ตอนที่แล้วบทที่ 27 ท้าทายฮ่องเต้น้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 เจ้าต้องการเข้าวังหลวงหรือไม่

บทที่ 28 ไม่ต้องการให้สตรีออมมือให้เจิ้น


บทที่ 28

ไม่ต้องการให้สตรีออมมือให้เจิ้น

เฉินโม่ชีสั่งให้คนไปเตรียมการและพาหลิงอวี่จื้อไปสนามซูจู้ หลูเยี่ยนนึกร้อนใจเต็มที นางไม่รู้ว่าหลิงอวี่จื้อคิดอะไรอยู่กันแน่ นางไม่เคยได้ยินว่ามีสตรีคนใดสามารถเล่นซูจู้ได้ ทั้งยังไม่เคยพบเห็น ต่อให้นางเคยเห็นแต่หลิงอวี่จื้อก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

“คุณหนู รีบร้องขอความเมตตาเถิดเจ้าค่ะ จะมีเรื่องกับฝ่าบาทไม่ได้นะเจ้าคะ”

หลิงอวี่จื้อลูบมือหลูเยี่ยน “ไม่เป็นไรหรอกน่า ในเมื่อข้ากล่าวออกไปแล้วย่อมมีหนทางออก”

ว่าจบหลิงอวี่จื้อก็มายืนตรงหน้าเฉินโม่ชี ก่อนกล่าวขึ้นพร้อมส่งยิ้ม “ฝ่าบาท ตามที่เราตกลงกันไว้ หากหม่อมฉันเอาชนะฝ่าบาทได้ ฝ่าบาทห้ามถือโทษหม่อมฉันอีกนะเพคะ”

“เจิ้นจะทำให้สตรีน้อยอย่างเจ้าต้องอับอายให้ดู อย่ามัวพูดเหลวไหล เริ่มกันได้เลย!”

สิ้นคำเขาก็เริ่มโยนบอล หลิงอวี่จื้อร่างเล็ก เมื่อยืนประจันหน้ากับเขาจึงตัวเตี้ยกว่า มองจากระยะไกลแล้วนางดูเหมือนเด็กน้อย

หลูเยี่ยนเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยความวิตก ในขณะที่   จื่ออีเพียงแค่ประหลาดใจ คุณหนูใหญ่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจยิ่งนัก นางกล้าท้าทายฮ่องเต้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน

จื่ออีพลันหันไปเห็นเซียวเยี่ยนและรีบคำนับทันที         เซียวเยี่ยนโบกมือให้ก่อนยืนมองหลิงอวี่จื้ออย่างใกล้ชิดอยู่ด้านข้าง เขาคิดจะนัดหมายให้หลิงอวี่จื่อและเฉินโม่ชีพบกัน นึกไม่ถึงว่าไม่ทันได้จัดการพวกเขาทั้งคู่ก็ได้เจอกันแล้ว

ไม่รู้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะทำให้เขาแปลกใจอีกเท่าไร คิดแล้วเซียวเยี่ยนก็ลอบยกยิ้มมุมปากขึ้น

การแข่งขันซูจู้ดำเนินไปอย่างทุลักทุเล เพื่อไม่ให้เฉินโม่ชีพ่ายแพ้อย่างน่าเกลียดจนเกินไป  หลิงอวี่จื้อจงใจออมมือให้เขา หากแต่เขากลับเห็นจึงตะโกนขึ้น “ใครบอกให้สตรีเช่นเจ้ามาออมมือให้เจิ้น หากไม่ลงมือเต็มแรงเจิ้นจะตัดหัวเจ้าซะ”

หลิงอวี่จื้อนึกไม่ถึงว่าความเมตตาของตนเองจะไร้ค่า นางจึงเตะลูกบอลออกไปด้วยความโมโห และครั้งนี้เขาจับบอลเอาไว้ไม่อยู่

หลิงอวี่จื้อตื่นตระหนกเล็กน้อย ฮ่องเต้น้อยคงจะไม่กริ้วหรอกใช่ไหม

เฉินโม่ชีดูประทับใจในตัวนางและออกจะตื่นเต้นเล็กน้อย ก่อนสาวเท้าเข้ามาหาหลิงอวี่จื้อ “สาวน้อย ใครสอนเจ้าเล่นซูจู้กัน?”

“หม่อมฉันเรียนรู้เองเพคะ” การถูกเด็กน้อยเรียกว่าสาวน้อยทำให้หลิงอวี่จื้อแทบหลุดขำ หากแต่ยังทำทีเป็นเคร่งขรึม “ฝ่าบาท ปีนี้หม่อมฉันอายุได้ 17 แล้วเพคะ”

“เจ้าอายุ 17 อย่างนั้นหรือ?” เขาหัวเราะ “เช่นนั้นเจ้าก็เตี้ยมาก เจิ้นคิดว่าเจ้าอายุน้อยกว่าเจิ้นเสียอีก”

หลิงอวี่จื้อใบหน้าอ่อนเยาว์ นางตัวเล็กเป็นทุนเดิมและดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เฉินโม่ชีจึงดูไม่ออกว่านางอายุเท่าไร หากแต่เมื่อถูกเขาบอกว่าตนเองเตี้ย หลิงอวี่จื้อก็ยังคงขุ่นเคืองใจ นางเป็นหญิงสาวแล้วไม่ใช่เด็กเล็ก

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเติบโตมาปกติดีมากเพคะ”

“เจ้าชื่ออะไร?”

เฉินโม่ชีค่อนข้างสนใจในตัวหลิงอวี่จื้อ เป็นครั้งแรกที่เขาเคยพบสตรีที่เล่นซูจู้เป็นจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ไม่ทันหลิงอวี่จื้อจะได้เอ่ยสิ่งใด เซียวเยี่ยนก็เดินเข้ามาและคำนับให้เฉินโม่ชี “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ผู้แทนพระองค์ ท่านนี่เอง”

หลิงอวี่จื้อนึกไม่ถึงว่าเซียวเยี่ยนจะเข้าวังเช่นกัน นางก้าวไปหาเขาและกล่าว “คารวะผู้แทนพระองค์เจ้าค่ะ”

เซียวเยี่ยนทำเพียงพยักหน้ารับ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากพร้อมใบหน้าแดงเรื่อของหลิงอวี่จื้อ นางดูสดใสร่าเริงราวกับดอกไม้เบ่งบานเปี่ยมล้นชีวิตชีวาใต้แสงอาทิตย์

“คุณหนูหลิงเปิดหูเปิดตาเปิ่นหวางนัก ไม่ทราบว่าคุณหนูเล่นซูจู้เป็นตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

หลิงอวี่จื้อนึกลำบากใจไม่น้อย นางรู้มากกว่านี้ตั้งเท่าไรกัน? หากเปิดเผยออกมาทั้งหมดเซียวเยี่ยนไม่ตกใจแย่หรือ

นางทำได้เพียงอธิบายพร้อมส่งยิ้มแหยให้ “เป็นพรสวรรค์ของข้า ข้าเรียนรู้ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”