บทที่ 1 แต่งตัวราวกับคนโง่
บทที่ 1
แต่งตัวราวกับคนโง่
เจ็บ… มันเจ็บมาก
นี่คือความรู้สึกแรกที่หลิงอวี่จื้อรู้สึกหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา
เมื่อคืนเป็นงานเลี้ยงปิดกล้องละครเรื่องใหม่ของเธอ เธอดื่มมากเกินไปจนพลัดกลิ้งตกบันได เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะรู้สึกเจ็บเพราะเหตุการณ์นี้?
ที่นี่โรงพยาบาลงั้นเหรอ?
แต่โรงพยาบาลนี้ดูจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย
เธอยกมือขึ้นเพื่อดูว่าเล็บที่ทำมาใหม่หักแล้วหรือยัง
เมื่อเห็นมือทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้า เธอแทบกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว สวรรค์! นี่ไม่ใช่มือของเธอ มือเรียวยาวขาวสะอาดของเธอหายไปไหน!
จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าตนเองกำลังสวมใส่เสื้อผ้ายุคโบราณ
มีของประดับตกแต่งในยุคโบราณมากมายในห้องนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องที่โบราณจริง ๆ ละครก็จบแล้ว จะกลับมาถ่ายอีกครั้งงั้นเหรอ?
เพราะว่ามือนี้ไม่ใช่มือของเธอ เช่นนั้นเธอจึงตรวจสอบเท้าด้วย
ขณะที่กำลังจะถอดถุงเท้าออกเพื่อดูว่ารอยสักภาษาอังกฤษที่ข้อเท้ายังอยู่หรือไม่ ในขณะที่เอื้อมมือไปแตะขาของตัวเอง
มีเสียงดังโวยวายหยุดยั้งเธอเอาไว้ “หลิงอวี่จื้อ เจ้ายังไม่คิดที่จะละอายใจ”
หลิงอวี่จื้อเงยหน้าขึ้น และเห็นชายคนหนึ่งอายุราวห้าสิบปี มีหนวดเคราและใบหน้าที่สง่างาม เขากำลังจ้องมาที่เธอ ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“คุณลุง ทำไมแสดงได้สมบทบาทจังคะ? ทุ่มเทขนาดนี้เพราะหวังเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมหรือไงคะ?”
หลังจากกล่าวจบแล้ว หลิงอวี่จื้อถอดถุงเท้าออกอย่างรวดเร็ว
ผลลัพธ์ของมันทำให้เธอตื่นตระหนกอีกครั้ง เท้านี้ก็ไม่ใช่เท้าของเธอ ไม่ใช่แค่รอยสักที่หายไป แต่เท้านี้สั้นกว่าเท้าของเธออย่างชัดเจน
เธอคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญกับภาพหลอน จึงขยี้ตาอย่างแรงแล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง ทว่าเท้าที่อวบอ้วนยังอยู่
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในจิตใจ มันไม่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน
บ้าจริง เรื่องแบบนี้มันน่ากลัวกว่าหนังสยองขวัญที่เธอเพิ่งถ่ายจบไปซะอีก
“อ้ะ… ช่วยด้วย”
พรุ่งนี้มีพิธีมอบรางวัล เธอจะต้องไปสารภาพรักกับชายในฝันหลังจากรับรางวัลเสร็จ แล้วทำไมพระเจ้าจึงเล่นตลกกับเธออย่างนี้ แล้วใครบ้างจะสามารถบอกได้ว่าที่นี่คือที่ไหน?
“เจ้าจะตะโกนเพื่ออะไร นังตัวโชคร้ายของตระกูล แม้ว่าเจ้าจะได้พบผู้ชายเป็นการส่วนตัว หรือถอดถุงเท้า รองเท้าในที่สาธารณะ แต่เจ้าก็ทำให้ใบหน้าของตระกูลหลิงต้องเสื่อมเสีย!”
