15 เสน่ห์ปลายจวัก
เมนูที่เธอทำเป็นเมนูง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบไม่มากมาย ขณะที่ร่างเล็กแวะไปเอาข้าวของจากโรงครัวพวกป้ากันนาร์และหัวหน้าเชฟบาสเตียนก็มีถามบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตามประสาผู้ใหญ่ แต่พอเธอบอกไปว่าวอลล็อคอยากกินอาหารฝีมือเธอ บาสเตียนก็หัวเราะเสียงดังยกใหญ่จนคนนอกโรงอาหารที่เดินผ่านไปมายังหันมามองเพราะวอลล็อคเป็นคนจุกจิกเรื่องอาหารพอสมควร อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ จู้จี้จุกจิกอย่างกับผู้หญิงไม่มีผิด ขอให้เธอระวังไว้หน่อยเป็นการดีกว่า
เกรเทลพยักหน้ารับฟังสิ่งที่บาสเตียนเตือน เธอจึงขอแค่เส้นสปาเกตตี เนื้อไก่ กระเทียม พริกขี้หนู พริกไทย น้ำมัน หอมหัวใหญ่ ใบโหระพา เกลือ น้ำตาล และซอสปรุงรสเท่านั้น
ใจในนึกถ้าเขาจะเรื่องมากก็ปล่อยให้เขาอดกินไปแล้วกัน เมนูที่เธอเลือกทำให้นี้เป็นเมนูอาหารที่แม่เธอสอนและทำกินกันบ่อยมากเวลาไม่รู้จะทานอะไรดี บางครั้งพี่ฮันเซลก็ชอบพูดติดตลกกับแม่ว่ามันคือเมนูกันตาย คงคล้าย ๆ กับพวกเมนูผัดกะเพราไข่ดาวละมั้ง
แม่เธอเป็นลูกครึ่งไทยจีนส่วนป๊าเป็นคนอเมริกัน หลายครั้งที่เพื่อนร่วมรุ่นมักแซวว่าเธอจะจีนก็ไม่ใช่ จะไทยก็ไม่เชิง จะฝรั่งก็ก้ำกึ่ง พอถูกพูดมากเข้าเฮลก้าก็จะเป็นฝ่ายออกตัวด่ากลับให้แทน ส่วนพี่ฮันเซลได้ป๊าไปเต็ม ๆ แต่สิ่งที่เราสองพี่น้องมีเหมือนกันคือผมสีดำติดน้ำตาลนิด ๆ เวลาโดนแสงแดด
แม่เบลเป็นคนหนึ่งที่ทำอาหารเก่งทำให้เกรเทลได้อานิสงส์เข้าครัวไปช่วยทำกับข้าวเป็นประจำ เธอเคยถามแม่ไปว่าทำไมไม่ลองเปิดร้านอาหารขายดู แม่จะได้มีรายได้เข้ามาอีกทางไม่ดีกว่าเหรอ แต่คำตอบที่ได้กลับมามันทำให้เธอรู้สึกรักมารดายิ่งขึ้นไปอีก
…แม่แค่อยากให้คนที่แม่รักได้กินฝีมือแม่เท่านั้น…
จากนั้นเธอก็ไม่รบเร้าให้แม่เปิดร้านอาหารอีกเลย ตอนนั้นเด็กสาววัย 12 ปี ยอมตบเท้าเข้าครัวเพื่อเรียนรู้การจับมีด ล้างผัก จับตะหลิว พลิกกระทะ จากมารดาเผื่อในอนาคตเธอเจอคนที่เธออยากดูแลจะได้ทำอาหารให้เขากินได้บ้าง บางทีความสุขมันก็มาจากการกระทำเล็ก ๆ ที่คนใกล้ตัวตั้งใจทำให้
สิ่งที่เธอจะทำให้เจ้านายเธอกิน คือ สปาเกตตีผัดพริกแห้ง
แม้มันจะไม่ได้มีรสชาติเลิศหรูแบบภัตตาคารอาหาร แต่ก็เป็นเมนูที่ใคร ๆ ก็ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากแถมขั้นตอนไม่ซับซ้อนจนน่าปวดหัว ถึงวอลล็อคจะเป็นคนจุกจิกจู้จี้เธอไปบ้าง แต่เขาก็ยังใจดีให้เธอได้พักอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว เกรเทลคิดในแง่ดีว่าการทำอาหารให้เขาทานน่าจะพอทดแทนอะไรหลาย ๆอย่างได้ในอนาคตและถ้าถึงเวลาเธอก็จะจากไปโดยไม่รู้สึกติดค้าง
