ตอนที่ 246 ขโมยตัวตน 1(อ่านฟรี)
ตอนที่ 246 ขโมยตัวตน 1
“นี่...นี่มันอะไรกัน” วูกไม่เข้าใจ เลขาคนสนิทของวูกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็งุนงงไม่ต่างกัน
“มอนสเตอร์” เลขาคิดได้แค่นั้น แต่ด้วยความสัญชาตญาณของตัวเอง เขาเลือกจะถอยหลังวิ่งหนี
คามิลลุกออกมาและเดินมาจัดการกับเลขาคนสนิทของวูกที่พยายามจะเปิดประตูยานออกไป แต่ว่าก็เปิดไม่ได้
“ไม่นะ ไม่จะทำผมทำไม ผมแค่ผู้ช่วยเท่านั้น ไม่ ๆ อ๊ากก!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังมา ก่อนที่คามิลจะเดินกลับมาพร้อมกับหน้าเปื้อนเลือดอีกอันหนึ่ง หลังจากได้เลือดมาแล้วคามิลก็ป้ายมันที่หน้ากากพรายไม้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชายคนนั้นด้วย
วูกเข้าใจได้ทันทีว่านี่เป็นผลมาจากอุปกรณ์พิเศษ แม้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องสนใจ ชีวิตของเขาตกอยู่ในมือของทั้งสองคนนี้แล้ว
แถมวูกก็ไม่มั่นใจด้วยว่าจะสู้กับทั้งสองคนได้ ลำพังแค่คอที่คว้าจับคอของลุคข้างนี้ มันก็เหมือนกับเหล็กคีบที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็ไม่อาจจะหลุดออกมาได้
วูกอยู่ในระดับ B มานานหลายปี แต่ว่าก็ด้วยตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานเหนือมนุษย์ของเมืองหลวงเซนบีซ่าทำให้เขาไม่ได้ต่อสู้จริงมานานแล้ว ความสามารถในการต่อสู้จึงอ่อนแอมากกว่าที่เป็นมาก
ไม่อย่างนั้นวูกคงไม่เลือกที่จะหนีแทนที่สู้
เมื่อความกลัวตายเกิดขึ้น วูกก็ยอมจะทำทุกสิ่งเพื่อแลกกับชีวิต
“ฉันยอมแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ไม่ว่าแกต้องการอะไรฉันจะยอมให้ทุกอย่าง”
ลุคที่อยู่ในร่างของวูกจ้องมองไปที่วูก ก่อนจะกล่าว “แกขายพวกเราอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่...”
“อย่าโกหก!” ลุคตะคอกเสียงดังและบีบมือแรงขึ้น
“อัก!” วูกดิ้นมาด้วยความทรมาน จากตอนแรกที่โกรธ ตอนนี้หวาดกลัวจนถึงจิตวิญญาณอย่างแท้จริง เพราะจากแรงบีบวูกเชื่อว่าลุคตั้งใจที่จะฆ่าเขาจริง ๆ
“ใช...ใช่” วูกพยายามตอบด้วยเสียงที่อู้อี้
“เอาหินพลังงานระดับ A ทั้งหมดออกมา” ลุคขู่บังคับอย่างเต็มที่ แม้ว่าเขาจะร่ำรวย แต่ก็ไม่ติดถ้าจะได้หินพลังงานมาเพิ่ม
วูกรีบทำตาม เพราะยิ่งช้ามือของลุคก็ยิ่งบีบเข้ามาแน่นขึ้น ถ้าช้าวูกกลัวว่าขอของเขาจะแหลกคามือของลุคไปซะก่อน
หินพลังงานระดับ A หลายสิบก้อนที่ซุกไว้ในตัวออกมา ซึ่งทำให้ลุคต้องใจเต้นผิดจังหวะเล็กน้อยกับจำนวนมากของมัน
‘สมแล้วที่เป็นผู้อำนวยการสำนักงานเหนือมนุษย์ของเมืองหลวงของรัฐ’ ลุคกล่าวในใจ แต่ใบหน้าก็ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา
หินพลังงานพวกนี้เป็นของที่ถูกพกติดตัวไว้ เนื่องจากว่าตามปกติแล้วช่องเก็บของในแหวนเครือข่ายไกอาไม่สามารถใช้งานได้โดยทั่วไป ทำให้หลายคนเลือกจะพกพวกมันไว้กับตัว เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
เช่นสถานการณ์หลบหนีแบบนี้ด้วย
ส่วนของในแหวนถ้าอยากเอาออกมันต้องไปที่ห้องจำลองถึงจะเปิดใช้งานได้ ลุคไม่มีเวลาไปสนใจพวกมัน
“ฉันให้แกไปหมดแล้ว แกก็ได้แก้แค้นแล้ว ปล่อยฉันไปได้หรือยัง” วูกพยายามร้องขออีกครั้ง
“เอายืนขึ้นเถอะ ด้านล่างวุ่นวายแล้ว” ลุคกล่าวกับคามิลที่อยู่ในร่างของเลขาคนสนิทของวูก
ด้านนอกสถานการณ์ค่อนข้างวุ่นวายและเริ่มมีแกะปีศาจปีนข้ามาจนถึงดาดฟ้าแล้ว ระบบป้องกันอาคารเองก็ล้มลงแล้วด้วย อีกไม่นานที่นี่ก็จะไม่เหลืออะไรนอกจากแกะปีศาจที่บ้าคลั่งในเลือดเนื้อของเหนือมนุษย์เท่านั้น
“แกจะปล่อยฉันได้หรือยัง ฉันมอบทุกอย่างให้แกไปแล้ว” วูกที่เห็นว่าลุคยังไม่ปล่อยตัวเองก็ทวงถามขึ้นมา
“ปล่อยเหรอ หลังจากหักหลังฉันเนี่ยนะแล้วยังคิดว่าฉันจะปล่อยแกไป ฝันกลางวันอยู่หรือไง” ลุคแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่ท้ายยานเหาะพร้อมกับลากคอของวูกไปด้วย
“บัดซบแกคิดจะทำอะไร” วูกพยายามดิ้นไปมาอีกครั้ง
คราวนี้ลุคต่อยเข้าที่หน้าแกของวูกหลายสิบครั้งด้วยพละกำลังที่แม้แต่ระดับ B ยังต้องบาดเจ็บ กระดูกซี่โครงของวูกหักหลายแห่งส่งผลให้เลือดไหลทะลักออกมาจากปากและบาดแผล
ปัง!
ลุคโยนวูกไปกระแทกกับผนังของยานเหาะจนตัวของวูกกระแทกกับผนังเสียงดังฟังชัด
“นั้นแค่ดอกเบี้ย แต่หลังจากนี้คือต้น” ลุคกดปุ่มเปิดประตูท้ายยาน ซึ่งเป็นประตูที่ใช้ขนของ พอประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นพื้นดาดฟ้าของที่อยู่ด้านล่างและเต็มไปด้วยฝูงแกะปีศาจหลายพันตัวที่พยายามปีนป่ายกันเองขึ้นมาคว้ายานเหาะ
บานเหาะบินขึ้นจากพื้นลอยอยู่เหนืออาคารด้านล่างก็เต็มไปด้วยฝูงแกะปีศาจ ตอนนั้นศพของเลขาคนสนิทที่นอนตายจากการโดนดาบแทงในครั้งเดียวค่อย ๆ กลิ้งตกลงไปตามแรงลม
พอศพตกลงไปที่ดาดฟ้า ศพก็โดนฝูงแกะปีศาจขย้ำฉีกกินหายไปในพริบตา
วูกมองดูภาพนั้นด้วยความหวาดกลัว ต่อให้เขาเป็นระดับ B ถ้าตกลงไปก็ยากจะรอดได้
“แก...ฉันคือผู้อำนวยการสำนักงานเหนือมนุษย์นะเว้ย แกฆ่าฉันไม่ได้”
ลุคเดินเข้าไปหาวูกทีละก้าว ๆ ขณะที่อีกฝ่ายพูดพร่ำไม่หยุด ก่อนที่เขาจะจับเข้าที่คอของวูกและยกอีกฝ่ายขึ้นมา
“ไม่แล้ว แกไม่ใช่ผู้อำนวยการวูกอีกแล้ว แต่เป็นฉันต่างหาก” กล่าวจบลุคในร่างของวูกก็กระชากแขนข้างที่สวมแหวนเครือข่ายไกอาของวูกออกก่อนที่จะโยนอีกฝ่ายออกไปจากยานเหาะ
ในวินาทีสุดท้ายนี้วูกไม่ทันได้ร้องด้วยซ้ำเพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเหมือนกับภาพช้าที่ได้แต่มองดูตัวเองอีกคนพร้อมกับยานเหาะบินจากไปส่วนตัวเองนั้นตกลงไปที่ดาดฟ้าก่อนจะพบกับคมเขี้ยวของฝูงแกะปีศาจที่บ้าคลั่งและกระหายเลือดรุมกินทั้งเป็น
...
