บทที่ 46 ส่งไปบวชที่สำนักนางชี
บทที่ 46
ส่งไปบวชที่สำนักนางชี
หนานเยี่ยนยิ้มบอก “เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่กับคุณหนูสามเจ้าค่ะ ฮูหยินเฒ่า ฮูหยิน และอนุเหลียนถึงกับบุกไปที่ห้องของนาง ข้าน้อยเองก็แอบเข้าไปฟังอยู่ครู่หนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”
“แล้วจัดการนางอย่างไร?”
หลิงอวี่จื้อนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง โดยมีหลูเยี่ยนหวีผมให้อยู่ ขณะที่หนานเยี่ยนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างกระตือรือร้น
“คุณหนูสามร้องไห้หนักมากเจ้าค่ะ นางเอาแต่บอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่จุดแดงพรหมจรรย์ก็หายไปแล้ว คุณหนูสามจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ฮูหยินเฒ่าโกรธมากจนแทบจะฆ่าคุณหนูสามเลยเจ้าค่ะ”
“อนุเหลียนกับฮูหยินช่วยกันร้องขอความเมตตาเอาไว้ ในที่สุดฮูหยินเฒ่าก็ตัดสินใจส่งคุณหนูสามไปบวชที่สำนักนางชี ไปอยู่ที่นั่นแล้วต่อไปคงไม่กลับมาอีกแน่ ชีวิตนี้ของนางพังทลายแล้ว คุณหนูสามร้องไห้เสียจนเสียงแหบแห้ง วันนี้นางจะเดินทางเข้าสำนักนางชีเจ้าค่ะ”
หนานเยี่ยนยิ้มกว้าง เห็นหลิงอวี่หรงเป็นเช่นนี้แล้วนางสะใจมากทีเดียว “ในที่สุดคุณหนูสามก็ได้บทเรียนแล้ว เมื่อก่อนนางเคยรังแกคุณหนูอยู่ตลอด ถือว่ากรรมตามสนองนางแล้ว”
“ยกหินขึ้นแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง*แท้ ๆ ข้าเหลืออดกับความคิดของนางนัก นึกไม่ถึงว่านางจะร้ายกาจขนาดนี้”
*ยกหินขึ้นแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง หมายความว่าคิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง
หลิงอวี่จื้อส่งยิ้มให้ตนเองในกระจก นางไม่ได้ทำร้ายหรือหาเรื่องผู้อื่นโดยไร้เหตุผล หากแต่คนอื่นมาหาเรื่องนางก่อนต่างหาก เช่นนั้นอย่ามาโทษว่านางโหดร้าย นางหลอกลวงหมาป่าในคราบแกะน้อย ดังนั้นอีกฝ่ายคงได้แต่โทษตนเองที่คิดร้ายกับคนอื่นเท่านั้น
ระหว่างทานมื้อเช้า หลูเยี่ยนพลันเข้ามารายงาน “คุณหนู คุณหนูสามโวยวายอยากจะพบคุณหนูเจ้าค่ะ จะไปพบไหมเจ้าคะ”
“ไม่ละ เห็นข้าโง่หรือ ข้ามั่นใจว่าไปหานางก็คงไม่ได้ฟังคำพูดดี ๆ หรอก มีแต่จะหาเรื่องไปโดนด่า ปล่อยให้นางไปตามทางที่นางสบายใจเถอะ!”
หลูเยี่ยนพยักหน้า “ข้าน้อยจะไปให้คำตอบและบอกว่าคุณหนูไม่สบายเจ้าค่ะ”
“เยี่ยมมาก ไปจัดการได้!”
นางรู้ว่าครั้งนี้หลิงอวี่หรงต้องเกลียดชังตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าไปพบอีกฝ่ายคงได้ยินคำพูดบาดหู แม้นางจะไม่สะทกสะท้านแต่ก็ไม่ต้องการเสียเวลา จึงเมินเฉยใส่หลิงอวี่หรง
หลิงอวี่หรงจดจ่อต้องการพบหลิงอวี่จื้อ นางอดกลั้นอารมณ์และไม่ได้ระบายออกมา ในใจอึดอัดยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่า หลิงอวี่จื้อจะไม่ยอมมาพบ ซึ่งทำให้นางโกรธมากเสียจนแทบกระอักเลือด
อนุเหลียนยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นอดจะซับน้ำตาไม่ได้ เมื่อคิดว่าลูกสาวต้องไปอยู่ในสถานที่อย่างสำนักนางชี นางเองก็อยากบีบคอหลิงอวี่จื้อให้ตาย
ชีวิตของหลิงอวี่หรงคงจบเห่หลังจากไปอยู่ที่นั่น ต่อให้ภายภาคหน้าสามารถหลุดพ้นออกมาได้ก็คงไม่สามารถหาสามีจากตระกูลที่ดีได้ ข่าวลือที่แพร่สะพัดออกไปทำให้ หลิงอวี่จื้อเสื่อมเสียชื่อเสียง จวนอัครเสนาบดีกลับต้องมาสละ หลิงอวี่หรงเพื่อปกป้องหลิงอวี่จื้อ
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้ไป ข้าไม่ได้จะไปตายเสียหน่อย”
หลิงอวี่หรงหน้าเสีย นางเอ่ยลอดไรฟัน
อนุเหลียนตาแดงก่ำ น้ำเสียงฉายแววชังเหล็กที่ไม่กลายเป็นเหล็กกล้า** “อวี่หรง คราวนี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดถึงได้ถนัดทำเรื่องโง่เง่านัก เกิดเรื่องบ้าอะไรจุดแดงพรหมจรรย์กันแน่?”
**ชังเหล็กที่ไม่กลายเป็นเหล็กกล้า รู้สึกไม่พอใจเพราะผิดหวัง
หลิงอวี่หรงอับอายเกินจะเอื้อนเอ่ย นางก้มหน้านิ่งเงียบ ทำเอาอนุเหลียนยิ่งเป็นกังวลเมื่อเห็นลูกสาวไม่ตอบ และถามซักไซ้ “เจ้ามีสัมพันธ์กับบรุษจริงหรือ... อวี่หรง ตกลงเจ้าจะตอบหรือไม่?”
“ไม่ใช่ ท่านแม่ ข้าไม่ได้ทำแบบนั้น ข้าจะทำเรื่องงามหน้าอย่างนั้นได้อย่างไร เป็นฝีมือหลิงอวี่จื้อ...”
“จะเป็นฝีมือของสตรีไปได้อย่างไร...?”
อนุเหลียนงุนงงและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