1300 - แก่นแท้เซียนอสูร
1300 - แก่นแท้เซียนอสูร
เมื่อชีวิตของบรรพชนจระเข้สิ้นสุดลง ร่างกายที่ใหญ่โตหลายหมื่นกว่าของเขาก็ย่อขนาดลงกลายเป็นเพียงจระเข้ยักษ์ที่มีความยาวไม่กี่สิบวาเท่านั้น
เย่ฟ่านมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบๆ เขาประสานมือแสดงความเคารพต่อชายชราอย่างนอบน้อม การสังหารบรรพชนจระเข้ครั้งนี้เปรียบเสมือนการแก้แค้นให้กับเพื่อนๆ ของเขาที่ตายอยู่ในดาวอังคารเมื่อยี่สิบปีก่อน
“เจ้าก็เป็นมดปลวกเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
เขาตะโกนด้วยความโกรธเมื่อเห็นจระเข้ตัวใหญ่ถูกถลกหนังอย่างช้าๆ
บรรพชนจระเข้ตายไปแล้ว ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขายังคงแดงก่ำไปด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด ร่างที่มีขนาดใหญ่นับสิบวาของเขากำลังถูกถลกหนังเห็นได้ชัดว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่ต้องการใช้จระเข้ตัวนี้เป็นอาหารของตัวเอง
เย่ฟ่านรู้สึกว่าบรรพชนจระเข้ตัวนี้โชคร้ายอย่างยิ่ง ในอดีตเขาเคยพบคนดีเช่นศากยมุนี แม้ว่าเขาจะก่อเหตุสังหารผู้คนไปนับล้านแต่เขาก็ยังได้รับความเมตตาเพียงถูกปิดผนึกไว้ในดาวดวงนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพบกับปีศาจร้ายอย่างเซียนผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าชีวิตของเขากลับต้องจบลงอย่างง่ายดาย
คลื่นที่โหมกระหน่ำทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน เซียนโบราณใช้พละกำลังของเขายับยั้งคลื่นในดวงตาของทะเลปีศาจ จากนั้นเขาก็นำร่างของบรรพชนจระเข้ลงไปในทะเลเพื่อชะล้างให้เกิดความสะอาด!
เซียนเฒ่ามีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เขาปลดปล่อยเปลวไฟที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวออกมาจากฝ่ามือเพื่อเผาผลาญแก่นแท้สุดท้ายของวิญญาณบรรพชนจระเข้อย่างกระตือรือร้น
จระเข้ยักษ์มีอายุมากกว่าแปดพันปี แก่นแท้เซียนอสูรของเขาเป็นเครื่องบำรุงที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่ายาเซียนที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ แล้วเซียนเฒ่าจะปล่อยของดีแบบนี้ไปได้อย่างไร
“ปัง”
ในที่สุดเซียนผู้เฒ่าก็ทะลวงนิ้วอันแข็งแกร่งเข้าไปในกะโหลกศีรษะของบรรพชนจระเข้เพื่อรวบรวมความทรงจำที่แตกสลายภายในมันสมองนั้น
เซียนผู้เฒ่าดึงลำแสงสีทองเล็กๆ ออกมาก่อนจะนำมันมาสัมผัสกับกะโหลกศีรษะของตัวเอง เวลาผ่านไปหลายล้านปี เขาไม่เคยคิดเลยว่าโลกจะมีความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้
หลังจากตรวจดูความทรงจำทั้งหมดแล้ว เซียนเฒ่าก็เริ่มชำแหละท้องของบรรพชนจระเข้เพื่อรวบรวมวัตถุดิบมีค่าทั้งหมด
เซียนผู้เฒ่าฉีกเนื้อชิ้นหนึ่งที่มีน้ำหนักหนึ่งพันจินซึ่งส่องแสงสุกใสที่สุดออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนื้อส่วนนี้คือบริเวณที่มีค่ามากที่สุดในตัวของบรรพชนจระเข้นั่นเอง
เซียนผู้เฒ่าล้างชิ้นเนื้อให้สะอาดด้วยน้ำใสที่ดึงออกมาจากดวงตาของทะเลปีศาจก่อนจะย่างด้วยไฟจากฝ่ามือ เขานำเครื่องปรุงมากมายออกมาข้างนอกและเริ่มปรุงเนื้อของจระเข้อย่างพิถีพิถัน
ไม่นานหลังจากนั้นกลิ่นหอมของเนื้อย่างก็โชยออกมาเป็นระยะเซียนเฒ่าโบกมือให้เย่ฟ่านอีกครั้งและขอให้เย่ฟ่านเข้ามารับประทานเนื้อชิ้นนี้พร้อมกันกับเขา
เย่ฟ่านส่ายหน้าอย่างแรงและโบกมือ กล่าวตามตรงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เซียนผู้เฒ่าคนนี้แม้จะเป็นมนุษย์ด้วยกันแต่ก็ทรงพลังมากเกินไป ทรงพลังจนเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อีกฝ่าย!
เซียนโบราณยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่น เขาบอกว่านี่เป็นยาชูกำลังที่จะทำให้ร่างกายของเย่ฟ่านแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
“ผู้อาวุโส ข้าไม่กล้ากินสิ่งนี้จริงๆ เลือดเพียงหยดเดียวของเซียนสามารถสังหารผู้สูงสุดอย่างข้าได้ นับประสาอะไรกับจระเข้ตัวนี้เคยเป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า
กล่าวตามตรง เขารู้สึกขยะแขยงอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้บรรพชนจระเข้สามารถเปลี่ยนร่างไปเป็นมนุษย์ได้ มันให้เขาเกิดความรู้สึกราวกับกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง
เซียนผู้เฒ่าดูเหมือนจะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ในที่สุด เขาหัวเราะอย่างเก้อเขินก่อนจะชี้มือไปที่เนื้อของจระเข้และเริ่มขัดเกลาความชั่วร้ายทั้งหมดทั้งมวลออกไป
“ตอนนี้เจ้ากินได้แล้ว!” เซียนผู้เฒ่ากล่าว
เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่น หากเขายังคงยืนกรานปฏิเสธมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ชายชราคนนี้เกิดความคลุ้มคลั่งขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงได้แต่นั่งลงที่ด้านข้างและเริ่มรับประทานเนื้ออย่างระมัดระวัง
เซียนโบราณพยักหน้าและบอกเขาว่าเนื้อของเซียนอสูรนั้นมีรสชาติยอดเยี่ยมที่สุด นั่นก็เพราะเนื้อทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋า
สำหรับเซียนเทียมขั้นสองอย่างเย่ฟ่านเนื้อของอสูรประเภทนี้มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เขาเชื่อมต่อกับเต๋าได้ง่ายมากกว่าปกติ
ความเปล่งประกายอันศักดิ์สิทธิ์ล้นออกมาไหลออกมาจากเนื้อสีทอง กลิ่นหอมที่อ่อนโยนรมจมูกของเย่ฟ่านให้เกิดความมึนเมาเล็กน้อย
เย่ฟ่านฉีกเนื้อสองชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาและชิมมันด้วยความระมัดระวัง เขาไม่กล้ากัดเนื้อคำใหญ่เพราะกลัวว่าพลังแห่งเต๋าจะเผาผลาญร่างของตัวเองให้แหลกสลาย
เห็นได้ชัดว่าความกังวลของเขานั้นเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น เซียนเฒ่าได้ขัดเกลาความอาฆาตแค้นภายในเนื้อหนังของจระเข้ออกไปหมดแล้ว ดังนั้นเย่ฟ่านจึงสามารถรับประทานมันได้อย่างเต็มที่
ในขณะนี้ ทุกรูขุมขนในร่างกายของเขาผ่อนคลาย และพลังที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ก็ไหลเวียนไปทั่วเลือดเนื้อของเขาราวกับกระแสน้ำอุ่น
เย่ฟ่านเกือบจะตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น เนื้อของเทพอสูรนั้นมีความพิเศษจริงๆ เพียงแค่ชิมเข้าไปเล็กน้อยเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าเนื้อชิ้นนี้มีค่าเทียบได้กับยาเซียนอย่างแน่นอน
มันเป็นเนื้อศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่เคยพบเจอเลยตลอดชีวิต!
ความจริงในจักรวาลนี้แทบไม่เคยมีใครได้ชิมรสของเนื้อเซียนอสูรมาก่อน สาเหตุหลักก็เพราะผู้ที่มีฐานการบ่มเพาะต่ำกว่าย่อมไม่สามารถรับประทานเนื้อนี้ได้!
แต่สำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่งจนสามารถฆ่าเซียนอสูร พวกเขาย่อมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องบำรุงร่างกายของตัวเองด้วยเนื้อของสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอมากกว่า
เกรงว่านับตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมาคนที่รับประทานเซียนอสูรอย่างจริงจังคงมีเพียงเซียนเท่าผู้นี้เท่านั้น!
แม้ว่าร่างของบรรพชนจระเข้จะมีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เนื้อที่เป็นแก่นแท้ของเขากลับมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
หลังจากยืนยันว่าเซียนเฒ่าได้ย่างชิ้นเนื้อด้วยไฟเต๋าอย่างทั่วถึงแล้ว เย่ฟ่านก็หยิบสุราที่ถูกหมักด้วยน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตออกมาดื่มกินอย่างสุขสำราญ
แม้ว่าเครื่องปรุงของเซียนผู้เฒ่าจะค่อนข้างเรียบง่ายแต่อาหารมื้อนี้ก็มีรสชาติยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
เย่ฟ่านรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาสัมผัสได้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จากเนื้อหนังของบรรพชนจระเข้กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างช้าๆ
ในขณะนี้ร่างของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยพลังอันเป็นมงคล แสงห้าสีแผ่วมาจากร่างของเขาดูแปลกประหลาดเล็กน้อย
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาพลุ่งพล่านราวกับแม่น้ำ เต๋าของเขาดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว ร่างกายเหมือนผ่านการชำระล้างครั้งใหญ่ เลือดเนื้อทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยพลัง
เย่ฟ่านมีความรู้สึกว่าหากเขาย้อนกลับไปต่อสู้กับหยวนกู่อีกครั้ง เขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีไม่ถึงร้อยกระบวนท่า
แต่น่าเสียดายที่เย่ฟ่านสามารถรับประทานเนื้อของบรรพชนจระเข้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แก่นแท้ที่แฝงอยู่ในเนื้อทรงพลังมากเกินไปหากเขายังฝืนกินมากกว่านี้มันอาจทำให้ร่างของเขาระเบิดได้เลย
ในเวลานี้เย่ฟ่านจึงตระหนักได้ว่าเซียนเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้ เขาดื่มสุราคำใหญ่และรับประทานเนื้อจระเข้ทั้งหมดโดยที่สีหน้าไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำ
เย่ฟ่านรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แม้ว่าเซียนเฒ่าคนนี้จะแข็งแกร่งอย่างมากแต่เขาก็ไม่ควรรับประทานเนื้อของเซียนอสูรด้วยกันอย่างสบายใจถึงขนาดนั้น
ในขณะนี้ที่จมูกของเย่ฟ่านมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย เขารีบนั่งสมาธิเพื่อทำการย่อยสลายแก่นแท้เซียนที่ได้รับให้กระจายไปทั่วเนื้อหนังของตัวเอง
ในเวลาต่อมาเย่ฟ่านรู้สึกว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งเข้าไปทั่วโลกเพื่อระบายแก่นแท้เซียนออกจากร่างกายบางส่วน
เย่ฟ่านวิ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามร่างกายของเขาจึงเกิดความผ่อนคลายและไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป!
ร่างของจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนภูเขาลูกเล็กๆ ได้ถูกเซียนเฒ่ารับประทานลงไปมากกว่าครึ่งแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขายังตัดเนื้อชิ้นใหญ่และเริ่มย่างต่อไปโดยไม่หยุดพัก
เย่ฟ่านรู้ดีว่าไม่สามารถใช้เหตุผลทั่วไปมาวัดความสามารถของเซียนโบราณ แต่วิธีการกินเช่นนี้ยังทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
ช่างเป็นความอยากอาหารที่น่ากลัวจริงๆ!
ร่างกายของบรรพชนจระเข้เต็มไปด้วยสมบัติ ดังนั้นต่อให้เป็นร่างกายในส่วนที่กินไม่ได้ก็ยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วได้อย่างแข็งแกร่ง
เซียนผู้เฒ่าเริ่มแบ่งปันกระดูกและหนังของบรรพชนจระเข้ให้กับเย่ฟ่าน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เย่ฟ่านมีความสับสนอยู่ในใจ ดังนั้นเขาจึงมีความปรารถนาจะสอบถามเซียนผู้เฒ่าหลายอย่าง
…………….