แต่ละครั้งเราจะใส่เป็นเนื้อสัตว์อะไรลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้อย่าง ไก่ หมู เนื้อวัว กุ้ง ปลาหมึก หรือเบคอน ตามแต่ผู้ทำจะรังสรรค์ เธอไม่รู้หรอกว่าที่นี่จะมีใครเคยทำเมนูนี้ไหม แต่เธอจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เห็นเองและอีกอย่างไม่อยากอยู่ที่นี่ ในบ้านพักเขานาน ๆ เธอจึงเลือกทำเมนูนี้โดยไม่ลังเล
ชายหนุ่มเดินมาโซนครัวยืนพิงโต๊ะเคาน์เตอร์ชิลไม่ได้เร่งร้อน สายตากวาดไปทั่วคอยจ้องมองกิริยาท่าทางของเด็กหนุ่มที่เดินไปเดินมาในครัว มือไม้หยิบจับนู้นนี้อย่างคล่องแคล่วดูเป็นธรรมชาติชำนาญการเหมือนคนผ่านประสบการณ์มาเยอะ ไม่มีท่าทางเงอะงะใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่ามันคงเคยทำงานให้ร้านอาหารมาก่อน
แต่ทว่าล่าสุดวอลล็อคให้สายคนสนิทไปสืบประวัติของเจ้าหนูนี่มาเพิ่มเนื่องจากข้อมูลเก่ามันคลุมเครือ เมื่อซองจดหมายมาถึงสรุปหน้ากระดาษรายงานมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรใด ๆ เลย กลายเป็นตัวเขาแทนที่กุมหัวปวดขมับหนักกว่าเดิมสองเท่าเหมือนคว้าน้ำเหลว
แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่ คือ ในแผ่นตรงมุมขวาล่างยังมีชื่อของเจ้าหนูทาสปรากฏอยู่บนหน้าเอกสาร แต่มันสำคัญตรงที่ว่าชื่อไม่ตรงกับที่อีกฝ่ายแนะนำตัวเลยสักนิด
ลูเซีย ฮาร์ฟ อายุ 22 ปี
ชายหนุ่มนึกถึงชื่อที่เพิ่งอ่านในเอกสารไปได้ไม่นาน เขาตั้งศอกเท้าคางกับโต๊ะเคาน์เตอร์ ปากหนาขยับถามเด็กหนุ่มที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาร้อนไปด้วยน้ำเสียงสงสัย
“เกรเทลเจ้านามสกุลอะไร?”
ทั้งสถานะและที่มาที่ไปของมันน่าสงสัยไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะรอยสักบนข้อแขน หลายคราที่เขาจะเห็นมันโผล่พ้นออกมาจากปลายแขนเสื้อ แต่ก็ไม่เคยเห็นแบบชัดเจน เพราะเจ้าหนูมันไม่เคยคิดถกแขนเสื้อทำงานเลยสักครั้งตั้งแต่เจอหน้ากัน ลวดลายดูคุ้นตาแต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นจากที่ไหน จะให้อยู่ดี ๆ เดินไปกระชากแขนมันเพื่อขอดูรอยสักก็ใช่เรื่องที่ควรทำ
เดี๋ยวหาว่ารังแกเด็กกันอีก…
มือเรียวที่กำลังทำการหั่นและสับพวกเนื้อไก่ กระเทียม หอมหัวใหญ่ และพริกให้เรียบร้อย พลันต้องชะงักค้างแล้วค่อย ๆ หันเหความสนใจไปที่เจ้านายตนเอง ทุกอากัปกิริยาอยู่ในสายตาวอลล็อคเรียบร้อยแล้ว เขาถามแค่นามสกุลทำไมต้องตกใจด้วย