หลิงไส้เทียนแทบจะอาเจียนเป็นเลือดเพราะความโกรธ เขาชี้หน้านางด้วยความเกรี้ยวกราด
“นายท่าน สงบความโกรธลงเสียก่อน ท่านก็ทราบว่าสติของอวี่จื้อไม่ค่อยดีนัก อย่าโกรธเลย ไปพักผ่อนเถิด แล้วให้ ฮูหยินของท่านสั่งสอนอวี่จื้อแทนจะดีกว่า”
ข้างกายเขา เป็นสตรีกลางคนอายุสี่สิบปีกล่าวขึ้นมา นางแต่งกายด้วยความหรูหราและฟุ่มเฟือย อีกทั้งยังเผยออร่าสง่างามออกมา แน่นอนว่านางคือฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลหลิง นางฉู
“ทั้งหมดเป็นเพราะบุตรสาวตัวดีของเจ้า!”
หลิงไส้เทียนเดินออกไป
หลิงอวี่จื้ออยากจะลุกขึ้น แต่จู่ ๆ เธอรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าเผยความเจ็บปวดออก ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาในหัวทีละน้อย ในที่สุดเธอก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองไปทำอะไรให้พระเจ้าขุ่นเคืองใจ ทำให้เธอกลับมาเกิดใหม่ด้วยความไร้ยางอาย อีกอย่างเธอยังแต่งตัวราวกับคนที่มีปัญหาทางสมอง
เจ้าของร่างนี้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลหลิง มีคู่หมั้นหมายแล้ว แต่ถูกจับฐานทำเรื่องที่สุดจะพรรณนากับชายอื่นในห้อง
แม้ว่าเรื่องเลวร้ายยังไม่เกิดขึ้น แต่เสื้อผ้าถูกถอดจนใกล้จะเปลือยเปล่า ท่านพ่อโกรธมากจึงลงโทษนางอย่างรุนแรง
การทุบตีคราวนี้โหดร้ายเกินไป และนี่คือสาเหตุให้เจ้าของร่างเดิมตาย
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้คือมารดาผู้ให้กำเนิด เพราะว่านางเกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์ หลิงอวี่จื้อจึงคิดอยู่เสมอว่าทั้งบิดาและมารดาต่างก็ไม่รักนาง ในทุกวันพวกเขาจะหาเรื่องตำหนิและทุบตีนางเสมอ
มาจากตระกูลสามัญชน ทั้งยังมีลูกติด ผู้คนต่างเกลียดชังและไม่คิดคบหา
ส่วนเรื่องที่แปลกก็คือนางผู้นี้มีชื่อและสกุลเดียวกับเธอ มันคือพรหมลิขิตงั้นเหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่าเธอน่าจะตกบันไดแล้วตายทันที ยิ่งคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกโศกเศร้า เธอน่าจะเป็นดอกไม้งามที่ตายตั้งแต่อายุน้อยที่สุดในวงการ คงจะเกิดเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปแล้ว
นางฉูดูเหมือนจะยังไม่สงบใจลง นางยกมือขึ้น หมายมั่นว่าจะตบหลิงอวี่จื้อให้คลายความโกรธ
ทว่าหลิงอวี่จื้อคว้ามือของนางฉูเอาไว้ พวกเขาทุบตีนางจนเกือบตาย แล้วยังคิดจะทุบตีอีกงั้นเหรอ?
นางฉูไม่ได้คาดคิดว่าหลิงอวี่จื้อจะตอบโต้ นางจ้องมอง หลิงอวี่จื้อด้วยความขุ่นเคือง “หากข้ารู้ว่าเจ้าจะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าน่าจะบีบคอเจ้าให้ตายตกตั้งแต่เกิด แม้ว่ายังไม่เกิดเรื่องร้าย แต่เรื่องนี้ก็ยังกระทบมาถึงข้า และพี่ชายคนโตของเจ้า เจ้าลากทุกคนลงไปในหุบเหว ถึงสมองของเจ้าจะยังไม่เติบโต แต่เจ้าก็ทราบวิธีเข้าหาบุรุษ เจ้ามัน…”