บทที่ 30 น่าขายหน้ายิ่งนัก
บทที่ 30
น่าขายหน้ายิ่งนัก
หลิงอวี่จื้อจึงได้รู้ว่าตนเองเข้าใจผิด ใบหน้านางแดงเป็นกุ้งต้ม น่าขายหน้ายิ่งนัก เมื่อเห็นสีหน้านิ่งของผู้แทนพระองค์ นางก็อยากจะขุดหลุมมุดหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
นางอ้าปากจะอธิบาย หากแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรอยู่นาน “ข้า...”
ช่างเถิด ไม่ต้องอธิบายแล้ว ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อับอายต่อหน้าเขา อีกสักครั้งคงไม่เป็นไร
“ฮ่องเต้หัวแข็งและมักไม่ยอมฟังคำสั่งสอนจากใคร เปิ่นหวางเห็นว่าฝ่าบาทชอบพูดคุยกับเจ้า บางทีคำพูดของเจ้าอาจมีประโยชน์กับฝ่าบาท หลังจากเจ้าเข้าวัง หากเห็นฝ่าบาทพูดจาเหลวไหลก็ช่วยโน้มน้าวให้เขาเรียนรู้การบริหารปกครองบ้านเมือง”
“ข้าไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น”
มันเป็นสิ่งที่แม่ของเขาควรทำไม่ใช่หรือ แวบแรกอาจดูเหมือนเด็กวัยรุ่นหัวแข็ง หากฝากฝังเด็กคนนี้ไว้กับนาง คงไม่เกินมือนางถึงขั้นนั้น ทั้งลงไม้ลงมือและต่อว่าไม่ได้ เซียวเยี่ยนต้องการให้นางอยู่เคียงข้างเฉินโม่ชีในฐานะเพื่อน
“คุณหนูหลิง อย่าได้ถ่อมตนไป เจ้าสามารถเอาชนะการเล่นซูจู้กับฮ่องเต้ได้ ดูเหมือนในภายภาคหน้าเจ้าจะทำให้เปิ่นหวางแปลกใจอีกมาก หากเจ้าต้องการแมลงจิ่วเซียงก็จงฟังคำของเปิ่นหวางผู้นี้”
“ข้ารับทราบ ผู้แทนพระองค์” หลิงอวี่จื้อเม้มปากก่อนรับคำอย่างไม่เต็มใจ ก่อนมองหน้าเขาด้วยแววตาเอาใจ “ผู้แทนพระองค์ ท่านจะส่งคนไปตามหาแมลงจิ่วเซียงเมื่อไหร่หรือ ข้าคิดว่าเราควรเร่งมือกัน โดยเฉพาะเรื่องนี้ ยิ่งจัดการเร็วยิ่งดี”
เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของหลิงอวี่จื้อ เซียวเยี่ยนอดจะขบขันไม่ได้ เขาจงใจกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี คุณหนูหลิงจะร้อนใจไปทำไมกัน กลัวว่าเปิ่นหวางจะทำให้ตนเองอับอายหรือ”
ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายย่อมทำให้กังวลใจ มันเป็นชีวิตของนาง หากตัวนางไม่รีบจะคาดหวังให้ใครมาเป็นห่วงได้กัน
หลิงอวี่จื้อเผยสีหน้าเศร้าสร้อย “ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เพียงแค่ต้องการบรรเทาความกังวลของผู้แทนพระองค์ที่มีมานานแล้วเท่านั้น”
“เช่นนั้นเจ้าก็ทำตัวดี ๆ หากทำตามความต้องการของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางอาจคิดช่วยเจ้าหาแมลงจิ่วเซียงโดยเร็ว มันเป็นสมบัติหายากและหาได้ไม่ง่ายเลย”
เมื่อถูกบีบบังคับขึ้น นางก็ทำได้เพียงถลกแขนเสื้อและตั้งใจทำหน้าที่ นางไม่เชื่อว่าตนเองจะไม่สามารถดัดนิสัยเด็กแสบคนนี้ได้ หากสามารถปรามฮ่องเต้น้อยได้ก็คงเป็นผลดีกับนางเช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อารมณ์หดหู่ของหลิงอวี่จื้อกลับกลายสดใส นางอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเห็นนางอารมณ์ดี เซียวเยี่ยนเองก็พลอยอารมณ์ดีตาม
เดิมทีเซียวเยี่ยนจะไปส่งหลิงอวี่จื้อที่จวนอัครเสนาบดี ทว่าหลิงอวี่จื้อบังเอิญพบหลิงจื่อเชิ่งริมถนน และขอลงจากรถม้าพร้อมกับหลูเยี่ยน ในขณะที่เซียวเยี่ยนแยกตัวไปก่อน
หลังจากปิดผ้าม่านลง รอยยิ้มของเซียวเยี่ยนยิ่งมีนัย เขาพบว่าตนเองสบายใจเมื่อได้คุยกับสาวน้อยคนนี้ และนึกไม่ถึงว่าจะมีสาวน้อยที่น่าสนใจขนาดนี้ในจวนอัครเสนาบดีด้วย
ข้างกายหลิงจื่อเชิ่งคือหญิงสาวในอาภรณ์เรียบง่ายสีกรมท่า บนศีรษะประดับปิ่นปักผมเงิน ในมือถือตะกร้าเอาไว้ นางก้มหน้าและเอ่ยบางอย่างกับหลิงจื่อเชิ่ง เขายกยิ้มโดยเอาแต่จดจ่ออยู่ที่สตรีข้างกาย และไม่ได้สังเกตเห็นหลิงอวี่จื้อที่ก้าวมาหาเขาแต่อย่างใด
หลิงอวี่จื้อตบบ่าพี่ชายอย่างแรง “พี่ชาย ถึงว่าทำไมช่วงนี้ถึงได้ไม่เห็นหน้าค่าตาท่านเลย ที่แท้ก็มาตามเกี้ยวสาวน้อยนี่เอง”
หลิงจื่อเชิ่งชะงักเมื่อนางโผล่มาอย่างกะทันหัน หลังเห็นว่าเป็นหลิงอวี่จื้อเขาก็ตั้งสติได้ “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้?”
“ท่านยังมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมข้าจะมาไม่ได้ ว่าแต่ท่านนี่ก็ตาแหลมดีนะ”