บทที่ 18 จัดการเรื่องแม่ลูก
บทที่ 18
จัดการเรื่องแม่ลูก
เรือนเฉินเซียงเป็นบ้านที่ฮูหยินเฒ่าอาศัยอยู่ มันอยู่ห่างจากห้องของนางออกไปเล็กน้อย นางเจ็บหน้าอกอยู่และต้องถ่อไปไกลถึงเพียงนั้น แม่ลูกคู่นั้นต้องก่อเรื่องบางอย่างขึ้นแน่
“ไปกันเถิด!”
“คุณหนู บาดแผลของท่าน...” หลูเยี่ยนเป็นกังวลกับอาการบาดเจ็บของหลิงอวี่จื้อ
หลิงอวี่จื้อโบกมือปราม “บาดเจ็บแค่ที่อก ไม่ได้มีผลต่อการเดินเหิน จำเอาไว้ อย่าได้พูดถึงอาการบาดเจ็บของข้าต่อหน้าฮูหยินเฒ่าเด็ดขาด เมื่อไปถึงเรือนเฉินเซียงแล้วก็พยายามไม่ต้องมาช่วยพยุงข้า”
“คุณหนู ท่านกำลังจะทำอะไรเจ้าคะ?” หนานเยี่ยนถามขึ้นด้วยความแคลงใจ
“เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะรู้เองว่าข้าตอกกลับได้เจ็บแสบแค่ไหน” หลิงอวี่จื้อยิ้มอย่างมีนัย “ไปกันเถิด เจ็บจะตายอยู่แล้ว ไม่มียาชานี่มันแย่จริง ๆ”
หลิงอวี่จื้อพึมพำก่อนเดินนำออกจากห้องไป หนานเยี่ยนกับหลูเยี่ยนสบตากันอย่างงุนงงและรีบติดตามไป ตั้งแต่คุณหนูกลับมาเป็นปกติ ความเป็นอยู่ของพวกนางก็สบายขึ้นกว่าก่อนมาก
แน่นอนว่านางเห็นแม่ลูกทันทีที่ก้าวเข้ามาในเรือน เฉินเซียง นอกจากพวกนางยังมีนางฉูผู้เป็นแม่ของนางอยู่ด้วย นางกลับมาเป็นปกติแต่อีกฝ่ายกลับดูไม่ยินดีนัก หรือจะรังเกียจนางเป็นนิสัยกัน?
นางไม่ได้เผยท่าทีบาดเจ็บแต่อย่างใด และคำนับ ฮูหยินเฒ่าอย่างมีมารยาท จวนอัครเสนาบดีมีกฎมากมาย โดยเฉพาะฮูหยินเฒ่าที่เคร่งครัดที่สุด นางยังมีอำนาจในจวนแห่งนี้ทำให้มีสิทธิ์มีเสียงตัดสินใจ หลิงอวี่จื้อจึงต้องทำตัวเชื่อฟังต่อหน้านาง
“คุกเข่าลง”
นางฉูเอ่ยปรามเสียงแข็ง
หลิงอวี่จื้อคุกเข่าลงพลางมองคนรอบตัวด้วยความงุนงง “ท่านย่า ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“อวี่จื้อ วันนี้เจ้าไปที่ใดมา?”
หลิงอวี่จื้อก้มหน้า “วันนี้ข้านึกเบื่อเลยแอบหนีออกจากจวนไป คราวหน้าข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว”
“หา คุณหนูใหญ่ เจ้าไม่ได้แค่แอบหนีออกจากจวน! วันนี้ผู้คนมากมายเห็นเจ้าถูกอุ้มขึ้นรถม้าของผู้แทนพระองค์ไป ทั้งเจ้ายังกลับมาค่ำป่านนี้ ต้องไปอยู่ที่วังผู้แทนพระองค์อย่างแน่นอน! คุณหนูใหญ่ เจ้าเองมีสัญญาแต่งงานอยู่ กลับถูกผู้แทนพระองค์อุ้มขึ้นรถม้าต่อหน้าผู้คนและซื่อจื่อจู เพียงแค่คิดข้าก็อับอายแล้ว”
อนุเหลียนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างปิดปากกล่าวขึ้น
“อนุเหลียนอับอาย หรือว่าผู้แทนพระองค์ก็อุ้มท่านด้วย?”
“ฮูหยินเฒ่า ฟังคำพูดคำจาของคุณหนูใหญ่ ถึงอย่างไรนางก็ไร้การศึกษา หากคนมาได้ยินเข้าจะหัวเราะเยาะคนจวนอัครเสนาบดีเอาได้”
สีหน้านางฉูฉายแววไม่พอใจ “อนุเหลียนหมายความว่าอย่างไร? ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นกับอวี่จื้อ”
“ฮูหยิน ข้าปากพล่อยไปแล้ว”
“ท่านย่า อย่าโทษพี่หญิงใหญ่เลย ผู้แทนพระองค์รูปงามเสียขนาดนี้ ไม่แปลกที่พี่หญิงใหญ่จะห้ามใจไม่ได้เมื่อพบหน้าเขา นางถึงได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมลงไป และพี่หญิงใหญ่คงได้บทเรียนและไม่กล้าทำอีกแล้ว”
หลิงอวี่หรงเหมือนจะปกป้องหลิงอวี่จื้อ หากแต่แท้จริงกลับทำให้ฮูหยินเฒ่ายิ่งโกรธ
“ก็ลองกล้าทำอีกสิ อวี่จื้อ เจ้ากับผู้แทนพระองค์แนบชิดและกอดกันต่อหน้าผู้คนแบบนี้ ช่างงามหน้านัก เรื่องบาดหมางในครอบครัวคราวก่อนยังไม่พอหรือ? บาดแผลเพิ่งหายก็ลืมเจ็บเสียแล้ว”
“ในฐานะสตรีเจ้าย่อมต้องรู้สึกขายหน้า ไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะเย้ยหยันลูกหลานจวนอัครเสนาบดีเอาได้ หากเป็นอย่างแต่ก่อนก็คงพอทำเนา แต่ตอนนี้หายเป็นปกติแล้ว ยังทำตัวไม่รู้ความแบบนี้อีก เจ้าต้องการทำให้คนจวนอัครเสนาบดีเสียหน้าหรืออย่างไร?”
ฮูหยินเฒ่าเอ่ยประโยคสุดท้ายเสียงดัง เห็นได้ชัดว่านางโกรธมาก
“ท่านแม่ ใจเย็นก่อนเถิด อย่าโมโหไปเลย ข้าจะสั่งสอนเด็กคนนี้เอง” นางฉูกล่าวเกลี้ยกล่อมฮูหยินเฒ่า
“เจ้าสอนไม่ได้เรื่องหรอก”