บทที่ 48 จ่างกงจู่*เรียกเข้าเฝ้า
บทที่ 48
จ่างกงจู่*เรียกเข้าเฝ้า
*จ่างกงจู่ คือ พระธิดาหรือพระขนิษฐาที่องค์จักรพรรดิโปรดปรานเป็นพิเศษและให้เกียรติยกย่องต่อองค์หญิง
มู่หรงกวนเย่ว์นึกสนใจทันทีก่อนถาม “เจ้ามีตำรับอื่นอีกหรือ?”
“เพคะ ล้วนเป็นของเรียบง่าย ไทเฮาไม่ต้องเป็นกังวลไป หม่อมฉันรับรองว่าง่ายและได้ผล เพียงแค่ต้องใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แล้วจะเห็นผลชัดเจนเพคะ”
หลิงอวี่จื้อรู้สูตรพอกหน้ามากมาย ทั้งสูตรกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น ต้านริ้วรอย และลดจุดด่างดำ ล้วนมีสูตรทั้งนั้น
“ได้สิ เช่นนั้นเจ้าเขียนมา อัยเจียจะลองนำไปใช้ดู”
“เพคะ หม่อมฉันรับบัญชา”
หลิงอวี่จื้อรับคำนอบน้อม ไทเฮาถือเป็นผู้ทรงอำนาจ ขอเพียงนางกอดก่ายอีกฝ่ายไว้ให้มั่นย่อมมีอนาคตสดใสอย่างแน่นอน
แม้หลิงอวี่จื้อจะไม่ได้ร้องขอสิ่งใด ทว่ามู่หรงกวนเย่ว์ยังมอบทองและเครื่องเพชรเป็นรางวัลให้จำนวนมาก ของเหล่านี้เป็นประโยชน์ หลิงอวี่จื้อจึงไม่มีทางปฏิเสธ ก่อนรับมาและกล่าวขอบคุณ
หลิงอวี่จื้ออารมณ์ดีหลังพบมู่หรงกวนเย่ว์เสร็จสิ้น ช่วงหลายวันมานี้ช่างเป็นชีวิตที่น่าเหลือเชื่อ ชีวิตแบบนี้ดีเหลือเกิน ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่เป็นดาราในชาติก่อน
ถึงตอนนั้นขอเพียงนางใกล้ชิดกับฮ่องเต้น้อยก็จะสามารถไปถึงจุดสุดยอดของชีวิตด้วยอำนาจของสองคนนี้ เมื่อนึกได้เช่นนี้ก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้
ในขณะที่กำลังจะกลับออกจากวังหลวง นางในตัวสูงคนหนึ่งพลันร้องเรียกนางพลางก้าวมาหา “ท่านคือคุณหนูหลิงแห่งคฤหาสน์อัครเสนาบดี!”
หลิงอวี่จื้อเห็นว่านางในใบหน้าฉายแววเย่อหยิ่ง ต่างจากนางในธรรมดาผู้อื่น อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าหรูหรา ทำให้นึกสงสัยในตัวตนของอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้ารับ “เป็นข้าเอง ไม่ทราบว่าเจ้ามีเรื่องอะไรกับข้าหรือ?”
“ข้าไม่ได้มี เป็นจ่างกงจู่ที่เรียกเจ้าเข้าเฝ้า มากับข้า!”
ว่าจบนางก็หันหลังเดินออกไปก่อน หลิงอวี่จื้อนิ่วหน้าขณะครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรจ่างกงจู่ก็อยู่ในวังหลวงจริง ๆ เป็นพี่สาวของเฉินโม่ชี นางไม่เคยรับมือกับจ่างกงจู่ แล้วจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจอย่างไรดี
ว่ากันว่านายเป็นอย่างไรบ่าวก็เป็นเช่นนั้น สาวใช้เย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ ทำให้นึกออกว่าจ่างกงจู่เป็นคนเช่นไร คงเจ้ายศเจ้าอย่างเป็นแน่ และนางไม่ต้องการไปหาแม้แต่น้อย
หลิงอวี่จื้อตามนางในไปยังตำหนักหมิงเย่ว์ เฉินหนิงซวงผู้ครองตำแหน่งจ่างกงจู่อาศัยอยู่ที่นี่ นางไม่ได้มองข้างทาง ทำเพียงตามนางในเข้าไปในโถงกลาง
“ทูลจ่างกงจู่ คุณหนูหลิงมาแล้วเพคะ”
“หันชุน ยกชามา”
สตรีที่นั่งอยู่บนที่นั่งกลางกล่าวสั่ง
หลิงอวี่จื้อคุกเข่าคำนับเฉินหนิงซวง นางเห็นหน้าตาของเฉินหนิงซวงชัดเจน หญิงสาวอยู่ในอาภรณ์สีลูกท้อ เครื่องหน้างดงาม ผิวพรรณผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ ดวงตาเฉี่ยวคมพร้อมริมฝีปากแดงสด มองเพียงแวบเดียวก็เห็นว่าหยิ่งยโส หลิงอวี่จื้อมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงหัวสูงไม่น้อย สีหน้าทะนงตนนั้นดูเมินเฉยต่อทุกคน
“ลุกขึ้น!”
เฉินหนิงซวงโบกมือให้หลิงอวี่จื้อลุกขึ้นตามใจตนเอง เมื่อเห็นว่าหลิงอวี่จื้อบอบบางน่ารัก ผิวเนียนนุ่มอย่างกับตุ๊กตาตัวน้อยแสนประณีต นางก็ทำเฉยเมยใส่ “เจ้าคือหลิงอวี่จื้อหรือ?”
เห็นอยู่ทนโท่ว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้ยังไม่โต จะไปเข้าใจเรื่องอะไรได้กัน
“เป็นหม่อมฉันเองเพคะ ไม่ทราบว่าจ่างกงจู่เรียกหม่อมฉันมาเข้าเฝ้ามีธุระอะไรเพคะ?”
“ข้าได้ยินมาว่าตำรับที่เจ้าถวายให้ไทเฮาได้ผลดีมาก อยู่ ๆ คอข้าเองก็ผื่นขึ้น แต่ไม่แสบหรือคันแต่อย่างใด หมอหลวงเองก็ไร้ปัญญารักษา เรื้อรังมาเป็นปีแล้ว เจ้าบอกข้ามาว่ามีหนทางในการรักษาหรือไม่”