ตอนที่แล้วบทที่ 5: วัยเด็ก (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: ความคิดแบบเด็กๆ (2)

บทที่ 6: ความคิดแบบเด็กๆ (1)


บทที่ 6: ความคิดแบบเด็กๆ (1)

นี่มันผ่านไปกี่วันแล้ว?

ฉันนั่งอยู่หน้าโบสถ์ รู้สึกราวกับว่าตนได้กลับมาสู่แดนแห่งความสกปรกของสลัมอีกครั้ง

แม้ว่าชีอันจะทอดทิ้งฉันไป แต่ฉันก็ไม่อาจปล่อยเธอจากใจไปได้

แม้ว่าฉันจะเข้าใจการกระทำของเธอ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดฉันถึงรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจเกินไป

แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น…แต่ฉันก็ได้แต่ค้นหาเป้าหมายที่จะระบายความโกรธ

ฉันไม่พอใจชีอันคนเดียวอยู่พักหนึ่ง น้ำตาของฉันไหลรินลงมาเมื่อนึกถึงเธอและกังวลเรื่องของเธอ

ฉันคิดว่าชะตากรรมที่มอบให้เธอนั้นมันโหดร้ายเกินไป

ชีอันผู้อ่อนโยนและใจดีจะสามารถรอดจากการต่อสู้กับราชาปีศาจและพวกเผ่าปีศาจได้ด้วยงั้นเหรอ?

แม้ว่าเธอจะมีบุคลิกที่อ่อนโยนและร่าเริง แต่เธอหลังจากเห็นโศกนาฏกรรมและความน่าสะพรึงกลัวอันเลวร้ายพวกนี้ เธอจะยังไหวหรือเปล่า?

เธอจะป่วยไหม? เป็นหวัดหรือไม่? เจ็บตัวหรือเปล่า?

ฉันได้แต่ตำหนิชีอันและสุดท้ายนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ฉันกังวลเรื่องเธอเท่านั้น

หากฉันถูกเลือกแทน ฉันคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้

แต่แล้วอีกครั้ง ถ้าฉันลองคิดดู…ชีอันเป็นคนที่คู่ควรกับความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ฉันเลย

หลังจากไปอยู่หน้าโบสถ์ได้ไม่กี่วัน ก็มีคนออกมาสะกิดฉัน

"ลุกขึ้นมา"

“…”

ฉันหันกลับไปและเห็นพาลาดินที่ฉันพบบ่อยๆ ในช่วงนี้

“อย่ามาอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องนายด้วย เพราะงั้นจงออกไปซะ”

“…”

“ในฐานะเพื่อนมนุษย์ ฉันรู้สึกเสียใจแทนจริงๆ”

ฉันได้แต่แค่นเสียงกับคำพูดของเขาเบาๆ ในลำคอ

เขารู้สึกสงสารจริงๆ แต่กลับเข้ามายุ่งระหว่างชีอันกับฉันแบบนี้เหรอ?

“…”

พาลาดินดูเหมือนจะเดาสาเหตุของท่าทางันได้ เขาจึงเริ่มอธิบาย

“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องปกป้องนักบุญหญิง ยิ่งเธออยู่กับนายมากเท่าไร พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็จะยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น เมื่อพิจารณาถึงชีวิตนับล้านที่เธอสามารถช่วยได้ เธอจึงต้องทิ้งนายไป”

“…”

“และไม่มีอะไรที่นายจะทำได้แล้ว เพราะหลังจากที่เธอเลิกกับนายไป นักบุญหญิงก็จากไปในวันรุ่งขึ้นของวันนั้นแล้ว”

"…อะไรนะ?"

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉันก็หันศีรษะไป

ฉันนั่งอยู่ที่นี่เพื่อไม่ต้องการให้ชีอันจากไป

ฉันไม่เห็นเธอเดินผ่านเลยและเธอก็จากไปแล้ว นั่นมันหมายความว่ายังไงกัน?

