ตอนที่ 9 รถก่อฐาน(MCV)
เหลิงหยุเหว่ยนั้นก็หยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋าของเธอซึ่งแผนที่นี้ก็แสดงข้อมูลภูมิประเทศของพื้นที่รอบๆและบนนั้นก็มีรอยทำเครื่องหมายระดับความอันตรายของพื้นที่บางส่วนบนนั้น ซูเฉินนั้นก็หันมองอย่างรวดเร็วและมองเห็นว่าระดับที่อันตรายที่สุดนั้นคือ 5 ส่วนอันตรายน้อยสุดคือ 1
“ระดับความอันตรายนั้นขึ้นอยู่กับระดับของสัตว์กลายพันธุ์ในพื้นที่นั้น ระดับ 1 หมายความว่าที่นั่นมีแค่สัตว์กลายพันธุ์ระดับหนึ่งดาว และบางทีอาจจะมีระดับสองดาวด้วยแต่มันหาได้ยาก แน่นอนว่า ฉันไม่การันตีหรอกนะว่าแต่ละอันจะถูกต้องทั้งหมด เพราะตราบใดที่เกิดการต่อสู้ระหว่างสัตว์กลายพันธุ์ มันก็มักจะสัตว์กลายพันธุ์อีกตัวเข้ามายึดครองตำแหน่งนั้นไป”
เหลิงหยูเหว่ยก็อธิบายอย่างชัดเจน ซึ่งซูเฉินนั้นก็เข้าใจดีว่าแม้ก่อนจะเกิดวันโลกาวินาศ สัตว์ทุกตัวนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าการคัดสรรโดยธรรมชาติอยู่ แม้ว่าพวกมันจะเกิดการกลายพันธุ์แต่สิ่งที่ก็ยังคงมีอยู่
“แล้วราคาเท่าไหร่?”ซูเฉิน
เหลิงหยูเหว่ยก็พโบกมือ “ฉันยกให้ ยังไงซะ นายก็ช่วยฉันไว้หนิ”
ความจริงแล้ว แผนที่ที่ละเอียดแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีมของเธอมาก กล่าวได้ว่าเหลิงหยูเหว่ยนั้นแค่แสร้งทำเป็นว่ามันไม่มีค่าอะไรขนาดนั้น
หลังจากสั่งอาหารกันแล้ว ซูเฉินและเหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ได้มานั่งโต๊ะด้วยกันกับพรรคพวกของเหลิงหยูเหว่ย ส่วนลูกน้องของซูเฉินนั้นก็ไปนั่งกันอีกโต๊ะ เมื่ออาหารมาถึง เหล่าทหารเร้ดอะเริ้ทนั้นก็กินทุกอย่างไปด้วยความเร็วสูงจนจานขาวสะอาดราวกับไม่อยากเหลือทิ้งไว้ ผู้คนรอบข้างนั้นก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นและสงสัยว่านี่คนพวกนี้ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันหรือเปล่า
ซูเฉินนั้นก็ไม่ได้สนใจนัก สำหรับเหล่าทหารเร้ดอะเริ้ท การกินนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะเติมเต็มพลังงานที่ใช้ไป และพวกเขานั้นก็ไม่ควรจะเสียเวลากับอะไรแบบนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงกินอาหารกันอย่างเร็วเท่าที่จะทำได้
ส่วนทางซูเฉินนั้นก็จ้องมองจาอาหารตรงหน้าซึ่งทำมาจากเนื้อสัตว์กลายพันธุ์ มันดูน่าอร่อยมาก
หลังจากกินเสร็จ ซูเฉินก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฉันมีเรื่องต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะ ถ้าหากมีใครหาเรื่องเธอหล่ะก็ ให้บอกชื่อฉันไป”
เมื่อเขามาถึงสถานที่รวมตัวเป็นครั้งแรก เขานั้นก็สัมผัสได้ว่าเหลิงหยูเหว่ยนั้นคงเคยมีเรื่องกับใครเป็นอย่างแน่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลประจำสถานที่รวมตัวแห่งนี้ กวงโตวเฉียงนั้นถูกเขาฆ่าไปแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะเป็นมัน บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในสองคนที่เหลือ
