ตอนที่ 32 ปลอบศิษย์พี่ไป่ 1
งานปลอบศิษย์พี่ไป่ในเกมง่ายมาก แถมยังสั้น ขอแค่ผู้เล่นพบกับศิษย์พี่ไป่โดยบังเอิญที่ยอดเขาเมฆาสวรรค์ พวกเขาจะได้รับงาน แค่วางของขวัญไว้ด้านหน้าห้องของนางทุกวันเป็นเวลาสามวันติด สุดท้าย นางจะออกมาจากบ้านเพื่อรับของ
ของขวัญสามชิ้นแค่ไหสุรา ตุ๊กตาผ้าและกล่องเค้กข้าว
แม้เย่อันผิงจะเตรียมของสามชิ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่พอเห็นสภาพนางตอนนี้ เขาก็รู้สึกว่าถ้าเขาเลียนแบบเกมและมอบของสามชิ้นให้นางตรงๆ เขาไม่น่าจะเพิ่มกำลังใจให้นางได้
เขายังไม่รู้วิธีปลอบคน
“นี่..”
เย่อันผิงดึงชุดคลุมของไป่เยวี่ยซินออกเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน จากนั้นก็ใช้พลังปราณเพื่อกระตุ้นฤทธิ์กำยานที่เขาจุดในห้องและทาน้ำมันคลายกล้ามเนื้อฉบับทำเองบนหลังนาง ด้วยมือแสนอ่อน เขากดจุดบนตัวนางอย่างแม่นยำ
แม้ตอนแรกนางจะประหม่า แต่ด้วยฤทธิ์ของกำยาน ไม่ช้านางจึงรู้สึกดีขึ้น หัวโล่ง และเพลิดเพลินกับฝีมือการนวดของเย่อันผิง
ไม่นานนัก ความขมขื่นบนหน้าของไป่เยวี่ยซินก็หายไป
พอเห็นนางดีขึ้น เย่อันผิงก็ถาม”พี่สาวไป่ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้เล่า?
“..ข้าออกจากสำนักดาวดำมาแล้ว”
“หะ?!”เย่อันผิงตกใจ
ไป่เยวี่ยซินออกจากสำนักดาวดำ?
แล้วส่วนลด20%เขาละ?
“นี่..ท่านควรคิดให้ดีก่อนนะ”เย่อันผิงพยายามโน้มน้าวนาง“ไม่มีทางกลับแล้วนะถ้าออกจากสำนักดาวดำ ท่านจะไม่ได้กลับมาอีกและสำนักอื่นก็จะไม่รับท่าน”
“คือ..ข้าคิดดีแล้ว คนอย่างข้าไม่สมควรจะฝึกฝนเลย”ไป่เยวี่ยซินยิ้มขมขื่น“ข้าคิดจะหาเมืองอาศัยในอนาคต ข้าจะไม่บ่มเพาะอีกแล้ว ข้าจะเปิดร้านเล็กๆด้วยเงินเก็บของข้า และจะหาสามีหรืออะไรทำนองนั้น..”
เย่อันผิงลังเล จากนั้นก็หยุดนวด แกล้งทำเป็นผิดหวัง
“ถ้าคนที่มีรากปราณดีๆเช่นท่านยังไม่เหมาะกับการบ่มเพาะ แล้วข้าเล่า?วันนี้เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรือ?”
“วันนี้..ระหว่างทดสอบ ข้าเจอคนสองคน”ไป่เยวี่ยซินถอนหายใจ’คนสองคนนั้นระดับต่ำกว่าข้า และไม่ได้บ่มเพาะมานานเท่าข้า แต่..”
สองคน…
ในเกม การแพ้เฟิงหยูเตี๋ยควรทอดเงาให้นาง หรือว่าคนที่สองจะเป็น..
“ใครคือสองคนนั้น?”
“เฟิงหยูเตี๋ย เด็กสาวผมเงิน อีกคนคือเพ่ยเหลียนเสวี่ย ผู้บ่มเพาะตัวน้อยที่มีสามรากปราณ แพ้คนแรกข้ายังพอรับได้ แต่การแพ้ให้เพ่ยเหลียนเสวี่ย ข้าจะยังมีหน้าอยู่ในสำนักได้ไง ข้า ผู้บ่มเพาะรากปราณเดี่ยวเทียบกับคนสามรากปราณไม่ได้..ฮึก..”
ขณะพูด น้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นในตานางอีกครั้ง นางหันหน้ามามองเย่อันผิงอย่างน่าสงสัย
เย่อันผิงลำบากใจ เขาลืมเพ่ยเหลียนเสวี่ยไปเลย
เขาควรบอกนางตอนออกสำนักร้อยดอกบัวให้ออมมือในการทดสอบกระบี่และแกล้งแพ้
“’จะมีเรื่องแบบนั้นได้ไง..เด็กสาวที่มีรากปราณสวรรค์คนนั้นยังไม่เป็นไร แต่ทำไมเด็กสาวสามรากปราณถึงร้ายกาจนัก?ข้าบ่มเพาะอย่างหนักทุกวันตามคำสั่งของอาจารย์ ข้าไม่ได้พลาดอะไรเลย ข้าจะแพ้เด็กสาวสามรากปราณได้ยังไง?พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม”
“อา..นี่..คงเพราะเพ่ยเหลียนเสวี่ยมีสถานการณ์พิเศษกระมั้ง?”