“…เธอออกจากเมืองผ่านทางลับเพื่อที่นายจะได้ไม่รู้  เพราะฉะนั้นได้โปรดกลับไปเถอะ”

“…ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เมื่อทราบข่าวไร้สาระนั้น ฉันก็ก้มหน้าลงและมองลงไปที่พื้น

ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจของฉันถึงเดือดปุดๆ เช่นนี้

เดิมทีความโกรธคงจะหายไปเมื่อฉันเห็นชีอัน

อารมณ์ที่บูดบึ้งอยู่ในตัวฉันยามนี้ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา

ฉันอยากจะคลายความหงุดหงิดสักหน่อย

พาลาดินวางมือบนไหล่ของฉันขณะที่ฉันยืนนิ่ง

"ลุกขึ้น"

ผลัวะ!

ในท้ายที่สุด ฉันจึงเลือกพาลาดินที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นเป้าหมาย

ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ในตอนแรก ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนี้ด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน ฉันพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน

ฉันถูกทุบตี และมีเลือดไหลออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย

แต่น่าแปลกที่บาดแผลเหล่านี้ทำให้ฉันกลับรู้สึกสดชื่น

ฉันต้องการบางสิ่งบางอย่าง อะไรก็ได้ที่เบี่ยงเบนความสนใจของฉัน

ฉันยอมทนต่อความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดทางกายมากกว่าความเจ็บปวดที่กัดกร่อนหัวใจ

เมื่อฉันหลับตาลง ร่างของชีอันก็ปรากฏอยู่ในใจฉันตลอดเวลา

กลิ่นกาย ความอบอุ่น และสัมผัสของเธอยังคงสดใส

ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอถูกพรากไปจากฉัน

ตั้งแต่การพบกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ความทรงจำที่เราแบ่งปันกันทุกสิ่งทุกอย่าง มันรู้สึกสดใสมาก

ฉันไม่สามารถยอมรับได้ว่าชีวิตเจ็ดปีที่เราอยู่ด้วยกันต้องจบลงเช่นนี้

เรากำลังวางแผนชีวิตที่มีความสุข...

ทั้งเธอและฉันกำลังเตรียมตัวใช้ชีวิตตามชีวิตในฝัน

แต่ทุกอย่างก็เลือนหายไป

แหมะ…

น้ำตาได้ไหลอาบหน้าฉัน ทำให้พื้นหินอันเย็นชาของเรือนจำเปียกชุ่ม

ฉันคิดถึงเธออีกแล้ว

ฉันออกจากคุกได้เร็วกว่าที่คาด

ทางคริสตจักรไม่ได้กล่าวหาฉันด้วยบาปข้อใด

“ต้องขอบคุณความเมตตาของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้แกไม่ต้องถูกลงโทษ”

ทหารยามที่ผลักฉันออกจากคุกกล่าว

“จงใช้ชีวิตด้วยความกตัญญูต่อพระคุณของเทพเฮ”

“…”

แทนที่จะตอบอะไร ฉันกลับเดินออกจากคุกและถ่มน้ำลายลงบนพื้น

ไม่มีความรู้สึกโล่งใจในการมีชีวิตอยู่เลย

แม้ว่าฉันจะตายไป ก็คงไม่มีความเสียใจ

ฉันแค่ไม่รู้สึกอะไรเลย

เมื่อชีอันจากไป มันรู้สึกเหมือนว่าเธอได้ดึงอารมณ์ความรู้สึกมากมายของฉันให้หายไปกับเธอ

เหลือแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

ฉันไม่สามารถหนีความเจ็บปวดที่รู้สึกในใจได้

มันทรมานเกินไป

ฉันรู้สึกเหมือนฉันสามารถทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดนี้อีกต่อไป

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ยิ่งใช้ชีวิตเหมือนขยะมากขึ้นไปอีก

ฉันติดอยู่ในสลัมที่แสงไม่ส่องเข้ามา

ผู้ที่ไม่สามารถหลบหนีจากสลัมได้ หรือผู้ที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างและจบลงในสลัมคือคู่ต่อสู้ของฉัน

ฉันไม่ได้เลือกปฏิบัติตามเชื้อชาติ

แค่สบตากับใครสักคน มันก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันที่จะชกหน้าพวกนั้น

การปะทะกับคู่ต่อสู้หลายคนพร้อมๆ กันกลายเป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้เกิดบาดแผลสะสมทั่วร่างกาย แต่ฉันก็พบว่าวิธีนี้ทำให้เจ็บปวดในใจน้อยลงไป

