1296 - บรรพชนจระเข้ตัวจริง
1296 - บรรพชนจระเข้ตัวจริง
กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาทะเลสีดำสนิทเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
แม้ว่าแสงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจะเป็นสีทองแต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย นี่เป็นพลังที่ชั่วร้ายอย่างสุดแสนซึ่งเย่ฟ่านรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ท่ามกลางแสงสีทองที่ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าจนยากจะจ้องมองออกไปตรงๆได้ เย่ฟ่านมองเห็นเพียงดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่มีขนาดใหญ่โตราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
เย่ฟ่านรู้ดีว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นใคร
บรรพชนจระเข้!
“ข้าใช้ความอดทนอย่างยาวนานมากกว่ายี่สิบปีเพื่อยึดเอาแก่นแท้ของนักบวชเหล่านั้นและรอคอยโชควาสนาแห่งสวรรค์พิภพ หากทำสำเร็จข้าจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายเจ้ากลับทำลายแผนการของข้า ซากศพของนักบวชทั้งหมดถูกดวงตาแห่งทะเลกลืนกินไปแล้ว เจ้าจะต้องชดใช้!”
เสียงคำรามแห่งความโกรธทะลุท้องฟ้า พลุ่งพล่านระหว่างสวรรค์พิภพราวกับโลกทั้งใบจะพังทลายลง
แม้ว่าบรรพชนจระเข้จะโกรธมาก แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยคล้ายกับไม่มีความผันผวนทางอารมณ์แม้แต่น้อย
“ปีศาจเฒ่าวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า”
เย่ฟ่านคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ในตอนแรกเขาคิดจะหลบหนีไปแล้ว แต่หลังจากพบใบหน้าของอีกฝ่ายความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ปราณปฐพีต้นกำเนิด... ช่างเป็นโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เป็นไปได้ไหมว่าสวรรค์ต้องการชดเชยสิ่งนี้จากความทุกข์ทรมานตลอดสองพันห้าร้อยปีของข้า”
นี่คือเซียนปีศาจที่แท้จริง เย่ฟ่านโกรธแค้นเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เลือกที่จะวิ่งหนีแต่ต้องการที่จะต่อสู้กับศัตรูคู่อาฆาตคนนี้อยากตรงไปตรงมา
“กว่ายี่สิบปีผ่านไปไม่คิดว่าเจ้าจะรอดชีวิตกลับมาได้จริงๆ”
จระเข้โบราณหัวเราะเยาะ จากนั้นร่างกายที่ใหญ่โตกว่าหนึ่งหมื่นวาของมันก็ปรากฏตัวออกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายให้แผ่ซ่านไปทั่วโลก
“บรรพชนจระเข้เจ้าทำร้ายเพื่อนของข้า เจ้าทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร?” เย่ฟ่านตะโกน
บรรพชนจระเข้มองลงมาด้านล่างพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ก็แค่แมลงไม่กี่ตัวเท่านั้น ต่อให้ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดข้าก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างใด”
สิ่งที่เขากล่าวเป็นความจริง ในระดับของเขามนุษย์ธรรมดาเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น การที่เขาจะฆ่ามดปลวกไม่กี่ตัวย่อมไม่จำเป็นต้องถามหาเหตุผล
“แล้วเหตุใดตัวเจ้าจึงไม่ขึ้นโลงศพไปที่ดาวดวงอื่นพร้อมกันกับเรา”
“เจ้าหมายถึงเรือโบราณลำนั้นหรือ ข้าจะไปเพื่ออะไรในเมื่อศากยมุนีอยู่ที่นั่น เหตุผลที่สองก็เพราะข้ากำลังรอที่จะช่วงชิงโชคชะตาของดาวดวงนี้อยู่”
เมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ ดวงตาที่เปื้อนเลือดของบรรพชนจระเข้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขากำลังจะช่วงชิงโชคชะตาแห่งดวงดาวรวมทั้งแก่นแท้แห่งชีวิตของอรหันต์ทั้งห้าร้อยคนได้แล้ว แต่สุดท้ายเย่ฟ่านกลับทำลายโชควาสนาของเขาไป
จากนั้นร่างขนาดใหญ่ของบรรพชนจระเข้ก็ย่อขนาดเล็กลงจนกลายเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะสีทองซึ่งมีความสูงประมาณหนึ่งวา (2 เมตร)
เขายืนอยู่ต่อหน้าเย่ฟ่านอย่างสงบ ความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวไม่เป็นรองเสมือนจักรพรรดิอย่างแน่นอน
ชุดเกราะสีทองของเขาเปล่งประกายแวววาว ชุดเกราะนั้นห่อหุ้มร่างกายทั้งตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา มีเพียงใบหน้าที่สง่างามเท่านั้นที่ปรากฏออกมาข้างนอก
“เจ้าหลุดออกจากการควบคุมมานานแล้วเหตุใดจึงไม่เดินทางไปที่โลก?”
แม้เย่ฟ่านจัดเต็มไปด้วยความเกลียดชังแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจความคิดของบรรพชนจระเข้
นั่นก็เพราะบรรพชนจระเข้มีพลังเทียบเท่าเสมือนจักรพรรดิ ต่อให้เขาเดินทางไปที่โลกชั่วคราวเขาก็สามารถกลับมาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย มันมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องอยู่ในดาวอังคารอันเงียบเหงานี้เพียงลำพัง
“เมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อนข้าทำงานหนักและข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวไปที่ดาวสีฟ้าดวงนั้นเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ แต่สุดท้ายข้ากลับถูกศากยมุนีปราบปรามอยู่ที่นี่”
ดวงตาของบรรพชนจระเข้เย็นลงเมื่อเขาเอ่ยถึงอดีต แต่คำพูดของเขายังคงมีทีท่าไม่แยแสเช่นเดิม
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมดวงดาวสีฟ้านั้นจึงไม่มีผู้บ่มเพาะเลย?”
แม้ว่าเย่ฟ่านต้องการกินเลือดกินเนื้อของบรรพชนจระเข้แต่เขาก็ยังสอบถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ออกไป
“ข้าพบกับถนนโบราณในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและแสวงหาความเป็นอมตะมาโดยตลอด ข้ามาที่นี่เพื่อไล่ตามความลับของผู้อมตะ แต่ข้ากลับถูกปราบปราม”
จิตสังหารในดวงตาของบรรพชนจระเข้พุ่งสูงขึ้น เขาสูญเสียความสงบนิ่งเป็นครั้งแรก
“เจ้ารู้ไหมว่าความลับที่แท้จริงของมังกรเก้าตัวที่ลากโลงศพนั้นคืออะไร?” เย่ฟ่านสอบถาม
เป็นเรื่องยากสำหรับเย่ฟ่านที่จะได้สนทนากับเซียนโบราณที่มีความรู้มากมายเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“เจ้าหนูเจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เจ้าฟัง”
กลิ่นอายสังหารของบรรพชนจระเข้เต็มท้องฟ้า ร่างกายของเขาปลดปล่อยคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวและเตรียมที่จะจัดการเย่ฟ่านทันที!
“ช้าก่อน รู้ไหมว่าข้ากลับมาโลกอื่นได้อย่างไร ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับศากยมุนี ถ้าเจ้าบอกความลับออกมา ข้าจะบอกความลับนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
เย่ฟ่านตะโกนอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้หวาดกลัวต่อบรรพชนจระเข้มากนัก นั่นก็เพราะในมือของเขายังมีไพ่ลับที่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้
อย่างไรก็ตามหากทำเช่นนั้นมันจะทำให้เขาสูญเสียข้อมูลที่พึงได้รับไป
“มังกรดึงโลงศพลึกลับและห่างไกลมาก ข้าเห็นมันมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อห้าพันปีก่อนบนดาวต้นกำเนิดชีวิตที่แตกสลายดวงหนึ่ง ข้าคิดว่าเมื่อเปิดโลงศพใบเล็กที่อยู่ข้างในขึ้นมันจะต้องมีความลับของความเป็นอมตะอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายสิ่งนั้นกลับทำลายรากฐานจักรพรรดิของข้าไป และทำให้ข้าพ่ายแพ้ต่อศากยมุนีในเวลาต่อมา” จระเข้โบราณกล่าวด้วยความโกรธแค้น
เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก จากคำพูดของบรรพชนจระเข้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เมื่อห้าพันปีที่แล้ว!
“เจ้าเกิดที่ไหน? มีดาวต้นกำเนิดชีวิตกี่ดวงในจักรวาลที่เจ้าจากมา? ความเชื่อมโยงของพวกมันคืออะไร? จุดสิ้นสุดของถนนโบราณบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอยู่ที่ไหน? มีผู้อมตะที่แท้จริงในโลกของเจ้าหรือไม่?”
เย่ฟ่านมีคำถามมากมายและต้องการรู้ข้อมูลทั้งหมด
อย่างไรก็ตามบรรพชนจระเข้เยาะเย้ยและกล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้ามีคำถามมากเกินไป ข้าจะบดขยี้วิญญาณของเจ้าจากนั้นจึงค่อยค้นหาว่าศากยมุนียังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
สิ้นเสียงมือขนาดใหญ่ของเขาก็ตบลงมาจากท้องฟ้าและทำให้สวรรค์พิภพสั่นไหวอย่างรุนแรง
เย่ฟ่านไม่รอช้าเขาปลดปล่อยเพลิงเก้าสีออกมาทั้งหมดและให้เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวกวาดเข้าหาบรรพชนจระเข้โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลงมือได้
“อา!!!”
บรรพชนจระเข้กรีดร้องและถอยกลับด้วยความเจ็บปวด ในขณะเดียวกันเย่ฟ่านก็กระตุ้นค่ายกลเคลื่อนย้ายทางไกลและหายสาบสูญไปจากตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว
“มนุษย์ตัวน้อยเจ้าจะหลบหนีไปที่ไหน…”
คำพูดของบรรพชนจระเข้นั้นเขย่าดาวอังคารให้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นร่างของเขาก็ได้ติดตามเย่ฟ่านมาอีกครั้ง
“เจ้าได้ฆ่าเพื่อนของข้าไปมากมาย ถึงเวลาที่ความแค้นของเราต้องจบลงแล้ว”
เย่ฟ่านคำรามอย่างเย็นชาก่อนจะนำไพ่ตายของตัวเองออกมาใช้
“ในสายตาของข้า เจ้าเป็นเพียงกลุ่มแมลงเท่านั้น ข้าจะสนใจด้วยหรือว่าในชีวิตนี้ฆ่าแมลงไปแล้วกี่ตัว” บรรพชนจระเข้กล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“วันนี้แมลงอย่างข้าจะเหยียบย่ำเจ้าให้ตาย”
เย่ฟ่านพยายามยั่วยุให้บรรพชนจระเข้เข้ามาใกล้ แต่ก่อนที่เขาจะหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมา ก็มีเสียงสวดมนต์ดังก้องสวรรค์พิภพออกมาจากดวงตาแห่งทะเล
ร่างกายของบรรพชนจระเข้แข็งค้างไปชั่วขณะ ในเวลาต่อมาเรือที่บรรจุพระอรหันต์ห้าร้อยคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างกายของพระอรหันต์ทั้งห้าร้อยคนล้วนเป็นซากศพไปแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกันก่อนจะเริ่มสวดภาวนาต่อศากยมุนีผู้ยิ่งใหญ่
“เจ้าเป็นพระพุทธเจ้าโบราณจากวัดต้าเล่ยหยิน เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ?” บรรพชนจระเข้ตะโกน
………….