เขาคงไม่อาจจะกลับมาได้อีกสักพัก แต่หากเขากลับมา เขาก็อาจจะได้เห็นแต่ร่างของเหลิงหยูเหว่ย ยังไงซะ เธอนั้นก็เป็นคนๆแรกที่เขาได้พบในโลกนี้แถมยังเป็นผู้หญิงสวยด้วย เขาจึงควรจะดูแลเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนที่เหลิงหยูเหว่ยจะได้พูดอะไร ซูเฉินก็จากไปแล้ว เธอนั้นรู้ว่าซูเฉินต้องการจะสื่ออะไร ด้วยชื่อของซูเฉิน ไม่มีใครกล้ารังแกเธอแน่
“พนักงาน เช็คบิล”
“507 โฮปคอยน์ครับ แต่ท่านสามารถจ่ายแค่ 500 ก็พอ ส่วนที่เหลือทางร้านไม่คิด”พนักงานเสิร์ฟก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ่า ซูเฉิน ไอ้สารเลว!!”เหลิงหยูเหว่ยนั้นก็ตะโกนออกมา ส่วนซูเฉินที่เดินจากไปแล้วนั้นก็ยังได้ยินเสียงของเธออยู่ เขานั้นรู้ดีว่าหากเขายังอยู่ต่อ เธอได้ขอเงินจากเขาแน่
ตอนพวกเขาเข้ามา หลายๆคนต่างมองพวกเขาด้วยความโลภแต่เมื่อพวกเขาจากไป ไม่มีใครมองพวกเขาแบบนั้นอีกแล้ว ซูเฉินนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่า 3 ผู้ทรงอิทธิพลของสถานที่รวมตัวแห่งนี้
เมื่อสองยักษ์ใหญ่แห่งสถานที่รวมตัวแห่งนี้ได้ยินว่าซูเฉินจากไป พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขานั้นกลัวว่าซูเฉินจะมาแทนกวงโตวเฉียง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าซูเฉินจะไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น
“เขตแดนของกวงโตวเฉิงกลายเป็นของพวกเราแล้ว”
หลังจากออกไปจากพื้นที่รวมตัว ซูเฉินและทหารของเขานั้นก็กลับไปยังเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ ในขณะยืนอยู่ที่นี่ เขานั้นสัมผัสได้ความคิดถึงที่ก่อตัวขึ้นในใจ ที่นี่เป็นที่ที่เขาอยู้มาหลายสิบปีแม้ว่ามันจะเป็นต่างโลกก็ตาม
“ระบบ การปล่อยรถตั้งฐานมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”
“โฮสต์แค่จำเป็นต้องมีพื้นที่ราบ และขอแนะนำเป็นสถานที่ที่มีแร่อยู่ใกล้เคียงเพื่อจะสะดวกต่อการขนส่งแร่ที่ใช้ในการเพิ่มพลังงาน”
ในเร้ดอะเริ้ท แร่นั้นจะถูกขนส่งโดยรถบรรทุกเพื่อเปลี่ยนเป็นเหรียญทองแต่ที่นี่แร่พวกนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานทั้งหมด
พอครุ่นคิดเกี่ยวกับแร่ ซูเฉินนั้นก็นึกได้ว่าใกล้ๆเมืองมีแร่ถ่านหินอยู่แต่มันไม่สามารถพัฒนาเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ได้เพราะมันอยู่ใกล้เมืองเกินไปซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาเมือง
ซูเฉินที่ตื่นเต้นนั้นก็พาทหารของเขาไปยังตำแหน่งที่ตั้งของเหมืองถ่านหินตามความทรงจำของเขา และในที่สุดเขาก็มองเห็นสถานที่ที่ดูเหมือนสิ่งก่อสร้างซึ่งล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่เสียหายหลายแห่งและเผยให้เห็นข้างใน
มันเป็นเหมืองปากกว้างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยถ่านหินสีดำ เมื่อเห็นแล้ว ดวงตาของซูเฉินก็เป็นประกายขึ้น พวกนี้มันคือพลังงาน!!