ลุคในร่างวูกมองดูวูกตัวจริงโดนกิน จากนั้นก็หันหน้ากลับโยนแขนข้างนั้นที่มีแหวนเครือข่ายไกอาไว้บนยานและปิดประตูยาน ที่ลุคทำแบบนี้ก็เพราะแหวนสามารถติดตามตัวตนได้
ถ้าวูกไม่ได้มาด้วยมันอาจจะเกิดข้อสงสัยได้
ยานถูกขับออกไป โดยมีคามิลและลุคเป็นคนขับยาน
“นายขับยานแบบนี้เป็นด้วยเหรอ จริงสิฉันลืมไปเลยว่านายมียานเหาะขนาดเล็กอยู่ลำหนึ่ง” คามิลกล่าวถาม
“ก็ประมาณนั้น” ลุคตอบไปอย่างรวบรัด อันที่จริงแล้วเทคโนโลยียานเหาะของโลกนี้ก็ไม่ได้ก้าวหน้าเท่ากับของมนุษย์สามตาด้วยซ้ำ
ลุคเคยขับยานไรเดอร์มาก่อนและเคยเห็นระบบยานรบของเผ่ามนุษย์สามตามาแล้ว แค่ยานเหาะพวกนี้ก็ไม่ยากสำหรับเขา
“เราจะไปที่เมืองไหน”
“ไปเมืองนิสเวน” ลุคตอบและใส่พิกัดลงไปในทันที
ยานเหาะมุ่งหน้าออกจากเมืองเซนบีซ่าที่กำลังลุกเป็นไฟพร้อมกับคลื่นทะเลของผู้คนและเครื่องบินที่บินออกจากเมืองที่กำลังล่มสลายแห่งนี้ไป
...
เมืองนิสเวนขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยน้ำ เนื่องจากนี่คือเมืองที่เหมือนกับเกาะ มันตั้งอยู่กลางทะเลเป็นเส้นทางการขนส่งทางน้ำที่สำคัญของโลก แถมยังเชื่อมต่อภูมิภาคของหลาย ๆ รัฐที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงของสหพันธรัฐด้วย
แน่นอนว่าการจะไปยังประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 2 ก็ต้องผ่านเส้นทางนี้ด้วย
“อีก 5,000 กิโลเมตรจะถึงเมืองนิสเวน” คามิลบอกกับลุค
“อืม” ลุคพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเตรียมออกไปจากยาน
“จะระเบิดมันจริง ๆ เหรอ”
“แน่นอน”
“น่าเสียดาย” คามิลกล่าวออกมาอย่างเสียดาย
ยานเหาะเป็นสิ่งที่หายากมากในสหพันธรัฐ แต่ลุคกลับจะระเบิดมันทิ้งซะอย่างนั้น แน่นอนว่าต่อให้เสียดาย แต่คามิลก็ยังทำตามที่ลุคต้องการ เธอกดปุ่มทำลายตัวเองของยานอยู่ดี
ทั้งสองคนกางปีกปีศาจบินออกมาจากยานและมองไปที่ยานเหาะที่บินอยู่ใต้เท้าของพวกเขา
ยานเหาะค่อย ๆ ดิ่งลงไปที่ทะเล ก่อนจะจมหายไป แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับคลื่นระเบิดจากใต้น้ำปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงสูงกว่า 50 เมตร
ถึงมันจะรุนแรง แต่ก็ไม่มากเท่ากับการที่ระเบิดบนอากาศ นี่คือเหตุผลที่ลุคเลือกจะเดินทางมาเส้นทางนี้ด้วย เพราะเขาต้องการทำลายร่องรอยของยานเหาะลำนี้ให้หายไป