“เออ…นามสกุลเหรอ? บัตเลอร์”
ร่างเล็กเลือกจะตอบส่ง ๆ ให้คนผมสีเขียวเด่นแทนเพราะต้องรีบทำอาหาร ระหว่างนั้นมือก็เอื้อมมือจับเส้นสปาเกตตีลงไปลวกน้ำร้อน ทีแรกก็ตกใจงงว่าทำไมเขาถึงถามหานามสกุลเธอ แต่สมาธิต้องโฟกัสที่การทำอาหารเธอจึงไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่วอลล็อคถาม
…ไม่ใช่สกุลฮาร์ฟ…
วอลล็อคคิดในใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาทำไมไม่ตรงกันเลยสักอย่าง เขาไม่รู้ว่าเจ้าหนูนี่กำลังโกหกหน้าตายหรือว่ามันชื่อนี้จริง ๆ ตามที่มันพูด ฉะนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่มันทำเขาจะยังไม่ไว้วางใจ ตราบใดยังไม่ปรากฏความจริงออกมา เขาจะกาหัวเจ้าเด็กนี่ไว้เป็นป้ายแดงก่อนว่าคือตัวอันตราย
ทั้งที่สายของเขาคลุกอยู่ในทุกวงการทั้งขาว ดำ และเทายังหาข้อมูลใด ๆ มาไม่ได้เลย แบบนี้ไม่ดีแน่ แม้มันจะมาอยู่กับเขาในฐานะทาสแต่พ่วงตำแหน่งลูกน้องในค่าย เกิดวันใดวันหนึ่งมันก่อเรื่องความบรรลัยให้ตลาดค้าทาสแห่งนี้คงสร้างความเสียหายไม่น้อย
เขาจะถูกเปิดโปงตอนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
ทางฝั่งเกรเทลที่ไม่รู้เรื่องอะไรใด ๆ ยังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตั้งกระทะเทน้ำมันให้ร้อน เทกระเทียมกับหอมหัวใหญ่ลงไปผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้นใส่เนื้อไก่ลงไป เมื่อไก่ใกล้สุกเธอจึงหยิบเอาพริกขี้หนูลงกระทะ แต่เนื่องจากไม่รู้ว่าวอลล็อคเขาทานเผ็ดได้มากน้อยแค่ไหนเธอจึงไม่กล้ามือหนักใส่ไปเยอะ หยิบลงไปไม่กี่เม็ดพอให้มีความเผ็ดกรุบกริบตัดรสชาติ
“คุณทานเผ็ดได้ไหม? ฉันใส่ลงไปไม่เยอะนะกลัวคุณกินไม่ได้”
เนื่องด้วยความเคยชินเวลาเธอตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างให้คนที่บ้านทานจึงมักพูดห้วน ๆ แถมติดคำพูดภาษาจากโลกฝั่งเธอ ไม่ว่าจะเป็นสรรพนามแทนตัว รูปประโยค
ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าเผลอปล่อยตัวแปลก ๆ ออกไป ทันทีที่เกรเทลพูดวอลล็อคหูผึ่งหรี่ตาเพ่งมองทันที ว่าทำไมการพูดของเจ้าเด็กทาสเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนคำพูดที่เด็กผู้ชายจะพูดกันด้วยซ้ำแต่เขายังต้องแสดงสีหน้าท่าทางปกติไม่ให้ผิดสังเกต
“ข้าทานได้”
เกรเทลพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอาเส้นสปาเกตตีกับใบโหระพาโรยคลุกลงไป จากนั้นเริ่มปรุงรสด้วยซอส เกลือ น้ำตาล ปิดท้ายด้วยพริกไทยเล็กน้อยเป็นอันเสร็จสิ้น อาหารส่งกลิ่นหอมอบอวลลอยมาตามลมชวนให้คนท้องว่างต้องน้ำลายสอ เธอเอื้อมมือไปหยิบที่คีบอาหารแล้วจับเส้นใส่จานให้เรียบร้อย เธอค่อย ๆ คีบจัดวางพวกเนื้อไก่ ใบโหระพาและพริกให้สวยงาม
เมื่อทุกอย่างดูเรียบร้อยดีเธอจึงยกอาหารจานนี้ส่งให้คุณชายที่ยังนั่งเท้าคางมองเธอมาจากโต๊ะเคาน์เตอร์ เชฟตัวน้อยไม่ลืมที่จะหยิบช้อนซ้อมในตู้ครัวติดมือออกมาด้วย สองขาเดินมาหยุดตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม ทว่าก็ต้องชะงักค้างกับสายตาเขา
…ทำไมเขามองมาแปลก ๆ อ่ะ…
หน้าหวานทำสีหน้ามึนงงเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอะใจถามอะไร เลือกที่จะผลักจานอาหารส่งให้เขาพร้อมพูดนำเสนอเมนูอาหารมื้อนี้ไปด้วยความภาคภูมิใจ นอกจากครอบครัวเธอก็มีเขานี่แหละเป็นคนแรกที่ได้ทาน ขนาดเฮลก้าเพื่อนสนิทเธอยังไม่มีโอกาสได้ทานอาหารฝีมือเธอเลยสักครั้ง
“ข้า…ไม่รู้ว่าท่านเคยทานไหมอันนี้คือสปาเกตตีผัดพริกแห้ง เป็นเมนูที่บ้านข้าชอบทำกินกันง่าย ๆ เวลาไม่รู้จะกินอะไร”
วอลล็อคเงยหน้ามองอย่างเฉยเมยหันหลังไปคว้าเอาเก้าอี้ไม้มานั่งตรงโต๊ะเคาน์เตอร์ จากนั้นมือหนาเอื้อมคว้าช้อนซ้อมออกมาจากมืออีกฝ่าย จังหวะที่เธอเผลอครู่เดียวนั่นเขาได้เอาซ้อมเกี่ยวปลายแขนเสื้อเธอให้เลิกขึ้นเล็กน้อยจนเห็นลายสักเถาวัลย์กุหลาบรอบแขนเล็ก เขาพยายามจดจำรายละเอียดที่มองผ่าน ๆ ในครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด
คืนนี้เขาจะค่อย ๆ วาดลงกระดาษแล้วส่งให้เส้นสายในตลาดมืดช่วยตรวจเช็กดูอีกที
จากนั้นก็ก้มหน้ามองอาหารในจานที่ถูกจัดอย่างพิถีพิถัน สร้างความประทับใจแรกแก่เขาแม้จะถูกทำในระยะเวลาแค่นิดเดียว มือหนาจับด้ามซ้อมโลหะจิ้มลงไปตรงกลาง บิดซ้อมไปทางซ้ายหมุนม้วนเส้นสปาเกตตีขึ้นมาแล้วนำทั้งหมดนั้นเข้าปาก
รสชาติแรกที่สัมผัสได้คือความหอมของกระเทียมและความเผ็ดร้อนนิด ๆ ของพริกขี้หนูและพริกไทย ไหนจะความหวานจากหอมหัวใหญ่ที่หั่นใส่ลงไป ส่วนเส้นสปาเกตตีลวกได้นุ่มละมุนกำลังดี ไม่แข็งหรือนิ่มจนเละ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างใบโหระพาชูให้รสชาติกลมกล่อมตัดกัน แม้จะมีหน้าตาจะเหมือนอาหารเมนูเส้นทั่วไปแต่รสชาตินี้เขาไม่เคยลิ้มรสนี้มาก่อน
วอลล็อคยังคงก้มหน้าก้มหน้าเคี้ยวอาหารที่เกรเทลทำให้ไปอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาบอกกล่าวหรือส่งสายตาอะไร ว่าอาหารที่เธอทำให้อร่อยไหม เผ็ดไปหรือเปล่า หรือรสชาติถูกปากไหม แต่เขากลับนั่งนิ่งกินไม่พูดไม่จาใด ๆ ทั้งสิ้น
จนเธอทนความเงียบนี้ไม่ไหวเป็นฝ่ายถามออกไปแทนในที่สุด
“นายขอรับ…อาหารรสชาติเป็นไงบ้าง?”
คนผมสีเขียวเด่นทำเพียงลากสายตาขึ้นจ้องมองไปเกรเทลที่สีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความวิตกกังวลไม่มั่นใจในตนเอง ใจนึกอยากแกล้งมันอีกสักรอบแต่ต้องเบรกไว้ เพราะจากสายตาที่มองมาที่เขาดูตั้งความหวังเอาไว้มาก ๆ จนไม่อยากสร้างความเสียใจให้แก่อีกฝ่ายไปมากกว่านี้
เขาเลือกที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาและเอ่ยชมไปด้วย
“อืม…ใช่ได้ไม่คิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้”
ในเมื่อมันอร่อยก็ตอบไปว่าอร่อย แต่ถ้าในกรณีไม่อร่อยจริงเขาก็จะติแนะนำตามสมควร ภายในวันหลังก็จะไปบอกบาสเตียนว่าช่วยสอนมันทำอาหารให้ดี ๆ ดูแล้วยังไงก็เป็นคนมีความสามารถ มีแววออร่ามาแต่ไกลก็สนับสนุนมันไปซะ
ร่างหนาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วใช้นิ้วชี้เขย่าต่อหน้าเธอ
“นี่ถ้าไม่บอกว่าเจ้าเป็นแค่ทาส ข้าคงคิดไปแล้วว่าเจ้าคงเป็นหัวหน้าเชฟร้านไหนสักร้าน”
พอได้ยินเจ้านายผมเขียวพูดออกมาแถมมีการชมเธอด้วย จากความกังวลกลายเป็นว่าแววตาของเธอก็เปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ขอเพียงแค่เขาทานได้ไม่เททิ้ง เธอก็รู้สึกมิชชั่นคอมพลีทสุด ๆ แล้วไม่เสียแรงที่ครูพักลักจำมาจากแม่เบลถึงแม่จะเต็มใจสอนให้แต่บางครั้งเธอก็ชอบอาศัยการสังเกตดูเองเงียบ ๆ มากกว่า มันท้าทายความสามารถตนเองดี
“เช่นนั้นนอกจากเจ้าทำความสะอาดบ้านพักข้า มื้อกลางวันเจ้าก็ทำไปด้วยเลยแล้วกันนะ ช่วงนี้ข้าเบื่ออาหารจากโรงครัว อยากเปลี่ยนดูบ้างเจ้าคงไม่ว่าอะไรข้าเนอะ”
จากที่ดีใจได้ครู่เดียวเป็นอันต้องชะงักค้างกลางอากาศหันหัวมามองใบหน้าหล่อที่อีกฝ่ายเลิกหางคิ้วขึ้นจับจ้องมายังเธอ
อะไรนะ? ทำมื้อเที่ยงด้วยเหรอ? ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม
“ไม่ต้องมาทำสีหน้าเหมือนข้าโยนงานทั้งหมดให้เจ้าทำคนเดียวแบบนั้นสิ”
ร่างเล็กยืนเม้มปากเน้นทำสีหน้าเซ็งที่เจ้านายจับได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่หัวเล็ก ๆ ก็แต่ละครั้งที่อีกฝ่ายสั่งงานเธอทีไรมักจะพ่วงอะไรมาไม่รู้เยอะแยะ กะจะใช้ให้คุ้มกันเลยหรืออย่างไรอีตาหมอนี่
…ก็ใช่ไงอีตาหัวผักสลัด! นายมันชอบหางานมาให้ฉันทำเพิ่มอยู่นั่นแหละ ใครจะไปทำได้เหนื่อยตายพอดี…
วอลล็อครู้ว่าเขาแค่อยากแกล้งมันเฉย ๆ ทุกวันนี้เขายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรกันแน่ ฉะนั้นจึงเหมือนเป็นการไถ่โทษกลาย ๆ แก่เจ้าหนู อย่างน้อยเมื่อมันมาอยู่ใกล้ตัว เขาสั่งให้ ‘เจ้านั่น’ จับตาดูง่ายกว่าด้านนอกเพราะถ้ามันจะก่อเรื่องก็คงแค่ภายในบริเวณบ้านพักเขาเท่านั้น อยู่ในความควบคุมที่ตนเองสามารถบังคับได้แบบนั้นสบายกว่ากันตั้งเยอะ
แม้ว่าเขาเคยแอบสั่งให้เฟียซจับตาคอยดูเจ้าเด็กนี่ไว้แล้วก็ตาม แต่เฟียซก็มีการมีงานที่ต้องจัดการไม่ต่างจากคนงานในสังกัดของเขาหรอกที่จะสามารถมาตามเช็กดูได้ตลอดเวลา เขาเป็นหัวหน้านายใหญ่ของที่นี่บางครั้งคนอื่นอาจมองว่าเขาใจร้ายไปบ้าง แต่ลึก ๆ ภายในใจก็ยังเป็นห่วงทุกคนอยู่ดี
“เจ้าก็แค่ช่วยงานในโรงครัวแค่ช่วงเช้ากับเย็น ตอนกลางวันมาทำความสะอาดดูแลบ้านพักข้าพร้อมทำมื้อเที่ยงแค่นั้นพอ”
ชายหนุ่มพูดอธิบายงานที่เจ้าหนูเกรเทลต้องทำหลังจากนี้อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ มือก็ยังจับซ้อมม้วนเส้นสปาเกตตีเข้าปากไม่หยุดด้วยความหิว ยอมรับเลยว่าอาหารที่เจ้าหนูทาสทำอร่อยถูกปากเขาจริง ๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะถูกใจอะไรบางอย่างได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
มันต้องมีเอกลักษณ์หรือโดดเด่นสะดุดใจเขาเท่านั้น
ร่างเล็กยืนทำตาปริบ ๆ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไป แล้วเพิ่งจะถูกดึงกลับมาได้ ตัดสินใจเอ่ยปากถามเขาอีกรอบกับเรื่องที่ค้างคาใจมานาน มันกวนใจขนาดที่เธอนอนหลับไม่สนิทจนสร้างปัญหาให้ขอบตาดำแบบนี้
“แล้ว…เรื่องที่บ้านนี้มี…เออ”
เกรเทลพยายามทำใจกล้าถามออกไปในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนด้วย ไม่ได้อยู่คนเดียวแบบวันก่อนนู้นจึงทำให้เธอกล้ามมากขึ้น
“มีอะไร? อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่นแหละ”
วอลล็อคทำหน้าสงสัยใคร่รู้กับท่าทางของคนตรงหน้า เหมือนมีเรื่องอยากจะพูดก็ไม่พูด อ้าปากแล้วก็หุบวนอยู่แบบนั้น จนเขาชักจะยกฝ่ามือไปตบกบาลให้มันพูดออกมาเสียทีลีลามากนักเดี๋ยวจะไม่ตอบเลย
เกรเทลเขยิบตัวเข้าไปให้ใกล้โต๊ะเคาน์เตอร์มากขึ้น แล้วก้มตัวลงมาค่อมขอบโต๊ะเล็กน้อยแล้วยื่นใบหน้าหวานเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อพูดให้ถนัด
“บ้านนาย…มีผีจริงไหมขอรับ?”
เกรเทลกลั้นใจถามออกไปพร้อมดูปฏิกิริยาเจ้านายของเธอไปด้วย เธอเข้าใจว่าตนเองอาจจะฟุ้งซ่านไปเอง แต่เพื่อความชัดเจนไม่ใช่คิดเองเออเองก็ถามออกไปนั่นแหละดีแล้ว ไม่งั้นเธอจะต้องมากังวลไม่เป็นอันทำงาน ในเมื่อต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักโดยเฉพาะดูแลทำความสะอาดบ้านวอลล็อต
ชายหนุ่มเหยียดตัวนั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้ เขาทานอาหารในจานหมดพอดีจึงบิดขี้เกียจตัวเล็กน้อยพอให้หายเมื่อยขบ สีหน้าที่ดูไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ออกไปทางสบาย ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติทำให้เกรเทลใจสั่น
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไงละเจ้าหนู?”
วอลล็อคเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นแต่ใช้เป็นการถามย้อนกลับไปแทน ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เด็กสาวปวดหัวกับความกวนประสาทของอีตาหัวผัก แค่เลือกตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ทำไมมันยากเย็นนักจะมาถามกลับเพื่ออะไรมิทราบ?
“งั้นข้าไม่ถามแล้วก็ได้ถ้าท่านไม่ตอบ”
แม้ใจจะอยากรู้แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทำเป็นเหมือนเล่นเธอก้ไม่อยากเสวนาต่อให้เหนื่อย
“แล้วถ้าข้าตอบว่ามี…เจ้าจะทำยังไงต่อละเจ้าหนู?