“แต่นางมีสามรากปราณ!!”
เย่อันผิงยิ้มแห้งและให้กำลังใจ“งั้น ท่านก็ไม่ควรยอมแพ้แบบนี้ ถ้าท่านหนีไปตอนนี้ เท่ากับแสดงความอ่อนแอ?หลังจากนี้ สมาชิกดาวดำก็จะพูดว่าท่านโดนเด็กสาวสองคนไล่ไปสิ?แล้วสหายในสำนักท่านเล่า?ถ้าไป พวกเขาจะต้องเศร้าแน่”
“..”
ไป่เยวี่ยซินเม้มปาก ไม่สามารถเถียงได้ จากนั้นทิ้งตัวบนเตียง
“ยังไงซะ ข้าก็เขียนจดหมายลาไปแล้ว ไม่มีทางกลับไปได้ ข้าไม่อยากคิดเกี่ยวกับมันอีก ข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“ในเมื่อพูดแบบนั้น นั่นก็หมายความว่าในใจท่าน ท่านไม่ได้อยากออกจากสำนักดาวดำสินะ?มันยังไม่สายเกินไปนะ”
“..’
ไป่เยวี่ยซินหยุดพูด เย่อันผิงเลยไม่โน้มน้าวต่อ เขาได้แต่เงียบ นวดตัวให้นาง
หลังผ่านไป 15 นาที การนวดก็จบ
“รู้สึกเป็นไงบ้าง?”
“อืม..เส้นชีพจรโล่งขึ้นเยอะ เท่าไรละ?”
“วันนี้ไม่คิด มันยังไม่เปิด ข้าจะเริ่มเก็บเงินหลังจากพรุ่งนี้ นี่คือของขวัญของข้า ท่านช่วยข้าเปิดร้าน ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเลย”
ไป่เยวี่ยซินมองเขาเงียบๆ จากนั้นก็สะบัดข้อมือ โยนถุงหินปราณออกมา
“ไม่ รับไปซะ..ข้า..จะไปละ”
พอพูด นางก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ประสานมือให้เย่อันผิงและกำลังจะไป
เย่อันผินนั่งตรงนั้น ลังเล แต่รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยนางไปได้
ลืมเรื่องส่วนลดที่เขาคิดมาตลอดได้เลย
เขาไม่ใช่ศิษย์ของสำนักดาวดำและไม่อาจเข้าประตูภูเขาได้ ถ้าอยากสื่อสารกับน้องสาวเขาในอนาคต เขาต้องการคนวิ่งส่งจดหมาย
ไป่เยวี่ยซินมีนิสัยบริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ ความคิดนางยังตื้นเขิน นอกจากนี้ นางต้องมีชื่อในสำนักแน่
นี่คือคนชั้นดีที่จะวิ่งส่งจดหมายและเงินให้เขา
เย่อันผิงรีบวิ่งไป ดึงแขนเสื้อนางด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไร?”
“อา..พี่สาว ท่านก็เห็นว่ามันดึกแล้ว ทำไมคืนนี้ไม่พักที่นี่และไปพรุ่งนี้ละ?ถ้าท่านอารมณ์ไม่ดี กระบี่บินของท่านอาจตกลงมาได้นะ?”
“..”
พอได้ยินคำเชิญให้พักค้างคืน ไป่เยวี่ยซินก็ตื่นตัว
แต่พอมองใบหน้าเด็กน้อยที่ยังไม่โตและฟังเสียงที่ยังไม่แตกหนุ่ม นางก็คลายความระมัดระวัง
และ..ถ้าเขามีเจตนาร้ายจริง…มันก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้..ยังไงซะ นางก็ไม่ใช่ศิษย์สำนักดาวดำอีกแล้ว
แถมม..หนุ่มน้อยนี่ยังเป็นนายน้อยของสำนักร้อยดอกบัว..และ..และ..นิสัยดี ..แม้จะเจอกันไม่นาน เขาก็ดูดี..
ถ้าเขาอยากทำอะไรจริง งั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบ!การบริหารร้านกับเขาในอนาคตก็ฟังดูดี
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าคิดบ้าอะไรเนี่ย!”ไป่เยวี่ยซินตบหน้าตัวเองและส่ายหัวไม่หยุด
“???”
เย่อันผิงไม่รู้ว่านางจินตนาการอะไรถึงได้ตบหน้าตัวเอง
“พี่สาว?”
“อา..”ไป่เยวี่ยซินได้สติ ลังเล จากนั้นก็มองท้องฟ้าด้านนอกบ้าน“จริง..มันสายแล้ว มันไม่รบกวนเจ้าใช่ไหมถ้าข้าจะค้างคืน?”
“ไม่ ไม่ใช่ปัญหา ไม่ต้องห่วง”
“งั้น..ข้าจะนอนที่ไหน?”