บทที่ 49 อาการป่วยของกงจู่
บทที่ 49
อาการป่วยของกงจู่
สิ้นคำ นางเรียกให้หลิงอวี่จื้อก้าวขึ้นมาตรวจดู หลิงอวี่จื้อเดินไปและเห็นว่ามีผื่นบริเวณลำคอเฉินหนิงซวง หากหมอหลวงยังไร้ทางรักษา นางคิดว่าตนเองคงอับจนหนทางเช่นกัน
จ่างกงจู่ผู้นี้เห็นนางเป็นหมอ นางจะรู้วิธีการกำจัดผื่นที่ไม่รู้ที่มาแบบนี้ได้อย่างไร
คิดได้เช่นนี้นางจึงก้าวไปหาและตอบ “ทูลจ่างกงจู่ หม่อมฉันไม่เคยพบเห็นอาการแบบนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพคะ”
“สิวบนใบหน้าไทเฮามู่หรงก็เรื้อรังมานาน และหมอหลวงก็ไม่มีหนทางรักษา เจ้ายังรักษาให้ไทเฮาได้อย่างง่ายดาย หากแต่กลับรักษาให้ข้าไม่ได้ หลิงอวี่จื้อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ประโยคสุดท้ายฉายแววขุ่นเคืองใจเต็มที
หลิงอวี่จื้อโอดครวญในใจและรีบคุกเข่าสำนึกผิด “จ่างกงจู่เข้าใจหม่อมฉันผิดแล้ว หม่อมฉันไม่ทราบว่ามันคืออะไรจริง ๆ เพคะ หม่อมฉันเพียงรู้เรื่องการประทินโฉมเล็กน้อยเท่านั้น หากแต่ไม่รู้วิธีการรักษาอาการป่วยเพคะ”
“ทึกทักไปเรื่อย ใครบอกว่าข้าป่วยกัน”
เฉินหนิงซวงตบโต๊ะลั่น ทำเอาน้ำชากระฉอกหก หลิงอวี่จื้อนึกไม่ถึงว่าจ่างกงจู่จะรับมือยากเพียงนี้ หรือเจ้าตัวจะไม่ถูกกับไทเฮามู่หรงกัน?
หลิงอวี่จื้อไม่ได้กลัวอีกฝ่าย หากแต่เป็นกังวลเท่านั้น ดูเหมือนว่าจ่างกงจู่จะไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ
“จ่างกงจู่ใจเย็นลงก่อนเพคะ หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ข้าจะใจเย็นลงก็ได้ เจ้าต้องบอกตำรับยารักษาผื่นให้ข้าในวันนี้ หากรักษาได้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หากทำไม่ได้ก็บอกลาชีวิตนี้เสีย”
เฉินหนิงซวงลูบกำไลบนข้อมือ สายตาส่อแววเชือดเฉือนทั้งส่งเสียงเย็นชา
คนทั่วไปคงสั่นกลัวเมื่อถูกนางจับจ้องเช่นนี้ ทว่า หลิงอวี่จื้อไม่ได้เป็นแบบนั้น ทั้งยังต้องการตอกกลับ มาข่มขู่กันอย่างนี้ก็ได้ด้วยหรือ แปลกคนจริงเชียว ฝืนใจผู้อื่นเป็นการบีบบังคับให้รักษากันชัด ๆ
“ทำไม? เจ้ามีปัญหาหรือ?”
มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว นางไม่รู้วิชาการแพทย์และไม่มีทางเก่งกาจไปกว่าหมอหลวง เรื่องนี้ย่อมชวนให้นางลำบากใจ ตอนนี้นางทั้งปฏิเสธและตอบตกลงออกไปไม่ได้ ทำให้คิดไม่ตก “ผิวพรรณของจ่างกงจู่สุขภาพดีไร้ที่ติ ไม่มีปัญหาที่หม่อมฉันสามารถช่วยรักษาได้และไม่ได้คิดปิดบังแต่อย่างใด หม่อมฉันรู้เพียงวิธีการประทินโฉมเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้การแพทย์แม้แต่น้อยเพคะ”
“หากรักษาจ่างกงจู่ให้หายได้ชีวิตของหม่อมฉันก็ด้อยค่านัก หากอาการหนักกว่าเดิมขึ้นมาจะไม่เป็นความผิดของหม่อมฉันหรือเพคะ จ่างกงจู่ยอมให้หม่อมฉันรักษาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพียงหม่อมฉันไม่กล้าเท่านั้น หากหม่อมฉันรักษาผิวงดงามที่แม้แต่เทพธิดายังอับอายให้หายดีได้ หม่อมฉันย่อมยอมช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพคะ”
น้ำเสียงหลิงอวี่จื้อนอบน้อมทั้งยังก้มคำนับ นางเอ่ยจากใจจริง และไม่เชื่อว่าเฉินหนิงซวงจะกล้าเอาใบหน้าตนเองมาเสี่ยง
เฉินหนิงซวงนึกลังเลเล็กน้อยอย่างที่คาดเอาไว้ หากนางรักษาได้จริงคงได้มากกว่าเสีย
ใคร่ครวญดีแล้วเฉินหนิงซวงก็หมายมั่นในใจ
“ลุกขึ้น! คุกเข่าแบบนี้ใครไม่รู้จะคิดว่าข้ารังแกคุณหนูใหญ่เอาได้” เฉินหนิงซวงท่าทีผ่อนคลายลงมาก ถึงขั้นมีรอยยิ้มประดับใบหน้า สีหน้าที่เปลี่ยนเร็วเช่นนี้ไม่ด้อยไปกว่านักแสดง