ในระหว่างการต่อสู้ ฉันสามารถทำตัวตามสัญชาตญาณได้

ฉันไม่สามารถหยุดร่างกายของฉันไว้ได้

ถ้าฉันหยุด ฉันจะคิดถึงชีอันที่จากฉันไปตลอดกาล

มันก็เป็นไปตามที่เธอพูด

คำพูดที่เธอพูดว่า “อย่าลืมฉันนะเบลล์” กลับกลายเป็นคำสาปที่ทรมานฉันตลอดเวลา

และทุกครั้งที่ความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น ฉันก็กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตประมาทมากขึ้นไปอีก

ต่อให้มีใครจะเอามีดมาจ่อที่หลังของฉัน ฉันก็คงจะแทบไม่สังเกตเห็น

หลังจากใช้ชีวิตแบบนั้นได้สองสามสัปดาห์ ฉันก็ได้รับชื่อเสียงฉาวโฉ่ในสลัมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อเด็กๆ ในสลัมเห็นฉัน พวกเขาก็ซ่อนตัวกันหมด

จำนวนดวงตาที่จ้องมองฉันจากเงามืดเพิ่มขึ้น และจำนวนครั้งที่ฉันเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่ถือมีดเมื่อฉันลืมตาจากการหลับก็เพิ่มขึ้น

ฉันได้รับบาดแผลมากขึ้นบ่อยครั้ง และรอยแผลเป็นบนร่างกายของฉันก็เพิ่มมากขึ้น

แต่ฉันไม่สนใจ

หากจะมีเป้าหมายใดในชีวิตยามนี้ นั่นคงเป็นการหาเครื่องดื่มเพื่อขจัดความเศร้าโศกภายในใจ

หลังจากชีอันจากไปแล้ว ฉันก็ย้ำอยู่อย่างนั้นอีกกว่าสองเดือน

ตึก ตึก

มีคนรบกวนการนอนหลับของฉัน

เมื่อฉันลืมตาขึ้นช้าๆ ฉันเห็นขาสองคู่อยู่ข้างหน้าฉัน

ตึก ตึก

มีคนสะกิดเท้าฉันเพื่อพยายามปลุกฉันให้ตื่น

"ตื่น"

ฉันก็ตั้งท่าต่อสู้ทันที

ฉันยืดขาออกไปเตะคอของอีกฝ่าย

ทว่าอีกฝ่ายก็ยกขาขึ้นราวกับว่าเขาได้คาดการณ์ไว้แล้ว

“ว้าว นั่นมันบ้าไปเลยแฮะ”

“…”

ทันทีที่ระยะห่างระหว่างเราไกลออกไป ฉันก็ลุกขึ้น

ฉันพยายามยกขวดที่ฉันเผลอหลับไปขณะดื่ม และทุบมันไปที่กำแพง

“…”

ภายในขวดเหลือเพียงน้ำแอลกอฮอล์อยู่น้อยนิดเท่านั้น

ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันพูดขึ้น

“นายคือ 'สิ่งโสมมแห่งสลัม' ใช่ไหม?”

“…”

“…นั่นคือชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกนายกัน แต่ว่านะ นายดูไม่เหมือนคนที่จะทำแบบนั้นเลย”

ฉันประเมินร่างกายคนที่พูด

เขามีร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่ มีน้ำหนักเกินเล็กน้อย เขาตัวเตี้ยกว่าฉันมาก แต่เขาดูแก่กว่าหนึ่งหรือสองปี

มีบางอย่างที่ฉันรู้สึกจากเขา

เหมือนว่า…เขาก็คงมาจากภูมิหลังเดียวกันกับฉันเช่นกัน แม้ว่าเขาจะแต่งตัวเรียบร้อย แต่ด้วยความที่มีต้นกำเนิดจากสลัม ฉันจึงรู้ได้ทันที

แขนของเขามีรอยแผลเป็น และมือของเขาดูหยาบกร้าน

ขณะที่ฉันตรวจสอบความคมของขวดที่แตก ฉันก็ถามเขา

“…มาเพื่อจับฉันเหรอ?”

"ใช่ ฉันได้รับเงินค่าหัวสำหรับล่าตัวนายมา”

ฉันกระชับมือจับขวดแก้วให้แน่นแล้วเดินเข้าไปหาเขา

แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็ยื่นมือออกมาเพื่อหยุดฉัน

“เดี๋ยวก่อน เรามาเริ่มด้วยการสนทนากันดีกว่า”

“…”

“นายอาจจะสงสัยเกี่ยวกับนายจ้างของฉันใช่ไหม?”

ฉันไม่ได้อยากรู้เป็นพิเศษ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้คนที่ต้องการแก้แค้นฉันมากกว่าสองสามคนไปแล้ว

แต่ชายคนนั้นก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขา

เหรียญสองเหรียญและเนื้อแดดเดียวที่กินไปแล้วบางส่วนอยู่บนมือของเขา

“มันเป็นค่าจ้างที่ฉันได้รับจากนายจ้างของฉัน นายพอจะเดาได้ไหมว่าเป็นใคร?”

“…มันค่อนข้างจะราาคาต่ำมากสำหรับชีวิตหนึ่ง”

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ให้ สิ่งนี้ถูกส่งมาให้เด็กๆ ในสลัม มันคงเป็นทุกสิ่งที่พวกเขามีกันแล้ว”

เมื่อฉันมองไปรอบๆ ฉันสังเกตเห็นเด็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพยายามปกป้องหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเขา

ในภาพนั้น ฉันเห็นความคล้ายคลึงระหว่างฉันกับชีอัน

คิ้วของฉันกระตุกโดยไม่รู้ตัว อารมณ์แปลกๆ แล่นผ่านหน้าอกของฉันชั่วครู่

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายผู้นี้ก็ยิ้มออกมา

"ดีนะ ที่นายไม่ใช่ขยะโดยสมบูรณ์”

เมื่อเขาพูดจบ ฉันก็เหวี่ยงขวดแก้วออกไปทันที

เพล้ง!

ทันใดนั้นลูกเตะของอีกฝ่ายก็โดนหน้าอกของฉันอย่างแม่นยำ

ฉันโดนชนเข้ากับผนังด้านหลัง ทำให้สูญเสียขวดใบนั้นไป

ฉันหายใจไม่ออก

ฉันบอกได้เลยจากการถูกโจมตีครั้งหนึ่ง ระหว่างฉันกับเขามีความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป

"ฮึ…!"

แต่ฉันยังคงสามารถยกร่างกายส่วนบนที่หายใจไม่ออกพยุงตัวเองขึ้นมาได้พลางกำหมัดแน่น

ตุ้บ!

ทว่าความพยายามนั้นก็ไร้ประโยชน์จนน่าหัวเราะ

ขณะที่เขาเตะขาของฉัน ฉันเสียการทรงตัวและล้มลงทำให้จุดศูนย์ถ่วงของฉันหายไป

เมื่อล้มลงเป็นครั้งที่สอง ฉันก็ลุกขึ้นอีกไม่ได้อีก ฉันได้แต่พยายามที่จะฝืนสูดลมหายใจของฉันเข้าไป

ชายคนนั้นนั่งลงตรงหน้าฉันแล้วพูด

“ฟังนะเด็กน้อย คำขอไม่ใช่การฆ่านาย แต่เพื่อกำจัดนาย”

“แค่ก…แค่ก…แค่ก…”

“พูดตามตรง ให้เนื้อมาเพื่อฆ่าใครสักคนเนี่ยนะ ฉันจะทำไปทำไมกัน? ที่จริงฉันทำเพื่อเด็กๆ ต่างหาก แต่ว่า…”

ความรู้สึกคลื่นไส้อย่างรุนแรงปรากฏในช่องท้อง ฉันอาเจียนแอลกอฮอล์ทั้งหมดที่ดื่มไปเมื่อวันก่อน

"อุ้บ…! แหวะ…!"

“ในตอนแรก ฉันกำลังมองหาคนแบบนาย ฉันกำลังมองหาคนที่เหมาะสมที่จะทำงานด้วย”

ชายคนนั้นเข้ามาตบหลังฉันขณะที่ฉันกำลังอาเจียนออกมา

“นายอยากจะเข้าร่วมเป็นทหารรับจ้างกับฉันไหม?”

“ฮ่า… ฮะ… อะไรนะ?”

ทหารรับจ้าง…

ใจฉันจมอยู่กับคำนั้น

'ห้ามไปเป็นทหารรับจ้างนะ…!'

เสียงร้องของชีอันจากอดีตดังก้องอยู่ในใจของฉัน

เธอสูญเสียพ่อแม่ของเธอเพราะสัตว์ประหลาดและเริ่มเกลียดพวกมันมากขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงออกไปสู้กับสัตว์ประหลาดและทิ้งฉันไว้ข้างหลัง

พอคิดว่าการสนทนาอาจจะยาวนาน ชายคนนั้นจึงนั่งบนพื้น และค่อยๆ เริ่มพูดราวกับว่าเขากำลังเล่าเรื่องให้เพื่อนสนิทฟัง

“ฉันกำลังวางแผนที่จะจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้าง แต่มันก็ค่อนข้างยากที่จะเริ่มต้นคนเดียว แต่ดูเหมือนนายจะรู้วิธีการต่อสู้ดี…อ่า ฉันควรจะแนะนำตัวเองก่อนดีไหม? ฉันชื่ออดัม”

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

“นายไม่จำเป็นต้องยอมรับหรอกหากนายไม่ต้องการ ฉันจะหาคนอื่น แต่ฟังนะ…ฉันมีอะไรจะพูด นายเองก็ชอบต่อสู้อยู่แล้ว ทำไมไม่สู้เพื่อรับค่าตอบแทนล่ะ”

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

“นายสามารถหาเงิน และดื่มเหล้าแพงๆ ได้อย่างจุใจ นอนกับผู้หญิงได้ตามที่นายต้องการ หลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน นายก็สามารถกลับมาแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่น เพลิดเพลินกับอาหารมื้ออร่อย และใช้เวลาทั้งวันไปแบบนั้น”

“ไปซะ…ฉันไม่สนใจหรอก”

แม้ว่าฉันจะปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด แต่อดัมก็โต้ตอบทันที

“แต่นายดูเหมือนต้องการหาคนมาระบายความโกรธของนายไม่ใช่เหรอ?”

“…”

คำพูดของเขาทำให้ฉันพูดไม่ออก

“ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น นายคงไม่ต่อสู้แบบนี้”

ฉันค่อยๆ ลดสายตาลงไปที่พื้นพร้อมกับสบตากับเขา

ฉันได้แต่รู้สึกพะอืดพะอมหลังขับของเสียออกจากอวัยวะภายใน

“เพียงแค่เปลี่ยนทิศทางความโกรธของนาย อย่ามาทรมานผู้บริสุทธิ์ที่นี่เลย”

“…”

ดวงตาของฉันมองไปยังเด็กชายและเด็กหญิงที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้

เมื่อเห็นสายตาของฉัน เด็กผู้ชายก็พยายามบังเด็กสาวไว้อีกครั้ง

ในขณะนั้น ฉันก็เริ่มสงสัยว่าฉันมาทำอะไรที่นี่

มันตรงกันข้ามกับความคิดของฉันที่ว่าความเจ็บปวดจะบรรเทาลงเมื่อทำเช่นนี้ มันรังแต่จะทำให้รุนแรงขึ้นเท่านั้น

ตัวฉันมันรู้สึกเหมือนกำลังดิ้นรนอยู่ในหนองน้ำ

ฉันยังหนีความเจ็บปวดไม่พ้น

เมื่อฉันตื่นจากการหลับใหลที่เกิดจากแอลกอฮอล์ ความเหงาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเพราะชีอันหายไป

ยิ่งกว่านั้น คำพูดของชายชื่ออดัมที่ทิ้งไว้ก็เริ่มเติบโตภายในตัวฉันโดยไม่รู้ตัว

มันเป็นความคิดแบบเด็กๆ

มันเป็นงานรับจ้างที่ชีอันเคยเตือนฉันไว้

เธอพยายามขัดขวางไม่ให้ฉันไปทำอาชีพนั้น

แต่ตอนนี้ไม่มีใครเหลือที่จะหยุดฉันได้อีกต่อไป

เช่นเดียวกับที่ชีอันไม่ฟังคำวิงวอนของฉัน ฉันก็ไม่อยากฟังคำพูดของเธอเช่นกัน

ฉันพบช่องทางระบายความโกรธแล้ว

“ว่าไง? นายอยากจะลองดูไหม?”

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด