ตอนที่แล้วบทที่ 2 การแสดงที่ยอดเยี่ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 พบผู้แทนพระองค์

บทที่ 3 เล่นละคร


บทที่ 3

เล่นละคร

“เพราะเหตุใดจึงปิดประตูขังข้า? ชายคนนั้นน่ารังเกียจ กล่าวบอกว่าน้องหญิงสามรสชาติยอดเยี่ยมกว่า น้องหญิงสาม... เขาเคยลิ้มรสเจ้าแล้วงั้นหรือ?”

หลิงอวี่หรงพลันตื่นตระหนกและคลื่นไส้ นางต้องการที่จะผลักหลิงอวี่จื้อออก แต่เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน นางมักจะแสดงตนว่าอ่อนโยน และนางไม่เคยกระทำการหยาบคาย ทว่าในตอนนี้หลิงอวี่จื้อโอบเอวนางไว้อย่างแน่นหนา นางจึงไม่สามารถผลักคนผู้นี้ออกไปได้ คนโง่เขลาเช่นนี้สามารถโกหกได้งั้นหรือ มันเกิดอะไรขึ้น?

“หลิงอวี่หรง เกิดเรื่องใดขึ้น?”

แววตาของนางฉูฉายชัดความเย็นชา และนางฉูกับมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นขัดแย้งต่อกัน เวลานี้ฮูหยินเฒ่าอยู่ที่นี่      นางถึงกับขมวดคิ้วแน่น หลิงอวี่หรงรู้สึกกังวลมากจึงรีบอธิบาย “ท่านแม่ ข้าจะปฏิบัติต่อพี่หญิงใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่พี่หญิงใหญ่กล่าวคืออะไร พี่หญิงใหญ่ ท่านหยุดกล่าวคำไร้สาระได้แล้ว!”

เมื่อกล่าวเช่นนั้น นางพยายามผลักหลิงอวี่จื้อออก       นางออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าหลิงอวี่จื้อกลับล้มลงอย่างแรง นางกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับลอบคิดในใจว่า... วันนี้พี่หญิงใหญ่จะเล่นกับเจ้าจนตาย อย่างไรเสียพี่หญิงใหญ่คนนี้ก็ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมอยู่แล้ว!

หลิงอวี่จื้อร่ำไห้ “น้องหญิงสาม เหตุใดเจ้าจึงหยิกข้า อีกทั้งยังผลักข้าด้วย คิดฆ่าข้าหรือไร! ชายร่างใหญ่กล่าวดังที่ข้าบอกจริง แล้วเขายังบอกด้วยว่าน้องสามมีไฝที่หน้าอก เขาชื่นชอบรสชาติไฝของน้องหญิงสามมากที่สุด แต่ว่า… น้องสาม เจ้ามีไฝที่หน้าอกงั้นหรือ? แต่ไฝมันเป็นเพียงเศษเนื้อเล็ก ๆ กินอย่างไรก็ไม่น่าจะอิ่มได้ สมองของคนผู้นั้นต้องฟั่นเฟือนแน่!”

หลิงอวี่หรงทั้งอับอายและร้อนใจ หลิงอวี่จื้อเกิดรู้สึกว่ายิ่งกล่าวว่าน้องสามเท่าใด นางยิ่งดูตลกมากเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายผู้นั้นจริง

นางคุกเข่าลงโดยไม่สนใจว่าพื้นจะสกปรกหรือไม่      “ท่านย่า ข้าไม่รู้จักชายผู้นั้น เพราะท่านย่าสอนข้ามาตั้งแต่ยังเยาว์ และข้าจะไม่มีทางทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎของท่านเด็ดขาด”

ขณะนี้ใบหน้าฮูหยินเฒ่าแสดงชัดถึงความเดียดฉันท์ เพราะนางทราบดีว่าหลิงอวี่หรงมีไฝสีดำที่หน้าอก นางคือหลานสาวคนโปรด หลิงอวี่หรงทั้งอ่อนโยนและน่ารัก ทั้งยังเชื่อฟัง มีหรือนางจะทำเรื่องราวเลวร้ายเช่นนั้นได้? กระนั้นทุกคนทราบดีว่าหลิงอวี่จื้อโง่เขลาเพียงใด สติปัญญาเทียบเท่าเด็กสี่หรือห้าขวบ ไม่มีทางที่นางจะทราบวิธีการโป้ปด

“หลิงอวี่จื้อหรือจะรู้วิธีโกหกหลอกลวง? หากไม่มีเรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้น เหตุใดนางรู้ถึงเพียงนี้?” นางฉูกล่าวตอบ ก่อนจะหันมาขอคำแนะนำจากฮูหยินเฒ่า “ท่านแม่ คิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้?”

“มันเป็นเรื่องในครอบครัวของเจ้า เช่นนั้นเจ้าสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ ตอนนี้เรื่องยังไม่แพร่กระจายออกไป อย่าได้ทำให้อวี่จื้อต้องอับอาย ส่วนเด็กคนนี้… เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นแล้ว ก็แล้วกันไป อีกทั้งเหล่าคนรับใช้ก็ต้องปิดปากให้สนิท ห้ามผู้ใดกล่าวแพร่งพรายเด็ดขาด!” ฮูหยินเฒ่าลุกขึ้น นางตรงไปหาหลิงอวี่หรงด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า “การที่ข้าอบรมสั่งสอนเจ้าในหลายปีที่ผ่านมานั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี ดูเหมือนว่าเจ้าจะไร้ความคิดอย่างแท้จริง ข้าผิดหวังในตัวเจ้านัก!”

หลังกล่าวจบ ฮูหยินเฒ่าเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมา หลิงอวี่หรงแทบจะทรุดตัวลง ใบหน้าของนางซีดเซียว คำกล่าวของฮูหยินเฒ่าหมายความว่าอย่างไร? ฮูหยินเฒ่าจะไม่สนใจนางแล้วงั้นหรือ? และหากเป็นเช่นนั้น นางฉูต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อสร้างความวุ่นวายแน่

“แม่นมซ่ง จัดการตามกฏของตระกูล”

“เจ้าค่ะ”

แม่นมซ่งตอบกลับก่อนจะยกแส้ขึ้น ภายใต้สัญญาณของนางฉู แม่นมซ่งฟาดแส้ลงบนหลังของหลิงอวี่หรงอย่างแรง ในขณะที่หลิงอวี่จื้อเพียงแค่รับชมด้วยความสนุกสนาน

หลิงอวี่หรงที่เปราะบาง แม่นมซ่งที่ไร้ความปรานี         หลิงอวี่หรงจึงหมดสติหลังถูกแส้ฟาดเพียงไม่กี่ครั้ง กระนั้นนางฉูไม่คิดปล่อยหลิงอวี่หรงรอดพ้นโดยง่าย นางออกคำสั่งกับบรรดาคนรับใช้ “ส่งนางไปยังห้องโถงบรรพบุรุษ ให้นางคุกเข่าสำนึกผิดที่นั่น คอยจับตาดูเอาไว้ ภายหลังสองวันค่อยพานางออกมา”

"เจ้าค่ะ ฮูหยิน"

ตอนนี้เองที่นางฉูเกิดนึกห่วงหาบุตรสาวที่อยู่ข้างกาย นางพยุงตัวช่วยหลิงอวี่จื้อลุกขึ้น “อวี่จื้อ นับจากนี้จงอยู่ให้ห่าง   จากอวี่หรงเสีย”