บทที่ 22 ตั้งชื่อเจ้าลูกหมาว่าหรงหรงดีกว่า
บทที่ 22
ตั้งชื่อเจ้าลูกหมาว่าหรงหรงดีกว่า
หลิงอวี่หรงก้าวเข้ามาด้วยร่างชดช้อยพร้อมดวงตาเป็นประกายและน้ำเสียงอ่อนหวาน “อวี่หรงคารวะซื่อจื่อ”
“อวี่จื้อ นางเป็นใครกัน?” จูจิ่นหันไปถามหลิงอวี่จื้อ
“นางคือน้องสามของข้าที่เพิ่งกล่าวถึงกับท่านซื่อจื่อ”
หลิงอวี่หรงรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย แม้นางกับจูจิ่นจะไม่ได้ใกล้ชิดกันนัก แต่พวกเขาก็เคยพบหน้าหลายครั้งและพูดคุยกันบ้าง นางจดจำจูจิ่นได้ขึ้นใจ ทว่าเขากลับลืมนางเสียสนิท ราวกับไม่รู้จักกันแต่อย่างใด
“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูสาม อวี่จื้อ เราไปเดินเล่นตรงนั้นกันเถิด” จูจิ่นเมินเฉยต่อหลิงอวี่หรง เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบนางนัก
หลิงอวี่จื้อนึกร้อนใจ หากจูจิ่นไม่ได้คิดแบบนั้นคงยากที่จะจับคู่ทั้งสองคน ผู้ชายไม่ได้ชอบบัวขาวอ่อนโยนกันหรอกหรือ? จูจิ่นจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร เขาไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ แทบจะมีคำว่า “ไม่สนใจ” แปะเอาไว้กลางหน้าผาก
เมื่อเห็นว่าจูจิ่นหมางเมินใส่ตนเอง หลิงอวี่หรงหน้าเสียเป็นอย่างมาก นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงอวี่จื้อ ไม่ว่าในด้านใดนางก็ดีกว่านางคนโง่เง่าหลายขุม เหตุใดจูจิ่นถึงได้เห็นแต่คนโง่ผู้นั้นอยู่ในสายตา
เพียงแค่นางไม่อาจตบะแตกต่อหน้าจูจิ่นได้ จึงต้องจำทนไม่ว่าจะไม่สบอารมณ์แค่ไหนก็ตาม รอยยิ้มพริ้มพรายยังคงประดับบนใบหน้าของนาง
หลิงอวี่หรงขยิบตาให้ฉูเซี่ยซึ่งอยู่ด้านหลังในขณะที่ขยับห่างไปยังบริเวณเงียบสงัด และสาวใช้เข้าใจได้ในทันที
วันนี้นางจะให้หลิงอวี่จื้อทำเรื่องโง่ ๆ ต่อหน้าจูจิ่น เขาจะได้เห็นว่าถึงอย่างไรคนโง่ก็ยังเป็นคนอยู่วันยังค่ำ ต่อให้กลับมาเป็นปกติแล้วแต่ไม่มีทางเทียบเท่านางได้
พวกเขาทั้งสามคนคิดต่างกันไป บรรยากาศเมื่อมารวมตัวกันแบบนี้จึงออกจะแปลกไปมากทีเดียว และมันชวนให้ประหม่า ในระหว่างที่หลิงอวี่จื้อคิดหาข้ออ้างหลีกหนี สุนัขสีน้ำตาลทองได้วิ่งพรวดพราดออกมาอยู่ไม่ห่างออกไป
หลูเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสุนัข หลิงอวี่จื้อกลัวสุนัขที่สุด ทุกครั้งที่เห็นมักหวาดกลัวและส่งเสียงกรีดร้อง แม้ตอนนี้จะหายดีแล้วแต่อาการกลัวสุนัขคงยังไม่เปลี่ยนไป ท่านซื่อจื่อยังอยู่ที่นี่ นางควรทำอย่างไรดี?
หลิงอวี่หรงยกยิ้มเยาะ นางทำเพียงเฝ้ารอชมการแสดง หลิงอวี่จื้อคงกลัวสุนัขจนวิ่งหนีไปทั่ว นางไม่คิดว่าจูจิ่นจะประทับใจเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น
จากความทรงจำในสมอง หลิงอวี่จื้อรู้ว่าหลิงอวี่จื้อตัวจริงกลัวสุนัขมากอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงขั้นตัวสั่นตัวโยนเมื่อเห็นขาของสุนัข แต่ตัวนางไม่ได้กลัวสุนัขแม้แต่น้อย ที่บ้านเลี้ยงหมาต่างสายพันธุ์ไว้ถึงสามตัว ทั้งยังคุ้นเคยกับสุนัขอีกต่างหาก
นางย่อตัวลงและเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะลูกสุนัข ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ลูกหมาตัวนี้น่ารักจัง”
ทั้งหลิงอวี่หรงและหลูเยี่ยนตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนั้น โดยเฉพาะหลิงอวี่หรง เมื่อก่อนนางเคยจงใจกลั่นแกล้งหลิงอวี่จื้อ และเห็นกับตาตนเองว่าอีกฝ่ายกลัวสุนัขมากแค่ไหน อยู่ ๆ จะกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หลิงอวี่จื้อรู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นแผนของหลิงอวี่หรง นางอุ้มลูกสุนัขขึ้นจากพื้นและก้าวไปตรงหน้าหลิงอวี่หรง “น้องหญิง ดูสิว่าลูกหมาตัวนี้น่ารักแค่ไหน ต่อไปให้มาอยู่กับข้าแล้วกัน ว่าแต่มันเป็นตัวเมียใช่ไหม? ตั้งชื่อว่าหรงหรงดีไหม!”
หลูเยี่ยนซึ่งสงบเสงี่ยมต่อหน้าผู้คนมาตลอดแทบหลุดขำออกมา นางรีบก้มหน้าเพื่อกลั้นหัวเราะ ในขณะที่จูจิ่นหัวเราะร่า “อวี่จื้อ ชื่อนี้ไม่เหมาะหรอก เจ้าคงลืมไปว่าคุณหนูสามชื่อว่า อวี่หรง”
“โอ๊ะ ทำไมข้าถึงได้ลืมไปได้กันนะ ข้าเพียงคิดว่า ชื่อหรงหรงเพราะดี แต่ลืมไปว่าคำว่าหรงเป็นชื่อของน้องสาม น้องสามอย่าได้ถือสาเลย!”
หลิงอวี่หรงจะไม่ถือสาได้อย่างไร ทว่านางยังต้องรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าจูจิ่น จึงต้องข่มความโกรธไว้ในใจและฝืนยิ้ม “ข้าจะถือสาพี่หญิงใหญ่ได้อย่างไร ท่านเพิ่งหายป่วย ไม่แปลกที่จะมีความคิดต่างจากคนทั่วไป”