นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 523 - กลับสถาบัน!
“กัปตัน! คลื่นพลังงานถูกระบุว่าเป็นมนุษย์ค่ะ!!” นักบินอีกคนรายงานเสียงดังต่อออกมาอย่างเร่งร้อน
ดวงตาที่เปิดขึ้นอย่างเต็มที่แล้วของกัปตันจ้องไปที่นักบินสาวคนนั้น ก่อนจะเอ่ยซ้ำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องสอยให้ร่วงไปเลยไม่ใช่หรือ?”
“ค่ะกัปตัน!” เสียงตอบรับกลับมานั้นไม่มีความลังเลเหลืออยู่อีก
“กระตุ้นพลังงานปืนใหญ่!”
“กำลังล็อคเป้า… ล็อคเป้าสำเร็จ!”
“เตรียมยิง...”
“ยิงออกไปเสียทีเถอะ!” เสียงพึมพำอย่างรำคาญดังออกมาจากปาก ดวงตาของกัปตันปิดสนิทลงไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการพักผ่อนจริง ๆ
“ยิงด้วยพลังงานสูงสุด!”
“รอเดี๋ยว!.. กัปตันครับ! เป้าหมายคือ...”
ซูม!!!!!
สำแสงขนาดใหญ่พุ่งออกจากส่วนที่มีรูปร่างเหมือนจะงอยปากของเรือเหาะ การโจมตีครั้งนี้ถูกปล่อยออกไปด้วยอาวุธหลักประจำเรือเหาะเลยทีเดียว
เดวิดที่กำลังเหาะอยู่ด้วยความเร็วสูงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นสัญญาณบางอย่างบริเวณหน้าอกของตัวเอง มันบ่งบอกว่าตัวเองกำลังโดนล็อคเป้า!
และโดยที่ยังไม่ได้ขยับตัวทำอะไรเพื่อตอบสนอง ลำแสงจากปืนใหญ่ก็พุ่งออกมาจากเรือเหาะ ขนาดของมันน่าจะเพียงพอสำหรับเจาะทำลายภูเขาทั้งลูกเลยด้วยซ้ำ
เสียงคำรามดังขึ้นในลำคอเบา ๆ เดวิดยกมือข้างหนึ่งขึ้นบังใบหน้าด้านที่ฟลินท์เกาะอยู่เอาไว้ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อด้วยระดับความเร็วและทิศทางที่ไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่คิดจะหลบการโจมตีนี้เลยแม้แต่น้อย
ตูมม!!!!!
ลำแสงโจมตีพลังทำลายล้างสูงปะทะเข้ากับชั้นคลื่นพลังที่เดวิดปล่อยเอาไว้รอบตัวอย่างจัง คลื่นกระแทกอันรุนแรงแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณพร้อมกับคลื่นความร้อน แต่นอกจากใบหน้าที่บึ้งตึงขึ้น ร่างของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ ความเร็วลดลงอย่างฉับพลันด้วยแรงต้านอันมหาศาลที่เกิดขึ้น เดวิดลอยตัวนิ่งอยู่กับที่อย่างไร้รอยขีดข่วน
ภายในห้องควบคุมของเรือเหาะ ทั้งนักบินและเจ้าหน้าที่ทุกคนเบิกตากว้างมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง
“ก-กัปตัน! ส-สถานการณ์มัน..” นักบินที่ 1 เป็นคนแรกที่เปิดปากได้ แต่เขาก็พูดออกมาไม่จบประโยค
“อะไรอีก!?” เสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตัดบทออกมาเสียก่อน ดวงตาของกัปตันเปิดลืมขึ้นเต็มที่ มันถูกใช้กวาดมองไปที่ลูกทีมทั้ง 7 คนที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่ด้วยความรำคาญ
“เป้าหมายไม่ถูกทำลายค่ะ เขารอดมาได้” นักบินสาวตอบกลับออกมาอย่างรวดเร็ว
“งั้นก็ยิงซ้ำไปอีกสิ! มันจะยากอะไรกันนักหนา ทำไมพวกเธอต้องรบกวนการพักผ่อนของฉันด้วย!” เสียงบ่นพึมพำออกมาแบบไม่ชอบใจนัก สายตาถูกย้ายมองไปที่หน้าจอโฮโลแกรมบนแผงควบคุมด้านข้างที่นั่งของตัวเอง ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง
“หือ? ทำไมเป้าหมายถึงได้มีป้ายประจำตัวนักเรียนส่งสัญญาณออกมา?”
“กัปตัน! ผมพยายามรายงานแล้วครับแต่ไม่ทัน เป้าหมายเป็นนักเรียนของสถาบันเรา...” นักบินที่ 1 เอ่ยเสียงอ่อยออกมาในที่สุด
สีหน้าของกัปตันกลายเป็นดำคล้ำทันที สายตาและน้ำเสียงกลายเป็นเกรี้ยวกราด “พวกแกคิดจะทำอะไร? พวกแกเกือบจะฆ่านักเรียนไปแล้วรู้ตัวกันบ้างมั้ย?...”