ชายหนุ่มยกแขนกอดอกแบบหลวม ๆ ในครั้งนี้เขาเปลี่ยนคำถามใหม่ที่น่าจะตรงใจเด็กทาส เขาจะไม่ได้กวนประสาทเหมือนรอบแรกแล้ว เห็นสีหน้าบึ้งตึงเข้าไปใจเขาก็อ่อนลงไปครึ่ง
“ข้าก็จะได้เตรียมใจไว้ว่าจะต้องเจอผีไง ตอนนี้ข้ามาดูแลบ้านหลังนี้แค่คนเดียวนะขอรับ”
คนที่นั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ นั่งฟังคำตอบของเด็กในปกครองอย่างตั้งใจ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ามีบ้านพักเขาหลังนี้มีข่าวลือแปลก ๆ ออกไปว่ามีผีสิงอยู่ ทว่ามันกลับส่งผลดีที่ไม่มีใครมายุ่งยากกับข้าวของของเขาด้วย
แต่ขอยกเว้นเจ้าหนูทาสคนนี้ไว้คนหนึ่งแล้วกัน เพราะสถานะมันคลุมเครือไม่ชัดเจน การที่เขาเอามันไว้ใกล้ตัวเวลาจะทำอะไรจัดการง่ายสุด
“แล้วถ้าข้าตอบว่าบ้านนี้ไม่มีผีละ? มันจะเกิดอะไรขึ้น”
คำถามที่สองถูกยิงออกมาจากเจ้านายเธออีกครั้ง รอบนี้เกรเทลรู้อยู่แล้วว่าจะตอบอะไรจึงทำสีหน้ายิ้มระรื่นใส่
“ข้าก็จะได้ไปบอกพวกป้า ๆ แม่บ้านและคนงานคนอื่น ๆ ไง ว่าบ้านนี้ไม่มีผี พวกเขากุเรื่องขึ้นมาเอง”
สถานการณ์มันจะได้เปลี่ยนแปลงมีคนมาช่วยทำความสะอาดมากขึ้น ส่วนเธอจะได้มีเวลาไปคิดแผนการหลบหนีออกจากที่นี่ แม้ว่าานจะมีมากแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยมาเจอหน้าอีตาหมอนี่บ่อย ๆ
“ถ้างั้นข้าก็คงขอแสดงความเสียใจด้วยนะเกรเทล”
วอลล็อคพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังเงียบได้ไม่นาน ในเมื่อแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดแล้วจะมาพังเอาตอนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ร่างหนาจึงขยับยืดตัวขึ้น เคลื่อนลำตัวเข้าไปประชันหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้า เขากระชากยกยิ้มเหี้ยมแล้วเปล่งเสียงแหบต่ำให้ผู้ฟังรู้สึกขนลุกเสียวสันหลัง
“เพราะบ้านนี้มีผีจริง แล้วมันก็เฮี้ยนมากเสียด้วยสิ”
หลังจากที่วอลล็อคบอกกล่าวประโยคนี้ไป เกรเทลก็นิ่งค้างเป็นหินแล้วไถลทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นครัว ก้มหน้าก้มตาลงหางตามีหยดน้ำซึมเล็กน้อย ในใจก็ภาวนาว่าหลังจากวันนี้ไปขอให้ไม่เจออะไรน่ากลัวไปมากกว่านี้เลย
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
องโดนอีตาหัวเขียวแกล้งอีกแล้วค่ะ ไม่ปลอบใจน้องหน่อยเหรอพี่ นางเอกเราเรื่องนี้งานบ้านก็เลิศ งานครัวก็ปัง ทำงานก็ขยัน ไม่เลือกงานไม่ยากจนขนาดนี้ มีใครสนใจยกขบวนขันหมากมาสู่ขอได้ยังคะ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ขณะนี้รี้ดแทบจะร่วมใจกันหยุมหัวพระเอกคนแรกของไรท์จมดิน เช่นนี้แล้วพระเอกคนที่สองน่าจะทำคะแนนนำโด่งกว่าแน่นอน ชัวร์ แต่อย่าโกรธนางวอลดี้เลยค่ะนางเป็นคนมีปม เดี๋ยวเราไปลุ้นกันตอนหลัง ๆ เนอะ // เทียน่าเธอต้องหยุดสปอยนิยาย!!
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana