บทที่ 17 เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล
บทที่ 17
เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล
ก่อนอื่นนางต้องคิดหาทางรับมือ เมื่อกลับไปแล้วจะได้ไม่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ
ในจังหวะที่ครุ่นคิด เซียวเยี่ยนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมสีดำแล้วก็เดินมือไพล่หลังก้าวเข้ามา ผมของเขาถูกมวยเกล้าขึ้นด้วยกวาน*หยก สายตาเด็ดเดี่ยวราวกับรูปปั้น ท่าทีสูงศักดิ์เกินเอื้อม ราวกับไม่อาจมีใครเข้าใกล้เขาได้ สมกับเป็นชายที่อยู่เหนือผู้คน
*กวาน สิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะ เพื่อเป็นเครื่องบอกระดับประดับพระยศ
ชายรูปงานเช่นนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ย่อมเยี่ยมยอดเหนือผู้ใด
“คุณหนูใหญ่ บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ผู้แทนพระองค์เป็นกังวลเกินไปแล้ว บาดแผลของข้าหายเร็วเกินกว่าสายตาจะมองเห็นทันเสียอีก” เซียวเยี่ยนคิดว่าเด็กสาวคนนี้เอ่ยวาจาได้น่าสนใจนัก อาจเป็นเพราะนางโง่เขลามาก่อนจึงไม่หวาดกลัวเขา นับเป็นหนึ่งในสตรีเพียงไม่กี่คน ยกเว้นคนผู้นั้นที่กล้าพูดต่อหน้าเขาโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้
“คราวนี้เจ้าช่วยชีวิตเปิ่นหวางเอาไว้ เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล?”
“ผู้แทนพระองค์กล่าวเกินไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว ข้าจะร้องขอรางวัลได้อย่างไร”
นางตอบรับอย่างสุภาพ หากแต่เซียวเยี่ยนกลับเอ่ย “เช่นนั้นถือเสียว่าเปิ่นหวางไม่ได้เอ่ยเช่นนั้น คุณหนูใหญ่จิตใจกล้าหาญ คิดหาทางช่วยเหลือข้าจากอันตราย”
“เอ่อ... ผู้แทนพระองค์แม้ข้าไม่ต้องการรางวัล แต่หากท่านจะมอบให้ ข้าเองก็ไม่ปฏิเสธ อย่างเช่น แมลงจิ่วเซียง ข้าชอบสิ่งนี้มากทีเดียว”
เมื่อเห็นท่าทีลุกลนของหลิงอวี่จื้อ เซียวเยี่ยนอดหัวเราะไม่ได้ มุมปากขยับยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้ามารับลูกศรแทนเปิ่นหวางเพียงเพื่อแมลงจิ่วเซียงอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก มาต้องการแมลง จิ่วเซียงเอาตอนนี้เท่านั้น ข้ากลับมาเป็นปกติได้ในท้ายที่สุดก็ไม่อยากตายอีก”
หลิงอวี่จื้อหลุบตาลง ดูน่าสงสารไม่น้อย ร่างกายที่อ่อนแรงในยามนี้ของนางยิ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถปฏิเสธคำขอของนางได้ แต่สำหรับเซียวเยี่ยนแล้วกลับไม่ได้ทำให้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
แม้หลิงอวี่จื้อจะมีทักษะการแสดงชั้นยอด หากแต่ก็ยังประหม่าต่อหน้าเขาอยู่มาก นางจึงไม่แสดงละครตบตาอีกฝ่ายมากนัก ส่วนใหญ่จะแสดงความจริงใจของตนออกมา เซียวเยี่ยนต่างจากผู้อื่น เขาเป็นถึงผู้แทนพระองค์ ทุกวี่วันปั้นสีหน้าเย็นชาเฉยเมย แม้นางจะไม่กลัวเขาแต่ก็ยังหวั่นใจอยู่ตลอด
ยากที่จะอ่านเขาออกมากทีเดียว
“เปิ่นหวางจะหาแมลงจิ่วเซียงมาเป็นรางวัลให้เจ้า คุณหนูใหญ่พักผ่อนครู่หนึ่งก่อนเถิด แล้วเปิ่นหวางจะพาเจ้ากลับไปส่งที่จวน”
หลิงอวี่จื้อลิงโลดเสียจนแทบกระโดด ก่อนพยักหน้ารับรัว “ผู้แทนพระองค์มีเมตตายิ่งนัก”
เซียวเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เพียงรู้สึกว่าการเสวนากับเด็กสาวผู้นี้ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ในจังหวะที่เขาจะก้าวพ้นประตูออกนอกห้องไป เสียงของนางก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้แทนพระองค์ ท่านสนิทสนมกับซื่อจื่อจูใช่หรือไม่?”
เซียวเยี่ยนชะงักฝีเท้าก่อนหันหลังกลับ “เปิ่นหวางเกือบลืมว่าเจ้ามีสัญญาการแต่งงานกับอาจิ่นไปเลย ต้องการให้เปิ่นหวางช่วยจับคู่เจ้ากับอาจิ่นให้หรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่ มีสัญญาการแต่งงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจับคู่”
“เปิ่นหวางจะช่วยพูดชมเจ้าต่อหน้าอาจิ่น และบอกให้เขาแต่งงานกับเจ้าโดยเร็วที่สุด”
เรื่องนี้ทำให้หลิงอวี่จื้ออับอายไม่น้อย “ผู้แทนพระองค์ไม่ต้องทำถึงเพียงนั้น ข้าไม่ได้รีบร้อนแต่งงานนัก”
หลิงอวี่จื้อไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือไม่ หากแต่นางรู้สึกว่าเซียวเยี่ยนเหมือนจะยกยิ้มอีกครั้ง เพียงแค่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนนัก
“บางทีอาจิ่นอาจเป็นฝ่ายอยากแต่งงานกับเจ้าก่อนก็เป็นได้”
ว่าจบเขาก็เดินจากไป หลิงอวี่จื้อหน้ามุ่ยเมื่อนึกถึงเรื่อง จูจิ่น นางจะคิดหาทางใดเพื่อล้มเลิกงานแต่งงานได้บ้าง นางไม่มีทางยอมแต่งงานกับชายที่ใบหน้างดงามเหมือนสตรีเด็ดขาด
นางนอนพักที่วังผู้แทนพระองค์อยู่หลายชั่วโมง ก่อนเซียวเยี่ยนจะไปส่งนางที่จวนอัครเสนาบดีเมื่อเห็นว่าฟ้าด้านนอกมืดแล้ว จากนั้นหลูเยี่ยนจึงโผเข้ามาหา “คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเฒ่าให้คุณหนูไปที่เรือนเฉินเซียงเจ้าค่ะ”