บทที่ 455: ใช้ยันต์ ใบไม้วิญญาณของต้นมารดร!
มอนสเตอร์ระดับลอร์ดที่ตอนแรกดุร้ายตอนนี้ทำตัวอย่างกับลูกหมานอนหมอบย่นคิ้วอยู่กับพื้นพร้อมแววตาอ้อนวอน
ไอ้เจ้ากระทิงที่เห็นเฒ่าว่านเข้ามาใกล้มันก็แลบลิ้นใหญ่ ๆ นั้นเลียฝ่ามือเขาพร้อมกับทำแววตาเชื่อฟังใส่
ถังเจิ้นนั้นมึนตึ้บไปแล้ว เพราะไม่นึกมาก่อนเหมือนกันว่ายันต์มันจะมีผลช่วยในการฝึกมอนสเตอร์ได้ด้วย!
พอนึกถึงเปลวไฟเมื่อกี๊แล้วเขาก็กะว่าจะเข้าไปเช็ก แต่ไอ้เจ้ากระทิงที่เห็นแบบนั้นก็ขวัญหนีดีฝ่อขดตัวเป็นลูกกลม ๆ อยู่หลังเฒ่าว่านซะงั้น
ตัวมันที่หลับตาปี๋ได้แอบลืมตาขึ้นมาเช็กดูถังเจิ้นอย่างเจ้าเล่ห์
“พอเถอะครับท่านเจ้าเมือง อย่าทดสอบมันอีกเลย ไม่งั้นมันคงตายจริง ๆ แน่!”
เฒ่าว่านที่เห็นอาการหวาดกลัวของเจ้ากระทิงก็รีบเข้าไปห้ามถังเจิ้นเพราะกลังว่าเขาจะทดลองอะไรกับมันอีก
ตัวเฒ่าว่านเองรู้ดีว่าการจะฝึกมอนสเตอร์ระดับลอร์ดให้เชื่องนั้นยากขนาดไหน และในที่สุดวันนี้ก็ทำสำเร็จแล้วแท้ ๆ เพราะงั้นจะปล่อยให้ถังเจิ้นฆ่ามันไม่ได้เด็ดขาด!
ถังเจิ้นเห็นทั้งหมดก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วโยนยันต์สีเทาให้เฒ่าว่านไป “จะฝากยันต์นี่ไว้กะนายแล้วกัน ถ้าไอ้หน้าโง่นี่มันกล้าตุกติกก็จัดการมันไปเลย!”
พูดจบก็กลับหลังหันเดินออกจากถ้ำ ส่วนชายชรากับมอนสเตอร์ระดับลอร์ดที่อยู่ข้าง ๆ กันนั้นได้ถอนหายใจโล่งอกพร้อม ๆ กัน
เมื่อเห็นถังเจิ้นออกจากถ้ำไปแล้วเฒ่าว่านก็หันกลับมาพูดกับเจ้ากระทิง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเรียกเธอว่าอาหนิวนะ ถ้าเธอเชื่อฟังล่ะก็ฉันจะเลี้ยงเธออย่างดีเลย
แต่ถ้ายังดื้อล่ะก็ฉันจะไปขอให้ท่านเจ้าเมืองใช้กระดาษนี่จัดการเธอซะ เข้าใจมั้ย”
พูดพลางชูยันต์ขึ้นให้มันดู ซึ่งทำให้เจ้ากระทิงที่เป็นถึงมอนสเตอร์ระดับลอร์ดต้องตกใจแล้วส่ายหัวยิก ๆ
เฒ่าว่านที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าพอใจ
และเมื่อมองดูยันต์สีเทาในมือแล้วเฒ่าว่านก็เริ่มคิดแล้วว่าตนควรจะไปขอ ‘กระดาษ’ นี่จากท่านเจ้าเมืองตอนไปเบิกเสบียงครั้งต่อไปดีมั้ย!
ส่วนถังเจิ้นนั้นหลังจากออกจากถ้ำแล้วก็ได้ไปยังโหลวเฉิงต้นมารดรโดยในใจก็คิดว่าจะลองใช้ยันต์ในการฝึกฝนมอนสเตอร์จำนวนมากดีมั้ย
เพราะการมีกองทัพมอนสเตอร์ที่ทรงพลังนั้นเป็นความฝันของถังเจิ้นมาโดยตลอด แต่ความก้าวหน้านั้นช้ามาก
สิ่งที่เขาพบขณะทดสอบยันต์ในวันนี้ทำให้เขามีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ติดปัญหาเดียวคือยันต์มีจำนวนจำกัดเนี่ยสิ หากอยากใช้มันฝึกมอนสเตอร์ล่ะก็แค่นี้ยังห่างจากคำว่าพออีกเยอะ!
แต่ถ้าสามารถผลิตยันต์นี้ออกมาในจำนวนมากได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เดินไปคิดไปมือก็หยิบของที่หน้าตาคล้ายธูปออกมาอังที่จมูกเพื่อเทสต์กลิ่น
กลิ่นแปลก ๆ เหมือนไม้เน่า ๆ ดมแล้วต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด
แล้วก็หยิบอีกอันออกมาซึ่งอันนี้เป็นสีม่วงแดงและมีอักขระสีดำพิมพ์อยู่
ถังเจิ้นจุดไฟที่ปลายนิ้วแล้วเอาเผาที่ธูป ต่อมาได้มีควันสีม่วง ๆ ลอยออกจากปลายธูปที่ติดไฟ
เมื่อควันกระจายออกไปกิ่งก้านสาขาของต้นมารดรที่อยู่เหนือหัวของถังเจิ้นก็สั่นอย่างรุนแรง
จู่ ๆ เสียงเบา ๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นของเด็กเอาแต่ใจก็ดังเข้ามาในหัว
“เอามานะไอ้บ้า!”
ถังเจิ้นที่กำลังก้มหน้าจะอ่านหนังสือก็ตกใจ จากนั้นก็ยิ้มแบบขี้เล่น
“ไอ้นี่มันของฉัน เรื่องไรต้องให้หล่อนด้วย”
ถังเจิ้นดับปลายธูปแล้วยืนยิ้มมือไพล่หลัง
“ไม่สน ๆ จะเอา เอามาเด๋วนิ!”
เสียงตอนนี้ดังขึ้นแล้วแถมยังแฝงความโกรธด้วย
“จะให้ก็ด้ายนา แต่ไม่ฟรี ถ้าอยากได้นักก็เล่ามาว่าไอ้นี่มันอะไร แล้วถ้าจะเอาไปก็ต้องเอาของดี ๆ มาแลกด้วย!”
“งืมมมมมมม...”
เสียงเด็กหญิงตัวน้อยแสดงความลังเลเหมือนว่าตัดสินใจได้ยากเย็นเหลือเกิน แล้วก็พูดกับถังเจิ้นด้วยน้ำเสียงโกรธ ๆ ว่า “ถ้าบอกแล้วห้ามโกงนะ!”
ถังเจิ้นพยักหน้า
“ไอ้นั่นน่าจะทำจากเศษของต้นไม้วิเศษ มันมีประโยชน์กะเรามาก เพราะงั้นนายต้องให้เรา!
แล้วเราจะให้ใบไม้ซักสามใบเป็นค่าแลกเปลี่ยน มันจะช่วยเติมพลังชีวิตที่นายเสียไปได้อย่างไวเลยเชียวล่ะ
แถมบนตัวนายยังมีกลิ่นชวนโมโหด้วย มันจะทำลายพลังชีวิตของนายอย่างหนัก เพราะงั้นอยู่ให้ห่างไอ้ที่ที่มีกลิ่นแบบนั้นไว้จะดีกว่านะ!”
พูดจบแล้วเสียงเด็กหญิงนั่นก็ตะโกนอีกรอบ “รีบ ๆ เอามาได้แล้วเร็ว!”
ถังเจิ้นเลิกหยอกล้อเด็กน้อยแล้วยื่นธูปให้
เถาวัลย์เรืองแสงหล่นจากฟ้าลงมาอย่างเร็วโดยทิ้งใบไม้สีเขียวมรกตไว้สามใบแล้วคว้าธูปขึ้นฟ้าไปเลย!
ถังเจิ้นเก็บใบไม้ลงไปแล้วหันหลังกลับด้วยความพึงพอใจตรงไปยังห้องฝึกลับ
ด้วยใบไม้วิเศษพวกนี้จะทำให้เวลาในการอยู่ในโลกมืดนั้นนานขึ้นซึ่งพอให้เขาสามารถสำรวจพื้นที่ยอดเขาส่วนลึกได้
ในเวลานี้เยว่โหลวโคตรยอดเขาดูเหมือนจะเป็นขุมสมบัติล้ำค่าที่รอให้ถังเจิ้นเข้าไปหยิบมา
ตอนนี้พวกนักรบต่างเผ่ากำลังศึกษาวิธีเข้าภูเขากันอย่างเอาเป็นเอาตายซึ่งถังเจิ้นก็เชื่อขนมกินเลยว่าอีกไม่นานพวกมันคงทำสำเร็จ
เขาไม่เคยคิดดูถูกพวกมันเลยเพราะอย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายก็ล้วนแต่อาศัยการฝึกฝนของตนเองขึ้นมาเป็นระดับลอร์ด ดังนั้นคนที่ไปถึงระดับนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยย่อมเป็นผู้มากความสามารถอยู่แล้ว!
หากเป็นไปได้ล่ะก็ถังเจิ้นก็อยากที่จะใช้โอกาสนี้ในการอัปเลเวลของตนขึ้นไปอีก เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้ดูท่าระดับการฝึกที่ตัวเองมีจะไม่อาจใช้สยบพวกนักรบต่างเผ่าได้อย่างทรงประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว
จากที่สังเกตดูแล้วเขาได้พบว่าในบรรดานักรบต่างเผ่าทั้งหมดมีอย่างน้อยเจ็ดแปดคนที่เป็นลอร์ด 3 ดาวเหมือนกัน!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนระดับเดียวกันมากมายขนาดนี้ก็คงจะเป็นการโกหกหากเขาบอกว่าไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย
ดังนั้นเขาจึงแทบรอไม่ไหวที่จะอัปเลเวลมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีที่ให้ฟาร์ม และเย่โหลวโคตรยอดเขาแห่งนี้มันก็มาได้จังหวะเหมาะเหม็งสุด ๆ พอดี!
คิดได้ดังนี้แล้วถังเจิ้นก็ไม่รอช้าอีก เขารีบไปที่คลังอาวุธเพื่อหาเตรียมของให้ครบ
แต่ว่าวันนี้เวลาใช้โลกมืดหมดไปแล้ว หากจะดันทุรังใช้ต่อล่ะก็มันจะทำร้ายร่างกายอย่างหนักแน่ ๆ ดังนั้นรอเป็นพรุ่งนี้ดีกว่า
เพียงแต่ก่อนที่พรุ่งนี้จะมาถึงก็มาเตรียมของให้พร้อมเอาไว้ก่อนเลย!
เตรียมของเสร็จแล้วก็เหลือแค่รอเวลา แต่อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำมันก็ใช่ที่ดังนั้นเขาเลยเอาหนังสือโบราณที่พึ่งได้มากลับไปอ่านที่ห้องฝึกลับ
และเนื้อหาในหนังสือมันก็ทำให้เขาต้องยิ้มออก
เพราะเนื้อหามันเกี่ยวข้องกับยันต์นั่นเอง และอันที่จริงแล้วมันมียันต์อยู่ตั้งหลายสิบประเภทกันเลยทีเดียว!
ซึ่งยันต์สองประเภทที่ถังเจิ้นใช้ก่อนหน้านี้ก็มีในบันทึกด้วย อันหนึ่งชื่อยันต์ทำลายวิญญาณ ส่วนอีกอันชื่อยันต์เพลิงอเวจี
ยันต์อีกสองอันที่ยังไม่ได้ทดสอบชื่อยันต์ภูติน้ำแข็ง ส่วนอีกอันชื่อยันต์โลหิตคลั่ง ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละอันล้วนให้ผลลัพธ์ที่แปลกประหลาด
เมื่อนึกถึงมอนสเตอร์แปลก ๆ ในเย่โหลวโคตรยอดเขาประกอบกับยันต์อันร้ายกาจนี่แล้วมันก็ทำให้เขาคิดถึงคำว่า ‘พรรคมาร’ ขึ้นมาในใจทันที!
ดูเหมือนว่าคำนี้เพียงคำเดียวเท่านั้นที่คู่ควรกับทุกสิ่งอย่างในเย่โหลวนั่น!
ถังเจิ้นศึกษาเนื้อหาในหนังสือต่อ เวลาก็ค่อย ๆ ผ่านไปจนในที่สุดคูลดาวน์ของแอปพลิเคชันก็หมดลง
ถังเจิ้นรีบเก็บหนังสือและออกจากห้องฝึกลับ
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้วเขาก็รีบออกจากเมืองเชิ่งหลงมุ่งหน้าตรงไปยังเย่โหลวโคตรยอดเขาทันที