องการเรียนรู้ทักษะ 'วิญญาณดาบสวรรค์'”

'วิญญาณดาบสวรรค์ไม่ใช่ของทั่วไป

เท่าที่ฉันรู้รีเจียนเป็นฮีโร่เพียงคนเดียวที่ครอบครอง 'วิญญาณดาบสวรรค์'

'วิญญาณดาบสวรรค์' เป็นทักษะพิเศษที่มีผู้ครอบครองเพียงคนเดียว

“ด้วยความยินดีครับ”

รีเจียนก้มศีรษะมาที่ฉัน

“แต่ก่อนหน้านั้น นายท่านต้องฝ่าฟันทักษะการต่อสู้ระดับกลางให้ได้เสียก่อน”

“มีข้อจำกัดในเรื่องนั้นหรือเปล่า?”

“ไม่ครับแต่การเรียนรู้มันอาจเป็นไปได้ และผมต้องขอโทษล่วงหน้า แม้ว่าผมจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว นายท่านก็อาจจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้”

“ไม่สำคัญหรอก ฉันจะไม่ตำหนินายเลย ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงเป็นเพราะฝีมือของฉันเอง”

รีเจียนทุ่มเททุกอย่างให้กับฉัน

หากฉันไม่สามารถเรียนรู้ได้ นั่นถือว่าเป็นความอ่อนแอของฉันเอง

'ฉันควรเปลี่ยนตารางฝึกสักหน่อย'

ดูเหมือนว่าฉันจะได้รับมากกว่าที่ฉันคิดจากที่นี่

ฉันต้องลงทุนเวลาอีกสักหน่อย

'ฉันต้องเว้นจากการฝึกความแข็งแกร่ง'

การฝึกความแข็งแกร่งเป็นการฝึกที่สามารถทำได้หลังจากกลับไปแล้ว

แต่การซ้อมและฝึกซ้อมกับรีเจียนถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ฉันควรจะขอให้ ยูเน็ตจัดเวลาช่วงเย็นด้วย การเว้นว่างไว้นานเกินไปอาจทำให้ฉันพลาดท่าได้

“ถ้าอย่างนั้นการฝึกฝนครั้งต่อไป…”

"นายท่าน"

ฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เมื่อมองไปด้านข้าง ฉันสังเกตเห็นนิดเลสซึ่งกำลังลากรถเข็นหลายชั้นเข้ามา บนรถเข็นมีอาหารหลากหลายวางอยู่บนจานคุณภาพสูง

“ถึงเวลาอาหารแล้ว นายท่านมาหยุดพักด้วยกันรับประทานอาหารเถอะค่ะ”

นิดเลสจับผ้ากันเปื้อนของเธอ และโต๊ะไม้เล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น

เธอจัดเก้าอี้ วางจานต่างๆ ไว้บนโต๊ะ แล้วโค้งคำนับก่อนจะหายตัวไป เธอก็ยังเป็นคนยุ่งตลอดเวลาเหมือนเดิม ฉันเก็บดาบของฉันเข้าไปในฝัก

“ฉันว่าเราควรกินข้าวก่อน”

หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็พักสักหน่อย

จากนั้นฉันก็เผชิญหน้ากับรีเจียนอีกครั้ง ฉันพยายามดึงความรู้สึกที่ฉันรู้สึกเมื่อเพิ่มระดับทักษะอาวุธออกมาขณะฟันดาบลงไป

“มันยังไม่ค่อยดี”

มันรู้สึกเหมือนเป็นโชคของมือใหม่ ความรู้สึกนั้นบางเบบายิ่ง

แต่มันก็ไม่ได้หายไปหมด มันค้างอยู่ในมือของฉันอย่างแผ่วเบา ฉันมองไปที่รีเจียนท่าทางเขายังคงเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ฉันยกดาบขึ้นแล้วรีบเข้าไป

เคล้ง!

ดาบปะทะกันและเกิดเสียงดัง

ทุกครั้งที่ฉันแทงรีเจียน เขาจะเปลี่ยนทิศทางดาบของเขาอย่างราบรื่น หันเหและสกัดกั้นดาบฉันได้อย่างง่ายดาย แม้จะสังเกตมาหลายชั่วโมง การเคลื่อนไหวของเขาก็ยังคงเป็นปริศนา

“เทคนิคของนายท่านดีขึ้นแล้ว” รีเจียนพูดพร้อมปัดป้องการฟันแนวทแยงของฉันอย่างง่ายดาย

“นั่นเพราะฉันไม่ได้ใช้ทักษะความบ้าคลั่ง”

สำหรับการซ้อมช่วงบ่าย เราตัดสินใจต่อสู้ด้วยวิธีที่ต่างออกไป

ในขณะที่การฝึกช่วงเช้าเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและความเร็ว คราวนี้เราวางแผนที่จะทดสอบแนวทางที่เน้นเทคนิคมากขึ้น แม้ว่าจะหมายถึงต้องอ่อนลงและช้าลงเล็กน้อยก็ตาม

“การเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติบางครั้งปรากฏขึ้นในวิชาดาบของนายท่าน ดูเหมือนจะเป็นเพราะทักษะคนๆ นั้นสินะครับ” รีเจียนให้ความเห็น

“นั่นไม่ใช่เสียทีเดียว” ฉันตอบพร้อมแกว่งโล่

ฉันวาดดาบเป็นครึ่งวงกลมขณะที่ปัดไปที่โล่

รีเจียนหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “เมื่อนายท่านไปถึงระดับ 10 นายท่านควรพิจารณาเรื่องแยกทักษะออกนะครับ”

“ฉันก็คิดเรื่องนั้นอยู่แล้ว”

เพื่อเปลี่ยนทักษะ คุณต้องมีไอเท็มพิเศษที่เรียกว่า “ยาปลุกพลัง” มันต้องใช้วัสดุหายากหลายชนิดและการเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูง แต่ที่นี่มันธรรมดาพอๆ กับก้อนกรวด การนำวัตถุดิบมาสักสองสามอย่างก็ทำได้แล้ว

มีหลายอย่างมากมายให้ฉันทำ

นั้นก็คือ การปรับตัวและการเรียนรู้วิชาดาบถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ฉันต้องบรรลุเป้าหมายนี้ แม้ว่ามันจะหมายถึงการพลาดอะไรไปอีกหล่ายอย่างก็ตาม

ประการที่สอง ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนประเภทของดาบของฉัน

โล่นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ฉันเอาชนะวิกฤติต่างๆ มากมายได้ก็ต้องขอบคุณมัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมาะกับความสามารถของฉัน เพื่อก้าวไปสู่ทักษะการใช้ดาบระดับสูงขึ้น ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการใช้ดาบกับโล่มาเป็นการใช้ดาบแบบปกติ

เป้าหมายที่สามคือการได้รับทักษะ “วิญญาณดาบสวรรค์”

หลักการอาจซับซ้อน แต่ผลลัพธ์นั้นเรียบง่าย ขยายพลังและความเร็วที่ใช้กับอาวุธ หากประสานกันอย่างเหมาะสม มันจะติดปีกให้กับทักษะความบ้าคลั่งของฉัน มันเทียบเท่ากับการปรับค่าสถานะของฉันขึ้นไปสองเท่า

ประการที่สี่คือการเพิ่มระดับทักษะความบ้าคลั่ง

ดังที่ฉันรู้สึกและตามที่รีเจียนกล่าวไว้ การเปิดใช้ทักษะความบ้าคลั่งดูเหมือนจะมีโทษมากกว่าผลที่ได้ แต่หากฉันสามารถชดเชยมันด้วยข้อดีได้ล่ะก็…

'แต่มันจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำได้หรือเปล่านะ?'

เวลามีจำกัดเกินกว่าจะทำสำเร็จในครั้งเดียว

แต่หากทำสำเร็จ ฉันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่มีที่เปรียบ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเก็บเรื่องประการที่สี่ไว้ในใจและบอกตัวเองอย่าหักโหมจนเกินไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด