ตอนที่ 4 ไรส์ซิ่งสตาร์
สั่งเจ้าพ่อไปเป็นไอดอล
ตอนที่ 4 ไรส์ซิ่งสตาร์
“ไรส์ซิ่งสตาร์หรอ?”
แล้วทีวีก็เปิดโดยอัตโนมัติ และเพลงประจำรายการก็ดังขึ้น มีภาพฉากห้องเล็กๆ ก็ดังก้องปรอกอกับเปียโนอันแสนสุข จูนจำได้ว่าเป็นเพลงธีมของปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่ต่างกับโลกเดิมที่เขาอาศัยอยู่ พิธีกรรายการก็เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยเช่นกัน
คัง มินโฮ นักแสดงหนุ่มที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค ยืนอยู่ตรงกลางเวที จูนรู้จักเขาดีแถมเขายังโด่งดังในจีนอีกด้วย แสงไฟสว่างจ้าจำนวนมากส่องใบหน้าของเขา ทำให้เขาดูซีดขาวเล็กน้อย เก้าอี้อันเป็นเอกลักษณ์จำนวน 100 ตัวอยู่ด้านหลังเขา โดยมีตัวเลขเขียนด้วยตัวอักษรสีน้ำเงินแวววาว
[คุณเคยได้ยินรายการนี้ไหมโฮสต์?]
แน่นอนว่าจูนรู้เรื่อง "ไรส์ซิ่งสตาร์" ดี มันเป็นรายการไอดอลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในเกาหลี โดยซีซั่นแรกก็ให้กำเนิดเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นั่นคือ GIRLS EVOLUTION หลังจากประสบความสำเร็จในซีซั่นแรก พวกเขาก็เริ่มสร้างซีซั่นสำหรับเด็กผู้ชาย นั่นก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยที่วงประสบความสำเร็จมากกว่า GIRLS EVOLUTION เสียอีก [T/L: แต่จนแล้วจนรอด T/L ก็ไม่รู้ว่าวงนี้ชื่อวงอะไร]
แต่พวกเขาก็มาสะดุดล้มไม่เป็นท่าในช่วงซีซั่นที่ 3 ผลจากการเอารัดเอาเปรียบเด็กฝึกและควบคุมผลคะแนน ทำให้วงที่เกิดจากซีซั่นนั้นก็โดนยุบวงไปไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
แล้วจูนรู้เรื่องนี้ได้ยังไงน่ะหรอ? ก็แน่นอนเป็นเพราะน้องสาวของเขามาร้องห่มร้องไห้ออกมาตอนที่พวกเธอยุบวง! เหม่ยหลิงสนใจรายการประเภทนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นแฟนคลับของทุกๆ วงที่ผ่านมา เธอยังเคยขอร้องให้จุนห่าวพาเธอไปดูคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของวงที่ว่านี่ด้วย
"ไรส์ซิ่งสตาร์" กลายเป็นต้นแบบสำหรับรายการไอดอลอื่นๆ ทั้งหมดในเกาหลี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีหลายรายการที่ออกมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์เดียวกันกับต้นฉบับ แต่ "ไรส์ซิ่งสตาร์" ก็ยังคงครองตำแหน่งสูงสุดต่อไป สาเหตุหลักมาจากการตัดต่อที่ถือเป็นตัวป่วนและมีไหวพริบของทีมงานสถานีโทรทัศน์นั่นเอง แถมพวกเขายังสรรหาเหล่าเด็กฝึกที่หล่อเหลาและน่าสนใจที่สุดได้อยู่เสมอเลยด้วย
ดังนั้นแม้ว่าความพยายามของพวกเขาในซีซั่นที่สามจะไม่สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าก็ยังมีคนจำนวนมากที่สนใจจะดูซีซั่นที่สี่อยู่ดี
ดูจากหน้าต่างสถานะของจุนโฮแล้ว เขาคงถูกกำหนดให้เป็น "ตัวตลก" ประจำรายการแน่ เพราะทางรายการรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีความสามารถ และคนอย่างจุนโฮก็จำเป็นต้องมีเพื่อทำให้รายการน่าสนใจยิ่งขึ้น
จูนมุ่งความสนใจไปที่ทีวีอีกครั้งขณะที่เพลงประจำรายการหยุดบรรเลงไปแล้ว
"เด็กหนุ่ม 100 คน 100 ความฝัน แต่มีเพียง 10 คนเท่านั้นที่สามารถสานฝันให้เป็นจริงได้! ไรส์ซิ่งสตาร์ กลับมาอีกครั้งกับซีซั่นใหม่ ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ คาดเข็มขัดของท่านแล้วเตรียมพร้อมสำหรับประสบการณ์อันน่าจดจำ! เตรียมพร้อมที่จะตกตะลึงไปกับความสามารถอันน่าทึ่ง ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ และได้รับแรงบันดาลใจจากความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเด็กหนุ่ม 100 ชีวิตนี้ มาร่วมเป็นสักขีพยานกับการถือกำเนิดของไอดอลซุปเปอร์สตาร์รุ่นต่อไปกันเถอะ! ยินดีต้อนรับสู่เวที ยินดีต้อนรับสู่เวทย์มนตร์ ยินดีต้อนรับสู่สุดยอดรายการไอดอลเซอร์ไววัล!” มินโฮพูดอย่างกระตือรือร้น เสียงเปียโนที่คุ้นเคยดังขึ้น
จูนพอจะจินตนาการความคิดเห็นจากสาธารณชนได้เลย
- ไรส์ซิ่งสตาร์กลับมาอีกครั้งหรอ? ฉันตื่นเต้นจัง! หวังว่าเด็กฝึกสุดหล่อจะเข้าร่วมในครั้งนี้มากกว่าเดิมนะ
- ไรส์ซิ่งสตาร์เหรอ? พวกจำอวดน่ะเหรอ? หน้าหนาจนอยากมีซีซั่นใหม่!
- ปิดไรส์ซิ่งสตาร์ซะ! มันเป็นรายการหลอกลวง รายการโปรดของพวกนี้ก็จะเปิดตัวต่อไป
- มีคนเกลียด แต่พวกเขาจะดูอีกอยู่ดี
- ฉันจะดูแน่นอน
มีปฏิกิริยาผสมปนเปจากสาธารณชน บางคนชอบไอเดียเรื่องซีซั่นใหม่ ในขณะที่บางคนยังจำเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นจากซีซั่นที่สามได้ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ มันได้รับความสนใจอย่างที่ทางรายการต้องการ
ทันทีที่โฆษณาออกอากาศ หัวข้อนี้ก็ผงาดขึ้นมาเป็นเทรนด์อันดับ 1 บน Navel แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
จูนไม่ได้อยากเข้าร่วมการแข่งขันเช่นนี้ แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเดบิวต์ของเขา จากนั้นเขาก็สามารถมอบชีวิตที่ดีให้เหม่ยหลิงได้ และอาจได้ชีวิตเก่าของเขากลับคืนมา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วบอสของเขาคือใครกันแน่ และให้มันได้กระสุนของตัวเองบ้าง
เมื่อโฆษณาจบลง จูนก็เห็นกำหนดออกอากาศครั้งแรกคือวันที่ 24 กรกฎาคม 2023
เขาถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันยังอีกตั้งหนึ่งปีนับจากนี้! ทำไมพวกนั้นถึงเร่งรีบโปรโมตนักนะ?
[เดือนหน้าต่างหากโฮสต์]
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาดูโทรศัพท์เครื่องเก่าในมือและเห็นว่าปีนี้เป็นปี 2023 แล้วจริงๆ
นั่นหมายความว่านับตั้งแต่วันที่เขาเสียชีวิตก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว?
[ถูกต้องแล้วโฮสต์]
[การสัมภาษณ์เบื้องต้นจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ โปรดสร้างความประทับใจดีๆ จะได้ไม่มีใครมาแทนที่คุณ โอเคไหม?]
“ไอ้การสัมภาษณ์ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ นี่มันเมื่อไหร่?”
[พรุ่งนี้]
"อะไรนะ?" จูนอุทานออกมา “พรุ่งนี้เหรอ ฉันยังไม่มีทักษะอะไรเลย! แล้วลืมไปหรือเปล่าว่าหน้าฉันเป็นแบบนี้ไปแล้ว” เขาชี้ไปที่ใบหน้าที่ไม่เรียบร้อยของตน อาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาดูน่ากลัว และมั่นใจได้เลยว่าเขาจะต้องถูกคัดออกทันทีต่อให้การแสดงจะยังไม่ทันเริ่มก็ตาม
[โอ้พระเจ้า เกือบลืมไปเลยโฮสต์ ฉันจะรีบใช้น้ำยารักษาโดยด่วน]
จูนมองดูตัวเองในกระจกและรอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
[ระบบผิดพลาด น้ำยาหมด]
[ระบบผิดพลาด เติมยารักษาไม่ได้]
"ว่าไง?" จูนถาม "เธอใช้เวลานานแล้วนะ"
[ขออภัยด้วยโฮสต์ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่เหลือน้ำยารักษาแล้ว ฉันยังต้องชาร์จพลังก่อน]
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบชาร์จพลังซะ เธอมีเวลาถึงพรุ่งนี้”
[...]
[นั่นแหละปัญหา ฉันจะสามารถชาร์จได้ก็ต่อเมื่อทักษะขั้นต่ำทั้งหมดของคุณอยู่ในระดับ D ได้เท่านั้น ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้น คุณจะยังคงมีรูปลักษณ์เช่นนี้]
จูนนวดขมับของเขา พลางมองหน้าตัวอีกครั้งก่อนจะเดินวนไปเวียนมา เดิมเขาก็ไม่ได้หล่อเหลาขั้นสุดอะไรอยู่แล้ว แล้วตอนนี้เขายังต้องลงแข่งขันโดยมีอาการบาดเจ็บที่ใบหน้ามากมายแบบนี้นี่นะ?
เขาเดินไปมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาสะดุดกับวัสดุที่อ่อนนุ่มแต่ดูแข็งแรง เขาหยุดเดินแล้วสังเกตุเห็นหน้ากากแมวน่ารักอยู่บนพื้น เขาขมวดคิ้วแล้วหยิบมันขึ้นมา มันเป็นสีชมพูที่มีประกายระยิบระยับ ดูเหมือนเป็นของที่เหม่ยหลิงเคยชอบ แล้วทำไมจุนโฮถึงมีของแบบนี้ล่ะ?
เขากำลังจะทิ้งมันลงในถังขยะ แล้วจู่ๆ เขาก็นึกถึงไอเดียที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ เขาสวมหน้ากากไว้บนใบหน้าของเขา แล้วมันก็เข้ากันได้อย่างลงตัว
เขามองดูตัวเองในกระจกและยิ้มกริ่มเมื่อในที่สุดอาการบาดเจ็บของเขาถูกปกปิดเสียที นอกจากนี้ยังทำให้เขาดูหล่อขึ้นจม เนื่องจากดวงตาของจุนโฮเป็นส่วนที่มีเสน่ห์ที่สุดบนใบหน้าของเขาแล้ว
“งั้น เราก็ลุยตามคอนเซ็ปต์นี้ดีกว่า” เขาตัดสินใจ
หากบาดแผลของเขาไม่สามารถรักษาได้ตรงเวลา เขาก็ต้องสวมหน้ากากนี่จนกว่าแผลทั้งหมดจะหายดี
_____________________________