บทที่ 33 เจ้ากับสาวน้อยผู้นั้นเป็นพวกเดียวกัน
บทที่ 33
เจ้ากับสาวน้อยผู้นั้นเป็นพวกเดียวกัน
“นางแตะหน้าอกเจ้าหรือ?”
เซียวเยี่ยนอดจะหัวเราะขึ้นไม่ได้
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยกัน เจ้าเจอนางไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิงของข้า ข้าเพียงกลัวว่านางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อเท่านั้น”
เซียวเยี่ยนกล่าวหนักแน่น “นางไม่บอกเรื่องนี้หรอก มีแต่จะใช้ข่มขู่ให้เจ้ายกเลิกการแต่งงาน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ตอนนี้นางจิตใจกลับมาเป็นปกติแล้ว เมื่อรู้ความจริงแล้วจะยอมแต่งงานกับเจ้าได้อย่างไร?” เซียวเยี่ยนเล่นหมากในมือพร้อมกล่าวเสียงเรียบ
“บางทีนางอาจไม่ได้ฉลาดเพียงนั้น ข้าพันเอาไว้เป็นอย่างดี นางคงไม่สังเกตจนรู้”
จูจิ่นเริ่มปลอบใจตนเอง หากการแต่งงานครั้งนี้ถูกล้มเลิกก็ไม่รู้จะมองหาใครได้อีก การหาผู้ที่เหมาะสมซึ่งตรงกับเงื่อนไขไม่ง่าย เดิมทีหลิงอวี่จื้อเป็นคนที่เหมาะเจาะ หากแต่อยู่ ๆ เด็กสาวสติไม่สมประกอบก็กลับกลายเป็นปกติ
“นางฉลาดกว่าที่เจ้าคิด เปิ่นหวางว่านางฉลาดกว่าเจ้าเสียอีก”
“อาเยี่ยน เหตุใดเจ้าถึงได้ปกป้องนางนัก เพียงเพราะนางมารับธนูแทนเจ้าเลยเข้าข้างนางไปหมดอย่างนั้นหรือ” จูจิ่น กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าก็หาทางเอาเองแล้วกัน หากต้องการเล่นหมากล้อม เปิ่นหวางจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า หากไม่ต้องการข้าจะได้ส่งเจ้าออกไป”
เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของเซียวเยี่ยน จูจิ่นนึกเศร้าใจขึ้นมาเหลือเกิน “เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนตายกัน ตอนนี้ข้าเดือดร้อน เจ้ากลับยืนมองอยู่เฉยเสียได้”
“หากไม่ถึงขั้นตายก็เรียกว่าเดือดร้อนไม่ได้หรอก”
จูจิ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เช่นนั้นข้าจะประวิงเวลากับนางไปก่อนแล้วกัน รอจนกว่านางจะพบคนที่สนใจ ว่าแต่พรุ่งนี้ จื่อเชิ่งชวนข้าไปดื่มที่ร้านอาหาร เจ้าจะไปกับข้าไหม?”
“ดูสถานการณ์ก่อน”
เซียวเยี่ยนให้คนยกกระดานหมากออกไป ในขณะที่ จูจิ่นลุกขึ้นและถาม “เจ้าได้เบาะแสของคนลอบฆ่าหรือยัง?”
“ไม่พ้นพวกเขาหรอก” แววตาเซียวเยี่ยนลึกล้ำราวบ่อน้ำไร้ก้น แฝงเจือความหยิ่งทะนงแผ่ซ่านออกมา “พวกเขาต้องการเอาชีวิตเปิ่นหวาง เปิ่นหวางจะจัดการกับพวกเขาทีละคน และยังต้องเฝ้าระวังการลอบกัดด้วย”
“ข้าว่าเจ้าอย่าไปดิ้นตามฝ่ายตรงข้ามเลย แค่ระวังตัวไว้ก็พอ ข้าขอตัวกลับก่อน ข้าคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า แต่กลับมารู้ว่าเจ้ากับเด็กสาวผู้นั้นเป็นพวกเดียวกันเสียอย่างนั้น”
จูจิ่นส่ายหน้าและจากไป เซียวเยี่ยนได้แต่ขบขันเมื่อเห็นว่าสาวน้อยตัวเล็ก ๆ ทำให้จูจิ่นเป็นกังวลเพียงนี้ เขาไม่เข้าใจว่านางสามารถก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
วันถัดมาจูจิ่นไปที่ร้านชิงผิงตามนัด ที่นี่เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวง มีทั้งชาและสุราให้บริการ และเป็นสถานที่โปรดของเหล่าบัณฑิต ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่นี่มักเป็นลูกหลานตระกูลชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์
หลิงจื่อเชิ่งขอเปิดห้องส่วนตัว ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนัก หากแต่มักได้ดื่มด้วยกันบ่อยครั้ง จูจิ่นมีนิสัยโผงผาง ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างดื่มสุรา หลิงจื่อเชิ่งใส่ยาลงในจอกของจูจิ่น ทำให้หลังดื่มไปได้เจ็ดหรือแปดจอก เขาก็มึนหัว ไม่นานก็ไม่สามารถลืมตาขึ้น เขารู้ว่าหลิงจื่อเชิ่งวางยาตนเองและเด็กสาวผู้นี้คงจะสงสัยในตัวเขาเข้าจริงๆ
มันเป็นคำพูดสุดท้ายที่เขาคิดได้ก่อนหมดสติไป
หลังจูจิ่นสลบไป หลิงจื่อเชิ่งรู้สึกลำบากใจไม่น้อย เขากังวลว่าเมื่ออีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาจะตามคิดบัญชีกับตนเองหรือไม่ ส่วนหลิงอวี่จื้อที่ซ่อนตัวอยู่ห้องข้าง ๆ ก้าวเข้ามาอย่างไม่ทุกข์ร้อนและเห็นจูจิ่นนอนอยู่บนพื้น นางยกนิ้วโป้งให้พี่ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ “พี่ชาย ท่านทำได้เยี่ยมมาก”
“อวี่จื้อ เขาเป็นถึงซื่อจื่อแห่งฉางผิงโหว เจ้าควรระวังตัวเอาไว้”