และต่อให้จะมีใครค้นพบอะไร ก็คงจะอีกนาน เพราะพวกเขาจะต้องไปกู้ทุกสิ่งที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในมหาสมุทรเท่านั้น
ทั้งสองเดินทางต่อไปที่เมืองนิสเวน ก่อนจะบนลงนอกเมืองและใช้การเดินเท้าเข้าไปแทน ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนก็เป็นเหมือนกับชายแปลกหน้าสองคนเท่านั้น
ลุคไม่ได้ตรงไปที่สถานีหรือเข้าไปในเมือง แต่เลือกจะไปยังถนนที่มืดสนิทและเปลี่ยวสักเส้นหนึ่งพร้อมกับถือของอย่างหินพลังงานเดินไปมาด้วย
“ดูเหมือนจะมีปลามาติดกับดักจริง ๆ” คามิลกล่าวขึ้นมา
“แน่นอน ใครบ้างที่ไม่โลภ” ลุคกล่าวพร้อมกับมือที่ถือสร้อยทองที่แอบเอามาจากร้านขายทองในเมืองเซนบีซ่า ลุคเตรียมมันไว้จำนวนหนึ่ง เพราะรู้ว่าจะต้องใช้มันในการตกปลา
ปลาที่ว่านั้นก็คือนักเลงที่กำลังตามพวกเขาอยู่นี้
ส่วนที่ว่าทำไมต้องเป็นทอง อย่างแรกโลกในยุคนี้ไม่ใช้เงินสดดังนั้นสิ่งที่ดึงดูดใจได้ดีคือเครื่องประดับราคาแพงและทองก็ตรงกับเงื่อนไขนี้พอดี
ตอนนั้นเองด้านหน้าก็มีกลุ่มคนปรากฏตัวขึ้นมาขวางพวกเขาเอาไว้ มีอยู่ด้วยกัน 3 คนและด้านหลังอีก 2 คน
“รวมแล้ว 5 คนพอดี” ลุคกล่าวพึมพำ
“มีผู้หญิงด้วยคนหนึ่ง ฉันขอแล้วกัน” คามิลกล่าวขึ้นมา
“ตามสบายเลย” ลุคตอบเธอ เพราะเขาไม่มีรสนิยมมาแปลงร่างเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว
“เฮ้ย! ไอ้แก่พูดอะไรกันวะ ส่งทองและของมีค่ามาซะไม่อย่างนั้นพวกแกได้ตายแน่นอน” หนึ่งในพวกนั้นตะโกนบอกกับลุคด้วยท่าทางนักเลง
คำแรกไอ้แก่แน่นอนว่าหมายถึงร่างที่ลุคเป็นอยู่ในตอนนี้ ถึงร่างของวูกจะไม่หนุ่ม แต่ก็ไม่ถึงกับแก่มากนัก แน่นอนว่าลุคไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะนี่เป็นแค่การปลอมตัวเท่านั้น
“นี่นะเหรอ” ลุคยกสร้อยทองในมือขึ้นมา ก่อนจะกล่าวต่อว่า “อยากได้ก็เอาไปสิ”
ลุคสะบัดมือเบา ๆ สร้อยเส้นนั้นก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับกระสุนตัดทะลุเข้ากลางหน้าผากของชายที่พูดคนนั้นในทันที
ตุบ!
ร่างของชายคนนั้นล้มลง แต่ว่าสหายที่เหลือกลับยืนแข็งค้างด้วยความตกใจ ค่อย ๆ หันกลับไปมองเพื่อที่ตายไปแล้วของตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เหนือมนุษย์!”
พวกนั้นพูดออกมาด้วยคำเดียวก่อนที่ภาพทุกอย่างจะหายไป
ซากทั้งหมดถูกน้ำยาหลอมละลายศพจัดการจนเกลี้ยงเหลือแต่เพียงชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินออกมาจากซอยมืด ๆ แห่งนั้น