เงียบกริบ! เหล่าลูกเรือทั้งหมดปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้ง ๆ ที่เรื่องในคราวนี้แทบจะไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลยก็ตาม
เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดยาวดังขึ้น ก่อนที่กัปตันจะลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูของห้องควบคุมด้วยการก้าวเท้ายาว ๆ พร้อมกับเสียงเข้มที่สั่งการออกมา
“เปิดประตูทางเข้าห้องโดยสาร แล้วก็อย่ามัวยืนนิ่งกันอยู่ ใครที่ไม่ได้ควบคุมยาน ตามฉันไปพบกับนักเรียนคนนั้นเดี๋ยวนี้!”
วูซ!!
ประตูห้องควบคุมถูกเปิดออกทันทีที่ลูกเรือคนหนึ่งกดปุ่มคำสั่งอย่างรวดเร็ว พวกเขาทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และมี 2-3 คนรีบขยับเดินตามกัปตันไปในทันที แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของตัวเอง แต่ผู้ที่มีอำนาจและแข็งแกร่งที่สุดในเรือเหาะคือกัปตัน การที่เขาไม่เอ่ยบทลงโทษใด ๆ ออกมาถือว่าทุกคนโชคดีมากจริง ๆ
ครึก! วูซ!!!
ประตูห้องโดยสารเปิดกว้างออก เดวิดที่ลอยตัวอยู่ด้านนอกหันหน้ากลับมามองด้วยความพึงพอใจ ดูเหมือนว่าการโจมตีจะเกิดจากความเข้าใจผิด จากรูปลักษณ์และลวดลายที่ปรากฏอยู่ เรือเหาะลำนี้เป็นของสถาบันแทมเบรียอย่างแน่นอน เขามาดักได้ถูกที่ถูกเวลาอย่างที่วางแผนเอาไว้ ที่สำคัญไปกว่านั้น นักบินเปิดประตูอนุญาตให้เดวิดเข้าไปในห้องโดยสารโดยไม่ต้องมีการสอบถามเลยด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับ! ผมชื่อเดวิด!” หลังจากเข้ามาด้านในของเรือเหาะได้ สิ่งแรกที่เขาทำคือกล่าวทักทายออกไปด้วยน้ำเสียง ใบหน้า และแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ 3-4 คนกำลังยืนรอต้อนรับอยู่ เดวิดโค้งหัวให้กับพวกเขาอย่างสุภาพ ดูจากลักษณะแล้ว คนที่ยืนอยู่หน้าสุดคงจะเป็นกัปตันของเรือเหาะลำนี้อย่างแน่นนอน!
“โอ้! เดวิดอย่างนั้นหรือ? เธอเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มาแลกเปลี่ยนที่นี่นั่นเอง แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้? ทำไมถึงได้ออกมานอกสำนักซิกนิสไกลถึงขนาดนี้ ต่อให้เดินทางเต็มกำลัง เรือเหาะลำนี้ยังต้องใช้เวลาอีกเกือบอาทิตย์กว่าจะเดินทางไปถึงเป้าหมายได้” คิ้วของกัปตันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสับสน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! พูดไปแล้วก็น่าอายจริง ๆ แต่ถ้าจะให้กล่าวกันตามตรงแล้วคือผมหลงทางครับ! การฝึกฝนในสำนักซิกนิสถึงคอขวดพอดี ทำให้ผมตัดสินใจออกมาทำภารกิจภายนอก แต่พอเข้ามาในป่าก็หาทางออกไม่ได้ ผมหลงอยู่ในนั้น 3-4 วันแล้ว พอดีระบบเตือนขึ้นมาว่ามีเรือเหาะของสถาบันอยู่ใกล้ ๆ ผมเลยรีบเหาะเข้ามาดักหน้าเอาไว้อย่างเต็มกำลังเลย ถือว่าโชคดีมากเลยครับที่ได้เจอกับพวกคุณ” เหมือนเช่นเคย เรื่องราวถูกเอ่ยออกมาจากปากของเดวิดอย่างไหลลื่น แววตาเอียงอายเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ถูกจับได้ว่าทำความผิด รอยยิ้มบนปากบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและโล่งใจเล็กน้อย