“โฮสต์แน่ใจหรือไม่ว่าต้องการจะปล่อยรถก่อฐานที่นี่?”ระบบถาม
ในขณะที่ซูเฉินกำลังตกลง เขาก็คิดคำถามบางอย่างได้ “ถ้าหากฉันสร้างรถก่อฐานที่สองขึ้นมา ฉันสามารถสร้างฐานทัพที่สองได้ใหม?”
“ได้ครับ แต่โฮสต์ต้องหาแกนกลางในการสร้างรถก่อฐานให้กับระบบ”
“แกนกลาง? แล้วมันคืออะไร?”
ซูเฉินนั้นก็สับสน เขานั้นไม่รู้เลยว่าการสร้างรถก่อฐานในเร้ดอะเริ้ทนั้นจำเป็นต้องมีแกนกลางด้วย
“มีเพียงรถก่อฐานที่มีแกนกลางเท่านั้นถึงจะสามารถก่อตั้งฐานทัพขึ้นมา ส่วนรถก่อฐานที่ไม่มีแกนกลางนั้นก็แค่รถถังธรรมดาที่ไม่สามารถก่อเป็นฐานได้”
“โอเค แล้วฉันจะหาแกนกลางมาจากที่ใหนหล่ะ?”
“โดยการฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ ก็จะมีโอกาสได้รับแกนกลางมา”
ซูเฉินก็กรอกตา ไอ้โอกาสได้รับนี่มันเป็นสิ่งที่พึ่งมาไม่ได้ที่สุด จากนั้นเขาก็หันกลับมาสนใจกับรถก่อฐานของเขา
แม้ว่าเขาจะปล่อยรถก่อฐานในเกมส์มาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันเป็นๆกับตัว
“ปล่อยรถก่อฐานได้”
ด้วยคำสั่งการของซูเฉิน รถบรรทุกขนาดใหญ่เทียบเท่ารถถังเกราะหนักก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ซึ่งมันใหญ่กว่าในเกมส์อีก
“นี่หน่ะหรอ รถก่อฐานแต่ทำไมตอนปล่อยออกมามันใหญ่ขนาดนี้?”
ในตอนที่ระบบแจ้งเตือน ซูเฉินนั้นได้ถอยออกมาห้าสิบเมตรก่อนจะปล่อยรถตั้งฐานแล้ว
ด้วยเสียงดังกก้อง รถก่อฐานที่ดูไม่ใหญ่มากนั้นก็ได้แผ่ขยายออกเป็นฐานทัพที่ครอบคลุมพื้นที่ห้าร้อยตารางกิโลเมตร
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของซูเฉินนั้นก็คือตึกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีพื้นผิวเป็นโลหะมันวาวแถมยังมีอาวุธมากมายติดตั้งอยู่ซึ่งมันดูน่ากลัวมาก
“ทำไมมันดูแตกต่างจากเกมส์จัง?”
“โฮสต์ เกมส์ก็คือเกมส์ ฐานทัพจริงไม่ได้ดูง่ายๆแบบนั้น เอาลหะ ระบบจะเริ่มแนะนำข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับฐานทัพของโฮสต์…”
ตามที่ระบบกล่าว เจ้ารถก่อฐานแห่งนี้เป็นเพียงรถก่อฐานอันเดียวที่ระบบมีอยู่ซึ่งมันไม่แบ่งแยกประเทศ ตราบใดที่สิ่งนั้นมีอยู่ในเร้ดอะเริ้ท ระบบก็สามารถสร้างขึ้นมาได้
ซูเฉินก็ถูกมือในขณะคิดถึงแผนการต่อไปหลังจากก่อฐานทัพและนั่นก็คือผลิตโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นราคาของโรงไฟฟ้า เขาก็ปากกระตุกเลย
“ก่อโรงไฟฟ้าใช้ 800 หน่วยเลยหรอ? ทำงี้ไม่ปล้นฉันเลยฟะ!!!”