บทที่ 5: วัยเด็ก (5)
บทที่ 5: วัยเด็ก (5)
เวลาผ่านไป ฉันยืนอยู่คนเดียวหน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชีอัน
ฝูงชนที่มารวมตัวกัน เหล่าอัครสาวกของเฮผู้เป็นเทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ได้หายไปแล้ว และก็ไม่มีใครพบเห็นชีอันอีกเลย
ภาพของเธอที่ถูกพาตัวไปยังคงอยู่ในใจของฉัน
ฉันพยายามเหวี่ยงหมัดเพื่อหยุดพวกมัน แต่สิ่งที่โต้กลับมาคือการโจมตีจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์หลายคนหรือที่เรียกตัวเองว่าพาลาดิน
เมื่อเห็นฉันต่อสู้ด้วยชีวิต ชีอันจึงตัดสินใจตามพวกเขาไปก่อน
เธอหยุดฉัน และบอกว่าถึงแม้ฉันจะเอาชนะอัศวินที่อยู่ตรงหน้าได้หมด พวกเขาก็จะยังคงมาเรื่อยๆ
สุดท้ายมันก็ลงเอยเช่นนี้
“ถุ้ย…” ฉันพ่นเลือดที่ค้างอยู่ในปากที่แตกออกมา
บาดแผลทั่วร่างกายของฉันมันทั้งเจ็บและทำให้ตัวฉันสั่นเทา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรเทียบได้กับความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกในใจถึงการหายตัวไปของชีอัน
ราวกับว่ามีอะไรมาเจาะที่หน้าอกของฉัน ความกดดันอันหนักหน่วงที่ว่างเปล่ายังคงทรมานฉันต่อไป
'เกิดอะไรขึ้นกัน?'
'เสาแห่งแสงเมื่อวานคือการคัดเลือกผู้กล้างั้นเหรอ?'
'แล้วชีอันจะกลับมาหาฉันได้ไหม?'
เมื่อไม่มีใครพูดอะไรสักคำ จินตนาการอันวิตกกังวลของฉันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งช่วงบ่ายวันนั้น ในที่สุดชีอันก็สามารถกลับมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้
“….ชะ…ชีอัน?”
อย่างไรก็ตาม การแต่งกายของเธอแตกต่างออกไปมาก
เธอสวมเสื้อผ้าที่ประดับลวดลายของ 'เฮ' เทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ มีลวดลายสีทองขนาดใหญ่บนเสื้อผ้าของเธอ
มันเป็นภาพที่ทำให้เธอมีภาพลักษณ์ของนักบุญในทันที ทำให้ทุกคนตกตะลึง
และรอบๆ ตัวเธอ ก็มีพาลาดินหลายคนกำลังคุ้มกันเธอ
ฉันชมเธอเสมอเมื่อเธอได้สวมเสื้อผ้าใหม่ แต่คราวนี้ ไม่มีแม้แต่คำพูดใดหลุดออกจากปากของฉัน
ฉันต้องการเห็นเธอในชุดเรียบง่าย มากกว่าเสื้อผ้าหรูหราเหล่านั้น
ชีอันเดินมาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้
“…”
“…”
ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งและพยายามจับมือเธอ
ผลัวะ!
แต่ทันใดนั้นพาลาดินที่ยืนอยู่ข้างเธอก็สะบัดมือของฉันออกไปและขวางเธอเอาไว้
“อย่ามาแตะต้องท่านนักบุญหญิงนะ”
ตุ้บ!
ด้วยความโกรธที่เกิดขึ้นทันที ฉันเหวี่ยงหมัดไปที่พาลาดิน
และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
พาลาดินที่ฉันโจมตีพยายามดึงดาบออกจากเอวของเขา
“ได้โปรดหยุดที….!”
ชีอันหยุดพาลาดินไม่ให้ดึงดาบออกมาด้วยเสียงร้อนรน
พาลาดินปฏิบัติตามคำพูดของชีอันอย่างเชื่อฟังด้วยสีหน้าสับสน
“…เข้าใจแล้วครับ”
พาลาดินที่ถือดาบออกไปและขู่ฉัน
“จากนี้ไป อย่าริอาจวางมือบนร่างบริสุทธิ์ของท่านนักบุญหญิงโดยประมาทอีก”
"คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ชีอันเป็น…”
“อย่าพูดกับเธอแบบไม่เป็นทางการ ท่านนักบุญหญิงไม่ใช่คนที่แกรู้จักเมื่อวันก่อนนี้ ตอนนี้เธอเป็นผู้กล้าที่ถูกเลือกโดยเทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ และเพื่อประโยชน์ของทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้ นักบุญจะต้องรักษาความบริสุทธิ์ในร่างกายของเธอเอาไว้”
ฉันทนไม่ได้ที่พาลาดินพูดถึงชีอันในลักษณะนี้ ฉันรู้จักชีอันดีที่สุด ชีอันก็เป็นของฉันเช่นเดียวกับที่ฉันเป็นของเธอ ไม่มีที่ว่างให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซง แม้แต่เพื่อนของฉัน แม็กซ์และฟลินท์ก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะถูกข่มขู่เพียงเพราะเขารู้วิธีใช้ดาบ
ฉันรู้สึกถึงความโกรธที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา และฉันก็เข้าไปหาพาลาดินอีกครั้ง
"…เบลล์!"
ชีอันห้ามฉันอีกครั้ง
ความสนใจของฉันเปลี่ยนมาที่เธอ
และเมื่อฉันมองดูเธอ ความโกรธของฉันก็หายไปในทันที
สถานการณ์ที่ไร้สาระเมื่อครู่ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ยุติธรรมยิ่ง
“ชีอัน… นี่มันอะไรกัน…?”
“ท่านนักบุญหญิง”
เป็นอีกครั้งที่พาลาดินเข้ามาแทรกแซง
ชีอันดูเหมือนหงุดหงิดกับการปรากฏตัวของเขา ดังนั้นเธอจึงขึ้นเสียงโดยไม่แสดงความโกรธใดๆ
“ไม่เป็นไรหรอกถ้าเบลล์จะเรียกชื่อฉัน…! และได้โปรดอย่าพูดอะไรขัดจังหวะอีกเลย…”
“…”
ไม่นานเราก็สบตาและพูดคุยกันอีกครั้ง
“ชีอัน… เกิดอะไรขึ้น? เธอไปคุยเรื่องอะไรที่นั่นมา?”
“…”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชีอันยังคงนิ่งเงียบ
ดูเหมือนเธอมีอะไรจะพูดมากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้ ราวกับว่าริมฝีปากของเธอถูกปิดสนิท
ฉันพบว่าการกระทำของเธอมันช่างน่าหงุดหงิดอย่างไม่น่าเชื่อ
ฉันอยากจะเชื่อใจเธอ แต่การที่เธอเก็บข้าวของหลังจากกลับมา มันทำให้ฉันกังวลใจอย่างมาก
ชีอันหลับตาลงแน่นแล้วมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มฝืน
“…เจ็บไหม?”
เธอพูดในขณะที่มองดูบาดแผลของฉัน
ฉันคิดอยู่นานก่อนจะตอบ
"…เจ็บ"
ชีอันกลั้นน้ำตาและยื่นมือไปหาบาดแผลของฉัน
เธอไม่ได้แตะต้อง แต่แค่วางมือไว้ตรงหน้าอาการบาดเจ็บ
ในไม่ช้ามือของเธอก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา และบาดแผลของฉันก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว
“…”
“…”
ปาฏิหาริย์นั้นทำให้ฉันสิ้นหวังอย่างยิ่ง
“…มันไม่สมเหตุสมผลเลย ชีอัน”
“…”
"…มันเกิดขึ้นได้ยังไง?"
“…”
“ทำไม… ทำไมอะไรแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา”
ฉันพยายามจับมือเธอขณะที่พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
อย่างไรก็ตาม ชีอันรีบก้มศีรษะลงและซ่อนมือไว้
มือของฉันได้แต่จับผ่านอากาศที่ว่างเปล่า
และเธอก็พูดขึ้น
“…ฉันคิดว่าฉันจะไม่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกต่อไป ฉันตัดสินใจไปที่โบสถ์ใหญ่ด้านบนนั้นแล้ว…จากนี้ไปได้โปรดมาเยี่ยมฉันที่นั่นแทนเถอะนะ”
"หา..."
“ฉันจะแก้ไขทุกอย่างเอง เบลล์”
เธอได้ตัดสินใจแล้วจากคำพูดของเธอ
ไหล่ของเธอสั่น แต่เธอพูดราวกับว่าเธอต้องการทำมันมากกว่าใครๆ
“มันคงจะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ดังนั้น…หลังจากแก้ไขทุกอย่างแล้ว ฉันจะรีบกลับมาหานะ”
เหล่าพาลาดินกลอกตาและมองไปที่ชีอัน
ชีอันพูดต่อโดยไม่สนใจการจ้องมองของพวกเขา
“ดังนั้น…ช่วยรอฉันอย่างปลอดภัยจนถึงตอนนั้นได้ไหม?”
มีเพียงคำตอบเดียวที่ฉันจะมอบให้เธอได้
ฉันพยักหน้าเงียบๆ และต้องปล่อยเธอไป
เราที่จะกลายเป็นคู่รักในอนาคตก็ต้องเชื่อใจกัน
ฉันมักจะรอชีอันอยู่นอกโบสถ์
เธอมักจะออกมาเจอฉันเสมอ
มันไม่สบายใจเลยที่มีพาลาดินและนักบวชติดตามเธอมาด้วยหลายคน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอเธอ
ในตอนแรกแค่เห็นหน้ากัน มันก็ทำให้ฉันพอใจแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันยิ่งรู้สึกกระหายมากขึ้น
เป็นเวลานานแล้วที่ฉันจับมือเธอ
เป็นเวลานานแล้วที่เรากอดกัน
ฉันไม่เคยรู้สึกเหงามาก่อน ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเหงา
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นระหว่างเรา
สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากพอที่จะให้เราสังเกตเห็น
ใบหน้าของชีอันเหมือนเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฉันยิ่งทิ้งห่างตัวออกไป
เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่เราสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของกันและกันได้อย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่สิ่งนี้เกิดขึ้น ฉันนึกถึงคำพูดที่ชีอันพูดกับฉัน
เธอขอให้ฉันรอ โดยสัญญาว่าจะแก้ไขทุกอย่างแล้วกลับมาหาฉัน
ฉันแน่ใจว่าชีอันเองก็กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย แม้เธอจะอ่อนโยนและขี้อาย แต่เธอก็มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนครั้งที่เธอมาพบฉันกลับลดลง
จากหลายครั้งต่อวันเป็นสี่ครั้ง จากนั้นสองครั้ง และสุดท้ายเพียงครั้งเดียว
มันค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนมีวันที่เธอไม่มาพบฉันเลย
จากนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรอเธออยู่ข้างนอกทั้งคืนโดยไม่อาจพูดอะไรได้
แม้ว่าฉันจะออกไปเที่ยวข้างนอกโบสถ์แบบนี้ แต่ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วโลกก็เข้ามาในหูของฉันทีละคน
เสียงผู้คนที่มาโบสถ์เพื่ออธิษฐานดังก้องไปทั่ว
มีข่าวลือว่าการกำเนิดของราชาปีศาจนั้นเป็นเรื่องจริง และมีผู้กล้าหลายคนได้ปรากฏตัวออกมา
พวกเขากล่าวว่าเสาแห่งแสงคือการคัดเลือก เหล่าผู้กล้าจะปกป้องความปลอดภัยของโลก และในเมืองของเรา พวกเขากล่าวว่านักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้น
ฉันพยายามปฏิเสธข่าวลือเหล่านั้น
ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าชีอันเป็นหนึ่งในผู้กล้าที่ต้องต่อสู้กับราชาปีศาจ
เพราะเธอสัญญาว่าจะกลับมาหาฉัน...
ฉันยึดมั่นในคำสัญญาของชีอันอย่างแน่วแน่
หากเพื่อนในสลัมเห็นฉันแบบนี้ พวกเขาคงจะเยาะเย้ยฉันอย่างแน่นอน
แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ฉันไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีชีอันได้อีกต่อไป
มันเป็นเวลาสามวันแล้วที่ฉันไม่สามารถพบกับชีอันได้
ในที่สุดเมื่อประตูโบสถ์เปิดออก ฉันก็ตระหนักว่าถึงเวลาพบชีอันอีกครั้งแล้ว
“…”
อย่างไรก็ตาม มันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ชีอันเป็นผู้นำทางออกจากโบสถ์ แต่ตอนนี้มีอัศวินที่คุ้มกันเธอกำลังนำทางออกไป
ชีอันไม่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอีกต่อไปและไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉัน
เธอเดินออกไปอย่างช้าๆ และก้าวอย่างระมัดระวัง โดยมีผู้คุ้มกันรายล้อมเธอ
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั้นทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ
ไม่นานเธอก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
"…ชีอัน"
“…”
ฉันเรียกชื่อเธอ แต่เธอไม่ตอบอะไร
ฉันมองดูใบหน้าที่สวยงามของเธอแล้วถามว่า “…เธอร้องไห้หรือเปล่า?”
ไหล่ของเธอสั่นเทากับคำพูดเหล่านั้น
แม้ว่าเธอจะพยายามซ่อนมันจากฉัน แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้
เมื่อถามฉัน ริมฝีปากของชีอันก็เริ่มสั่นไหว
สักพักชีอันก็พูดกับฉันด้วยสายตาที่คล้ายมีน้ำตาไหลรินออกมา
“ฉันไม่ได้ร้องไห้”
“…”
แค่ดูเผินๆ ฉันก็บอกได้เลยว่ามันเป็นเรื่องโกหก
ฉันรู้สึกราวกับว่าเธอตัดสินใจโกหกตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวออกจากโบสถ์
ฉันสับสนกับเรื่องทั้งหมดนี้
ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังทิ่มแทงหัวใจ ความรู้สึกไม่สบายใจกำลังดึงตัวฉันลงไป
ฉันคว้าไหล่ของชีอันอย่างระมัดระวัง
พาลาดินรอบตัวเธอพยายามไล่ฉัน แต่คราวนี้บิชอปก็หยุดพวกเขาไว้
“มันเป็นครั้งสุดท้าย ให้เขาได้พูดเถอะ…มันไม่เป็นไรหรอก”
"…ครั้งสุดท้ายงั้นเหรอ?"
ฉันทวนคำพูดของบิชอป
หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะระเบิด
ฉันมองลงไปที่ชีอัน
ราวกับว่าชีอันกำลังจะตอบคำถามฉัน เธอหายใจเข้าลึกๆ และเปิดปากของเธอ
“…เบลล์ ฉันเป็นนักบุญหญิง”
“…”
“ฉันก็พยายามปฏิเสธเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันยอมรับมันแล้ว รอยบนหลังมือของฉันจะไม่หายไป และฉันสามารถรักษาบาดแผลของผู้คนได้ด้วยมือของฉัน… เมื่อเร็วๆ นี้ แม้กระทั่งเทพเฮก็ปรากฏตัวในความฝันของฉัน”
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น กลับกันเถอะชีอัน”
ชีอันส่ายหัวช้าๆ
“…มันไม่ใช่อย่างนั้นเบลล์ ดูเหมือนว่ามันเป็นโชคชะตาของฉันที่จะต้องปกป้องผู้คนจากปีศาจและสัตว์ประหลาด”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย! ปีศาจและสัตว์ประหลาดบ้าอะไรกัน…!”
คำพูดที่รุนแรงออกมาจากปากของฉันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพูดเช่นนั้น ชีอันก็ย่อตัวลง ด้วยท่าทางเล็กๆ น้อยๆ นั้น ฉันรู้สึกเสียใจกับคำพูดของตัวเอง แต่สิ่งที่ฉันพูดไปนั้นไม่อาจย้อนกลับไปได้
ฉันจึงได้แต่สงบลมหายใจและพูดต่อ
“…ไม่มีอะไรที่เธอเกลียดไปกว่าสัตว์ประหลาดไม่ใช่เหรอ…?! เธอยังบอกฉันเลยไม่ใช่เหรอว่าอย่าทำงานเป็นทหารรับจ้าง…!”
ชีอันหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง จากนั้นจึงหายใจเข้าลึกเป็นครั้งสุดท้าย
ด้วยดวงตาที่เปียกชื้น เธอมองตรงมาที่ฉันแล้วพูด
“พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองหลวง”
“…”
ชีอันไม่สนใจคำพูดของฉัน เธอพูดเพียงสิ่งที่เธอต้องการจะพูดเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามส่งข้อความถึงฉัน
ฉันกัดฟันและเพิกเฉยต่อข้อความนั้น
“…ฉันจะตามไป”
“…ไม่ อย่าตามฉันมา”
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้จะออกมาจากปากของชีอัน
“ถ้าฉันอยู่กับเบลล์…พลังที่ฉันได้รับจากเทพเฮจะยังคงอ่อนกำลังลง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้มันอ่อนลงไปเลย ไม่เห็นต้องสนใจมันเลย…!”
"…ไม่"
“…”
ขณะที่มองชีอันแบบนั้น ฉันก็หันหน้าไปมองคนพวกนั้น
ฉันมองไปที่บิชอปและอัศวินที่อยู่ข้างหลังฉันแล้วตะโกน
“พวกแกทำอะไรกับชีอันลงไป?”
“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยเบลล์”
“…”
“…ฉันเลือกที่จะทำมันเอง”
ฉันจะเชื่ออย่างนั้นได้ยังไง?
เมื่อคำโกหกนั้นชัดเจนมาก
แค่เห็นเธอกุมนิ้วของตนเองแน่นก็บอกได้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มันเป็นนิสัยของเธอเมื่อเธอโกหก
ฉันดึงไหล่ของชีอัน แล้วกดหน้าผากของฉันกับเธอเข้าหากัน
สำหรับคนอื่น มันอาจดูใกล้ชิดเกินไป แต่ก็เป็นการกระทำที่คุ้นเคยสำหรับเรา
ฉันกระซิบกับเธอเพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยินฉัน
“…ชีอัน…ทำไมถึงทำแบบนี้…เธอบอกว่าจะกลับมาหาฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน…”
“…เบลล์…หลายร้อย…หลายพัน หลายล้านชีวิตอยู่ในมือของฉัน”
“…”
“ชีวิตจำนวนมากเกินไปที่ยากที่ฉันจะเมินเฉย เพื่อเห็นแก่พ่อแม่ของฉันที่เป็นหมอ…ฉันจึง…”
เดิมทีเธอเป็นคนใจดี
แต่ด้วยความเห็นแก่ตัว ฉันจึงหวังว่าเธอจะเลือกฉัน
เหนือผู้คนนับล้าน ฉันอยากให้เธอให้ความสำคัญกับฉันมากกว่า...
เพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำ
“ถ้าเป็นนาย นายจะทำตัวแตกต่างไปจากฉันไหม…?”
ราวกับอ่านใจของฉันได้ในทันที ชีอันก็ถามออกมา
"แน่นอน ว่าฉันจะ…."
“แล้วถ้าฉันถูกรวมอยู่ในคนนับล้านพวกนั้นล่ะ?”
“…”
คำพูดของชีอันทำให้ฉันพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ฉันอ้าปาก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
ฉันจินตนาการว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์แบบเธออีกครั้ง
หากฉันได้รับคำทำนายแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าการอยู่ด้วยกันอาจหมายถึงความตายของชีอัน
ฉันเมินเฉยต่อความเป็นไปได้เล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นได้หรือเปล่า?
“…ชีอัน… ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะรอจนกว่าเธอจะกลับมา…”
“ฉันจะไม่กลับมา”
"…อะไรนะ?"
ชีอันเช็ดน้ำตาของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
“เมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันจะกลายเป็นผู้กล้า แล้วทำไมฉันถึงต้องกลับไปอยู่เคียงข้างนายกันล่ะ?”
“…”
“ฉันจะสวมเสื้อผ้าที่สวยงามและกินอาหารที่แสนอร่อย ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องกลับมาเลย”
เธอเป็นคนที่บอกว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด แม้ว่าเราจะยากจนมากก็ตาม
เธอเป็นคนที่บอกว่าเธอต้องการแค่ฉันเท่านั้น
ดังนั้นคำพูดของเธอเหล่านี้มันย่อมต้องเป็นการโกหกอย่างชัดเจน แต่ทำไมฉันถึงไม่เชื่อกัน?
ฉันรู้ว่าคำพูดของเธอไม่จริง แต่คำพูดเหล่านั้นมันกลับฝังลึกอยู่ในใจฉัน
อาจเป็นเพราะฉันยากจนมาก จนฉันไม่สามารถโต้แย้งกลับได้
บางทีอาจเป็นเพราะฉันที่ฉันบอกให้เธอสละทรัพย์สมบัติของพ่อแม่
ชีอันปล่อยมือของฉันที่จับไหล่ของเธอไป
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็มีจิตใจเย็นชาราวกับกำลังตั้งปณิธานแน่วแน่
“…มิตรภาพอันแน่นแฟ้นของเราจบลงที่นี่”
“…”
เธอเตรียมตัวกับการพรากจากกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
'เธอเตรียมตัวมานานแค่ไหนแล้ว เพื่อที่จะพูดสิ่งที่โหดร้ายแบบนี้'
เธอเจ็บปวดกับคำพูดพวกนี้มากแค่ไหนกันนะ?
ฉันพยายามเข้าใจหัวใจของเธอ
“ฉันจะมีชีวิตอยู่ในฐานะนักบุญตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันแต่งงานไม่ได้อีกแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่พูด ชีอันก็ทำลายฝันของเราที่คิดไว้ด้วยกัน
“ฉันไม่มีแผนจะเดินทางไปทั่วโลกอีกต่อไป เรามาละทิ้งความฝันนั้นกันเถอะนะ”
การโกหกของเธอ เหมือนกับที่ฉันได้เรียนรู้จากสลัม...
"…ชีอัน"
“จะเกลียดฉันก็ได้ จะไม่พอใจฉันก็ได้ และไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาของเรา…แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเถอะนะเบลล์”
“…เธอจะทิ้งฉันเหรอ?”
ฉันรู้ว่าคำพูดของฉันมีแต่จะทำให้การจากลาของเรายากขึ้นเท่านั้น
“นี่คือ…จุดสิ้นสุดแล้วเหรอ?”
“…”
“เธอจะไม่ให้ฉันตามเธอไป และเธอจะไม่กลับมาเลยเหรอ…?”
แต่ถึงอย่างนี้ฉันก็อยากจะจับเธอไว้
ฉันเก็บงำความปรารถนาอันแรงกล้าต่อความทรมานอันแสนสาหัส และอ้อนวอนให้เธอกลับมาหาฉัน
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ ชีอัน”
“……ทิ้งความทรงจำที่เราสะสมมา ให้มันเป็นเพียงความทรงจำเท่านั้นเถอะนะ”
“…ถ้าเธอไป…ฉันจะโกรธเธอนะ”
เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดเช่นนี้กับเธอ
เมื่อพูดเช่นนั้น ชีอันก็เอามือทั้งสองข้างปิดหูของเธอ
“เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะสามารถขจัดความทรงจำที่โง่เขลาพวกนั้นออกไปได้เอง”
เธอหลับตา ปิดหู และเพียงพูดสิ่งที่เธอต้องพูด เหมือนพ่นคำที่เธอจำได้ออกมา
“แล้วเรื่องที่เราผ่านกันมาจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่โง่เขลาได้ยังไงกันเล่า?!”
ยิ่งเธอทำอย่างนั้น เสียงของฉันก็ดังขึ้น และทะลุผ่านมือเล็กๆนั้น
“มันคงดีมากเลยใช่ไหมที่ฉันจะได้ลืมเธอ? มันคงจะดีมากเลยใช่ไหมที่ฉันจะต้องตกหลุมรักคนอื่น?!”
“…………..”
“ตอบฉันมา ชีอัน…!”
“ลาก่อน… ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งจนถึงตอนนี้นะ”
ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและจ้องมองมาที่ฉันเป็นเวลานาน
ราวกับสลักฉันไว้ในความทรงจำของเธอ
จากนั้นเธอก็หันร่างของเธอกลับไป
ฉันไม่ได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย และเธอก็ทิ้งฉันไป
ยิ่งเวลาผ่านไป เธอยิ่งห่างไกล...
ในที่สุดฉันก็เอ่ยคำพูดที่ยากที่สุด และเจ็บปวดที่สุดออกมา
“…อย่าไปนะ”
“…”
"…ได้โปรด"
เสียงนั้นสั่นเครือ มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันขอร้องเธอ
“ได้โปรดนะ…ได้โปรด ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้”
ฉันทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดของฉันไป สิ่งที่ฉันต้องการทั้งหมดก็คือเธอเท่านั้น
ฉันพูดทุกคำที่ทำรั้งให้เธอไม่ไป
และเมื่อพูดเช่นนั้น ชีอันก็ยืนตัวตรง
และคำพูดสุดท้ายของฉันก็ทำให้เธอตัวสั่น
ไหล่ที่เปราะบางของเธอเริ่มสั่น
ฉันไม่เห็นใบหน้าของเธอ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าเธอมีสีหน้าเช่นไร
เธอยืนแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง
คราวนี้เธอหันกลับมาหาฉันและพูดด้วยคำพูดอันแสนโหดร้าย
“…ชาตินี้เราคงไม่ได้พบกันอีก ลาก่อน”
“…”
“…และถึงมันอาจจะดูเป็นคำพูดที่แก่ตัวขนาดนี้ แต่ฉันก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง”
“…”
“ได้โปรดอย่าลืมฉันไปนะ เบลล์”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ชีอันพูดก่อนจะทิ้งฉันไป