“อ้อ! ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดก็ถือว่าโชคดีจริง ๆ นั่นแหละ เอาหละ! ในเมื่อสถานะของเธอตอนนี้ก็เป็นการออกมาปฏิบัติภารกิจให้กับสถาบันเช่นกัน ฉันคงไม่มีอำนาจในการซักไซ้ไล่เรียงอะไรมากนัก แค่เธอปลอดภัยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว ไปหาที่นั่งพักผ่อนให้สบายเถอะ! พวกเราจะเดินทางไปที่สำนักซิกนิสกันต่อ เป้าหมายของการเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อรับพวกเธอทุกคนกลับไปที่สถาบัน ระยะเวลาในการแลกเปลี่ยนสิ้นสุดลงแล้ว!” แม้ว่าแววตาจะยังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่รอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฎอยู่บนใบหน้าของกัปตันระหว่างที่พูด หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาคือการรับนักเรียนทุกคนกลับไปที่สถาบันอย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องนักเรียนจะก่อเรื่องก่อปัญหาอะไร พวกเขาไม่ต้องรับรู้ด้วยเลย ยกเว้นว่าจะมีใครตามมาทำร้ายหรือเข่นฆ่าเท่านั้น แน่นอน! ในกรณีนั้นพวกเขาสามารถลงมือปกป้องได้อย่างเต็มกำลังเลยทีเดียว
“หืม? มารับกลับอย่างนั้นหรือ? เยี่ยมไปเลยครับ ผมเริ่มเบื่อที่นี่แล้วเหมือนกัน แต่! ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปที่สำนักแล้วครับ พวกเรากลับได้เลย! ถ้าผมได้ข้อมูลมาไม่ผิด คนอื่น ๆ ที่เหลือตั้งใจจะฝึกฝนอยู่ที่สำนักซิกนิสต่อ ไม่มีใครกลับไปที่สถาบันอีกนอกจากผมครับ” น้ำเสียงของเดวิดนั้นเต็มไปด้วยความดีใจ ก่อนจะกล่าวให้ข้อมูลต่อด้วยดวงตาที่ใสแป๋ว
สีหน้าของกัปตันมืดครึ้มลงทันทีที่ได้ฟังคำของเขา “เธอหมายความว่ายังไง?”
“อืม! ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ จะสมัครเป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของสำนักซิกนิสหมดแล้ว ก่อนจะออกมาทำภารกิจ เจ้าสำนักซิกนิสยังเรียกตัวผมเข้าไปถามอยู่เลยว่าจะอยู่ต่อเหมือนกับคนอื่นมั้ย? ผมอยากกลับไปที่สถาบันมากกว่า เลยตอบปฏิเสธไปครับ” ไหลลื่นราวกับมีน้ำมันเครื่องชั้นดีอมอยู่ในปาก คำพูดของเดวิดไม่มีอาการติดขัดเลยแม้แต่น้อย
“อ้อ! ถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดของผม ก็ลองติดต่อถามเจ้าสำนักดูก็ได้! คุณติดต่อกับเขาได้ใช่มั้ย? ตอนที่กล่อมผมให้อยู่ต่อเขาพูดถึงเรื่องการติดต่อออกมาอยู่เหมือนกัน บอกว่าจะยกเลิกเรือเหาะอะไรนี่แหละ!” เขากล่าวออกมาต่อพร้อมกับยักไหล่เบา ๆ
สีหน้าของกัปตันกลายเป็นบิดเบี้ยว หน้าต่างโฮโลแกรมเด้งออกมาจากข้อมือของเขาทันที หลังจากนั้นปากก็เริ่มพึมพำเหมือนกับกำลังติดต่อสื่อสารกับใครบางคนอยู่
ปัง!!!
เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องโดยสารถูกทุบจนยุบผิดรูปไปในทันทีที่หน้าต่างโฮโลแกรมของเขาปิดตัวลง
“ให้ตายสิ! เจ้าจิ้งจอกเฒ่าสาระเลวเอ้ย! ว่าแล้วทำไมถึงได้ยืดระยะเวลาการแลกเปลี่ยนให้ยาวขึ้น! สาระเลวจริง” เสียงสบถอย่างเกรี้ยวกราดดังออกมาจากปากของกัปตันอย่างยืดยาว เขาใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงได้อีกครั้ง
“หันหัวเรือเหาะ! มุ่งหน้ากลับสถาบันแบบเต็มกำลัง” เสียงสั่งการเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดดุดัน
“ส่วนเธอ! พักผ่อนอยู่ในห้องโดยสารแห่งนี้ได้ตามสบาย การเดินทางครั้งนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ทนหน่อยก็แล้วกัน!”
เดวิดผงกหัวรับรู้ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบขยับตัวไปหาเก้าอี้เพื่อทิ้งตัวลงนั่งอย่างเชื่อฟัง ดูเหมือนว่าโทสะของกัปตันคนนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย เขาไม่คิดที่จะแส่หาเรื่องยุ่งยากอะไรอีก
จนเมื่อกัปตันและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินเข้าไปในห้องควบคุมเรียบร้อย ลมหายใจอย่างโล่งอกก็ถูกระบายออกมาแบบยืดยาว
“เฮ้อ! ในที่สุดจะได้กลับเสียที” เดวิดพึมพำออกมา ในโลกใบนี้ ถ้าจะมีที่ไหนพอจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านสำหรับเขา มันคงเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ในหอพักนักเรียนห้องนั้นนั่นเอง...