ตอนที่แล้วบทที่ 12 : ค่าตอบแทน (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 : หมาป่าเดี่ยวดาย (2)

บทที่ 13: หมาป่าเดี่ยวดาย (1)


บทที่ 13: หมาป่าเดี่ยวดาย (1)

ความรักของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่านั้นหนักแน่นยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่น...

เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ลืมความรักระหว่างคู่รัก ความรักระหว่างครอบครัว และมิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูง

ด้วยเรื่องราวที่บิดเบี้ยวนี้ หากมีผู้ที่ทำลายความรักเกิดขึ้น ย่อมไม่สามารถให้การอภัยได้ตลอดชีวิต

ด้วยสัญชาตญาณนั้น เนอร์จึงต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดชีวิต

เนอร์เป็นเด็กที่ถูกสาป ด้วยคำสาปที่ไม่อาจตัดขาดตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเกิด

เธอพรากชีวิตของแม่ของเธอ ซิลลิน แบล็ควูด ไปพร้อมกับการเกิดของเธอ

ในวันที่เนอร์เกิด ว่ากันว่าตระกูลแบล็ควูดไม่มีการแสดงความยินดีหรือเสียงหัวเราะเลย

มีเพียงน้ำตาและความโศกเศร้าที่ดังก้อง

จนกระทั่งเธออายุแปดขวบ เนอร์ยังไม่รู้ว่าเธอถูกเกลียดชัง

เธอคิดว่าปฏิกิริยาที่เฉยชาจากพี่สาวและน้องชายทั้งห้าของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ควรเป็น

บางครั้งเธอก็สงสัยว่าเป็นเพราะสีขนหางของเธอแตกต่างออกไปเล็กน้อยหรือเปล่า

พี่น้องของเธอมีหางสีเทามันวาว แต่หางของเนอร์เป็นสีขาวไม่มีสีใดๆ ผสม

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเติบโตขึ้นทีละน้อย เธอก็รู้สึกว่าพี่น้องของเธอปฏิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป

พี่น้องของเนอร์เบ่งบานเหมือนดอกไม้เมื่ออยู่ด้วยกัน

แต่เมื่อเธอปรากฏตัว ทุกคนก็จะเย็นชา

ยัยเผือก

เนอร์คิดอยู่พักหนึ่งว่านั่นคือชื่อของเธอ เพราะพี่สาวและน้องชายของเธอที่อายุห่างกันมากจึงเรียกเธอแบบนั้น

แต่ต้องขอบคุณคุณยายของเธอที่พยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและสม่ำเสมอที่จะปฏิบัติต่อเธออย่างอบอุ่น เนอร์จึงรู้อย่างช้าๆ ว่าชื่อของเธอไม่ใช่ยัยเผือก

อย่างไรก็ตาม ความสงสัยของเธอยังคงดำเนินต่อไป เธอสงสัยว่าทำไมเธอถึงเข้ากับพี่น้องคนอื่นๆ ของเธอไม่ได้ เธอสงสัยว่าทำไมเมื่อเธอปรากฏตัวเสียงหัวเราะของพวกเขาก็หายไป และทุกคนก็กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง

ความสงสัยนี้เพิ่มมากขึ้นจนเนอร์ถามคุณย่าของเธอ

“คุณยาย หนูรู้สึกเหมือนว่าพี่ๆ เกลียดหนูเลย”

“…”

“…เป็นเพราะหางของหนูเหรอคะ? ถ้าหนูหางแบบพวกเขาแล้ว พวกเขาจะชอบหนูไหมคะ? หนูเสียใจนิดหน่อยเพราะหางของหนูมันมีสีแปลกไป…”

ยายของเนอร์ยิ้มอย่างเห็นอกเห็นใจและลูบหัวเธอ

“หางของหลานสวยมากเลยนะ”

“แล้วทำไมทุกคนถึงหลบหน้าหนูล่ะคะ…?”

“เป็นเพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าเนอร์ของยายน่ารักแค่ไหนน่ะสิ”

“…แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ล่ะ? ทำไมหนูถึงเล่นกับพวกเขาไม่ได้?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก คุณยายของเธอก็ให้คำตอบออกมา

“…ยายเล่าเรื่องแม่ของหนูให้ฟังเอาไหม?”

"ค่ะ"

“เป็นเพราะพี่น้องของหนูรักแม่ของหนูมาก เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะรู้เองว่าหนูน่ารักแค่ไหน เพราะอย่างนั้นได้โปรดรออีกสักหน่อเถอะย”

“อีกนานแค่ไหนเหรอคะ?”

"…นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น”

เมื่อเวลาผ่านไป ความปรารถนาของเธอที่จะอยากจะกลมกลืนกับพี่น้องของเธอก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ มันอาจเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในเผ่าพันธุ์ของเธอ

แม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รับความอบอุ่นมาก่อน แต่เธอก็โหยหามันมาก

เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เผ่ามนุษย์หมาป่าจะต้องเติบโตเป็นฝูง

เธออยากเป็นส่วนหนึ่งของเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกคนมีความสุข

เธอจึงเชื่อเพียงคำพูดของคุณยายและตั้งใจพยายามต่อไป

เธอพยายามทำตัวน่ารัก และให้ของขวัญทุกคน

เธอคอยช่วยเหลืองานของพ่อเธอด้วยซ้ำ

พี่น้องของเธอมักจะบอกว่าเนอร์น่ารำคาญและน่ารังเกียจอยู่เสมอ

เธอยังได้ยินพี่สาวคนโตของเธอบอกให้เธอหายไปได้ซะก็ดี

ทว่าเนอร์ไม่เคยยอมแพ้

เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะสามารถเข้าไปอยู่ในหมู่พี่น้องของเธอได้ ดังที่คุณยายของเธอได้กล่าวไว้

อย่างไรก็ตามบางครั้งในขณะที่พยายามทำเช่นนั้น น้ำตาก็ไหลรินออกมา

“…?”

เธออายที่ต้องเสียน้ำตาโดยไม่มีเหตุผล น้ำตานี้มักจะหลั่งออกมาเมื่อเธอเห็นพี่น้องของเธอเข้ากันได้ดีโดยไม่มีเธอ

มันแย่ยิ่งกว่านั้นเมื่อเธอเห็นพี่น้องของเธอยิ้มอย่างสดใส เมื่อเธอไม่ได้อยู่กับพวกเขา

ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เนอร์จะเช็ดน้ำตาอย่างกล้าหาญและคิดหาทางเข้าหาพี่น้องของเธอ

แต่ความพยายามของเธอพังทลายลง

วันหนึ่งเธอคิดว่าถ้าเธอทำสิ่งที่พี่น้องชอบมากที่สุด พวกเขาก็จะชอบเธอ

นั่นคือเหตุผลที่เธอเข้าไปในครัวและทำงานร่วมกับสาวใช้ทั้งวันเพื่อทำพายน้ำผึ้ง

เมื่อคิดว่าคราวนี้พี่น้องของเธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ เธอจึงเข้ามาหาพี่น้องของเธอที่กำลังเล่นเพลิดเพลินกันอยู่พร้อมกับพายในมือเล็กๆ ของเธอ

“น-นี่…เนอร์ทำอันนี้ให้ มากินด้วยกันเถอะ”

เธอรวบรวมความกล้า นำขนมมาให้ทุกคนด้วยความจริงใจ

แต่ปฏิกิริยาที่เธอได้รับกลับมีแต่ความเย็นชาอีกครั้ง

ฟึ้บ!

“ฉันบอกให้เธออย่าโผล่หน้ามาไง!”

ด้วยเสียงตะโกน พายของเธอก็หลุดออกจากมือและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

พายที่ทำด้วยความพยายาม ตกลงสู่พื้นโดยที่ยังไม่เข้าปากใครและพังทลายในที่สุด เธอหลั่งน้ำตาที่เธอเก็บเอาไว้มาทั้งชีวิตตรงนั้นทันที

ในใจของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าที่ไม่อาจแบ่งปันให้กับใครได้

“ฮือ...! อึก…ฮืออออออออ!”

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครปลอบใจเธอเลย ทุกคนจากไปเหลือเพียงเนอร์ที่ร้องไห้อยู่

เนอร์ยังคงยืนอยู่ที่นั่นหลายชั่วโมง น้ำตาด้วยความโศกเศร้าหลั่งมาไม่ขาดสาย

มันเป็นวันที่เธอละทิ้งความรักของพี่น้องด้วย

พอตกกลางคืน คุณยายของเธอที่ได้ยินข่าวก็มาหาเธอ

คุณยายของเธอกอดเธออย่างอบอุ่น และอุ้มเธอไว้แน่นในผ้าห่มขณะที่เธอวางเธอบนเตียง

“คุณยาย…ฮึก…ฮึก…”

“…ยายดุเด็กพวกนั้นให้แล้วนะ”

“อึก…พวกเขา…ฮึก…ทำเกินไปแล้ว…”

“….”

“…ฮึก…ตอนนี้หนู…หนูจะไม่พยายามอีกต่อไปแล้ว…ฮึก…ฮือออ”

“…”’

เธอออกจากผ้าห่มและโอบกอดแขนของคุณยายทันที

คุณยายของเธอกอดเธอแน่นและตบหลังเธอเบาๆ

เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นของคุณยาย เนอร์จึงระบายความรู้สึกอึดอัดในอกของเธอ

“คุณยาย ทำไมถึงโกหกหนูเหรอ? ฮึก…”

เธอยังทุบตียายของเธออย่างอ่อนแรงด้วยหมัดเล็กๆ ของเธอ

…ตุ้บ…ตุ้บ…

“ทุกคน…ทุกคนเกลียดหนู…ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์…”

“…”

“หนูเกลียดคุณยายด้วย…ฮือ… ถ้าไม่พูดแบบนั้น…หนูคงไม่ทำพายหรอก…”

เนอร์รู้สึกว่าคุณยายของเธอถอนหายใจยาว

“…ยายพูดเกินไปเองแหละ…ยายขอโทษ”

เมื่อคุณยายกอดเธอเอาไว้ เธอก็รู้สึกว่าถูกปลอบใจด้วยพลังแห่งอ้อมกอดของคุณยาย เธอไม่ได้ขออะไรมาก แค่ถูกกอดแบบนี้ก็เพียงพอที่จะปลอบใจเธอแล้ว

และในวันนั้นขณะที่คุณยายอุ้มเธออยู่เนิ่นนาน คุณยายก็ถามคำถามอย่างเงียบๆ ราวกับได้ตัดสินใจแล้ว

“…หลานรู้ไหมว่าคุณยายของหลานคนนี้เป็นหมอดูชื่อดัง?”

"…รู้ค่ะ"

“ยายขอดูดวงของหลานสาวยายหน่อยได้ไหม?”

“…จะดูไปเพื่ออะไรคะ?”

เพราะตอบคำตอบสั้นๆ ของเนอร์ คุณยายของเธอจึงตอบกลับไปซึ่งมันทำให้เธอมีความสุขยิ่ง

“เราจะรู้ได้ว่าใครจะอยู่เคียงข้างหนูในอนาคตยังไงล่ะจ้ะ”

"เอ๊?"

หูเธอกระดิกขึ้นทันทีและเงยหน้าขึ้นมองคุณยายของเธอ ปลายหางของเธอเริ่มแกว่งไปแกว่งมาเอง

เมื่อเห็นอย่างนั้น คุณยายของเธอก็ยิ้มอย่างใจดีและปาดน้ำตาออกจากตาของเนอร์

"มาดูกันเถอะ…"

คุณยายของเธอหลับตาลงแน่น และในไม่ช้า แสงสีส้มที่กะพริบเหมือนหิ่งห้อยก็เริ่มปรากฏรอบตัวเธอ

"ว้าว…"

เนอร์รู้สึกประทับใจกับภาพที่สวยงาม และในขณะที่สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้น ก็มีอะไรปรากฏขึ้นในดวงตาของคุณยายของเธอ

“…หึหึ”

คุณยายของเธอหัวเราะเบา ๆ

“…คุณยาย ทำไมเหรอคะ?”

“เนอร์ของเราจะเติบโตขึ้นอย่างงดงามเลย”

“…ไม่ต้องชมหนูขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้ว… ใคร…ใครจะเคียงข้างเนอร์เหรอ?”

“เป็นใครสักคน เป็นคนที่ไม่อาจละเลยเนอร์ที่น่ารักของยายได้”

เนอร์จดจ่ออยู่กับถ้อยคำแห่งความหวังที่ไหลออกมาจากปากของคุณยาย

“มีเด็กคนหนึ่งที่เหมาะกับหนูอย่างสมบูรณ์แบบ เขากล้าหาญ ช่วยชีวิตผู้คน อบอุ่น และใจดี เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนหลงรัก ถึงกระนั้นเขาก็จะตกหลุมรักหนูอย่างลึกซึ้ง และหนูก็จะตกหลุมรักเขาโดยธรรมชาติเช่นกัน”

“จะ…จริงเหรอคะ?”

“เขาก็จะอยู่เคียงข้างหนู และเขาจะปกป้องหนูมากกว่าใครๆ”

“แม้กระทั่งจากพี่สาว…พี่ชายเหรอ?”

“เขาจะปกป้องหนูจากผู้คนที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ แม้ว่าโลกจะต่อต้านหนู แต่เขาก็จะอยู่ข้างหนู ซึ่งมันก็คงเพียงพอแล้วที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแม้ว่าจะเหลือเพียงแค่สองคนในโลกนี้กระมัง? แม้แต่ยายเองก็ยังแปลกใจกับสิ่งที่เห็นเลยล่ะ”

"…โห้"

เนอร์คิดว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมากจริงๆ

“อืม…คนที่ช่วยชีวิตคนมากมาย…? ว้าว…เจ๋งจริงๆ! คนแบบนี้หายากไหมคะ?”

“ช่วยชีวิตผู้คนมากมาย…? เขาเป็นผู้กล้าเหรอคะ?”

"ก็อาจจะใช่"

“หมายถึงอะไรเหรอคะคุณยาย?”

“บางสิ่งมันคลุมเครือ และขุนนาง…ใช่แล้ว เขาเป็นคนสูงศักดิ์ ดูเหมือนเขาจะไม่มีปัญหาอะไรกับครอบครัวของเรา”

“ผู้สูงศักดิ์…”

เนอร์ยอมรับเรื่องราวทั้งหมดถึงเพื่อนใหม่ในอนาคตของเธอเป็นครั้งแรก

บาดแผลที่เธอได้รับจากพี่น้องค่อยๆ จางหายไป และถูกลืมไป

“เมื่อไหร่…หนูจะได้เจอเขาเมื่อไหร่เหรอคะ?”

“ยายไม่รู้เรื่องนี้เลย และ…โอ้”

สีหน้าของคุณยายเริ่มมืดมนลงไป

“…?”

แสงไฟรอบๆ คุณยายก็หายไป

ในห้องมืดสลัวอีกครั้ง คุณยายมองตรงไปที่เนอร์

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ถาม

“…ถ้าเด็กคนนี้ปรากฏตัว หนูจะทำดีกับเขาได้ไหม?”

“อะ แน่นอน หนูจะทำพายให้เขาทุกวันเลย”

“หนูจะทำดีกับเขาได้จริงๆ เหรอ? เขาดูเหมือนเด็กที่มีรอยแผลเป็นเหมือนกับหนูเลย”

"ได้สิค่ะ…! งั้นเดี๋ยวหนูจะคลายความเจ็บปวดให้เขาหมด! หนูจะเลียบาดแผลของเขา! และทำให้ความเจ็บปวดของเขาหายไป! หนูจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดีจริงๆ!”

"ดีแล้ว ยายเองก็คงไม่ต้องกังวล เนอร์ ยายไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่…”

"คะ?"

“อย่าปล่อยเด็กคนนั้นไปนะ”

คำเตือนของคุณยายฝังลึกอยู่ในจิตใจของเนอร์แข็งแกร่งกว่าความทรงจำอื่นใด

อาจเป็นเพราะเธอลืมความกลัวไปเล็กน้อย

“ถ้าหลานปล่อยชายคนนี้ไป…หลานอาจจะต้องเสียใจมาก อาจไม่มีใครที่หลานจะรักมากไปกว่าเด็กคนนี้ รู้ใช่ไหมว่าเผ่ามนุษย์หมาป่ารักคู่ชีวิตได้เพียงคนเดียว?”

"รู้ค่ะ หนูรักเรื่องราวนั้นมาก”

"งั้นก็ดีแล้ว…"

"…คุณยายคะ?"

คุณยายยิ้มเล็กน้อย

คุณยายปลอบใจเนอร์อีกครั้งและลูบหลังเธอ

“เอาล่ะ การทำนายดวงชะตาเสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าพ่อของหลานอาจจะเย็นชากับหลานไปบ้าง แต่หลานต้องเข้าใจนะ เขารักแม่ของหลานมาก”

"…ค่ะ พ่อของหนูไม่เคยทำร้ายหนูเลย”

“สักวันหนึ่งมันคงจะมาถึง วันที่เขาจะปฏิบัติต่อหลานอย่างอบอุ่น แค่ต้องอดทนอีกสักหน่อย”

"…ค่ะ"

จากนั้นเป็นต้นมา เนอร์ก็รวบรวมความมุ่งมั่นของเธอ

เมื่อเธอคิดถึงคู่ครองในอนาคตที่จะปรากฏตัวในสักวันหนึ่ง

ความเฉยเมยของพี่น้องก็ไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

หากคู่ของเธอปรากฏตัว ความรักของพี่น้องของเธอก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป

ตอนนี้ความเหงาสามารถอดทนได้อย่างง่ายดาย

คำทำนายของคุณยายทำให้เธอมีพลังมากขึ้น

ที่ไหนสักแห่งข้างนอกนั่น เขามีตัวตนอยู่

เธอคงได้เจอเขาสักวันหนึ่ง

เหมือนดั่งเจ้าหญิงที่ถูกขังอยู่ในหอคอย รอคอยเจ้าชายของเธอ เนอร์สามารถอดทนและฝันถึงวันแห่งความหวังนั้น

หลังจากวันนั้น เมื่อใดก็ตามที่เธอเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนอร์จะพูดคุยกับชายคนนั้นผ่านดวงจันทร์

ที่ไหนสักแห่ง พรหมลิขิตของเธอกำลังจ้องมองดวงจันทร์อยู่เหมือนกันอย่างแน่นอน

มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยามนี้เธอจะทำได้

“…ถึงมันจะแย่ที่เนอร์ต้องรอนานขนาดนี้ แต่หวังว่าคุณจะปรากฏตัวมาเร็วๆ นี้นะ”

เธอจับหางของเธอไว้แน่น สูดจมูกและพูดกับตัวเอง

“ถ้าคุณปรากฏตัว เนอร์จะดีกับคุณให้มากๆ ดังนั้นรีบมาเร็วเข้าและมาอยู่ข้างเนอร์เถอะ”

แม้ว่าเธอจะโตขึ้น แต่ก็ยังมีนิสัยเหมือนเดิม

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็รอคู่โชคชะตาของเธอ

เธอใช้เวลาหลายวันในการดูดวงจันทร์

ราวกับกำลังสวดภาวนาต่อพระเจ้า เธอจบลงในแต่ละวันด้วยการจ้องมองพระจันทร์อันเงียบสงบ

“…วันนี้มันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก”

เธอสารภาพความกังวลของเธอและเปิดเผยความเจ็บปวดของเธอ

“ฉันต้องรออีกนานแค่ไหนเพื่อให้คุณปรากฏตัว? หนึ่งเดือน? หนึ่งปีเหรอ?”

เธอโหยหาเขา คนที่เธอไม่เคยพบมาก่อน

มันรู้สึกเหมือนเธอได้รู้จักเพื่อน

การคงอยู่ของเขาเสมือนกลายเกราะของเธอ

เมื่อรู้ว่ามีอนาคตที่มีความสุขรออยู่ เธอจึงมั่นคงและไม่สั่นคลอน

แม้ว่าพี่น้องของเธอจะโหดร้ายกับเธอมากก็ตาม

แม้ว่าเธอจะถูกเยาะเย้ยเรื่องสีหางของเธอก็ตาม

แม้กระทั่งเมื่อมีข่าวลือแพร่สะพัดในอาณาจักรว่าเธอถูกสาปเพราะอุปนิสัยของเธอ

แม้ว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงความขมขื่นในดวงตาของพ่อของเธอในขณะที่เขาจ้องมองดูเธอ

…หรือแม้กระทั่งตอนที่คุณยายของเธอจากไป

แม้ว่าเผ่าของเธอจะถูกสัตว์ประหลาดเหยียบย่ำก็ตาม

เนอร์ทนทุกอย่าง รอคอยความสุขที่จะมาถึงสักวันหนึ่ง

…กำลังรอให้คู่ครองของเธอปรากฏตัวในสักวันหนึ่ง

"…ฉันเหรอคะ?"

แต่วันหนึ่งทุกอย่างก็พังทลายลงตามคำสั่งของพ่อเธอ

"ใช่ เป็นลูก"

ขณะนั้นเนอร์มีอายุยี่สิบเอ็ดปี

“ลูกจะต้องแต่งงาน เพื่อประโยชน์ของเผ่าเรา”

เนอร์เปิดปาก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา

รู้สึกเหมือนกับว่าจิตใจของเธอกำลังสั่นสะเทือนด้วยความตกใจครั้งใหญ่

“เป็นมนุษย์ที่มีอาชีพทหารรับจ้าง”

คุณยายของเธอบอกว่าเธอจะหลงรักเขาเพียงแรกพบ และอีกฝ่ายยังเป็นถึงขุนนางผู้สูงศักดิ์

ทว่าการแต่งงานอย่างกะทันหันที่พ่อของเธอเสนอนั้นกลับไม่ตรงกับสิ่งใดเลย

มันเป็นการแต่งงานที่ทำลายความฝันและความหวังที่เธอหวงแหนมาเป็นเวลานาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด