ตอนที่ 31 หาเงินส่งน้องเรียน(ตอนฟรี)
ลานเมืองสำนักดาวดำ ด้านหน้าร้านหมายเลข 13
“วางไว้ตรงนั้น ช่วยข้ายายแจกันนั่นหน่อย!ส่วนเตียง วางไว้ห้องละห้า และฉาก..”
ชายหนุ่มหน้าตาดียืนที่ประตู สั่งกลุ่มคนงานให้จัดร้านที่เขาเพิ่งเช่า
ระหว่างสองวันที่เฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยเข้าร่วมการทดสอบ เย่อันผิงวิ่งเต้นเปิดร้าน
เหนือสิ่งอื่นใด ร้านนี้จะเป็นแหล่งรายได้สำหรับเขาและน้องสาวในอนาคต
เขายังไปเดินตลาดในสองวันที่ผ่านมา
โดยปกติ ศิษย์ที่ผ่านการคัดเลือก สำนักดาวดำจะให้ทรัพยากร พวกเขาไม่ต้องการหินปราณเพื่อใช้จ่ายชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังได้รับเม็ดยาฟรีทุกเดือด และในอนาคต พวกเขาจะช่วยพวกเขาหาสมบัติ
แต่น้องสาวเขาแตกต่าง
ในฐานะศิษย์ติดตาม นางต้องจ่ายค่าเรียน
และไม่ใช่แค่ค่าเรียน
นางต้องการหินปราณเพื่อกินข้าวในโรงอาหารของสำนัก
เช่นเดียวกับการใช้ลานฝึกวิชายุทธ์
มันต้องใช้หินเพื่อซื้อชุด แม้กระทั่งค่าที่อยู่
มันเหมือนกับโรงเรียนเอกชนในชาติก่อนของเขา ราคาก็ยังเป็นเอกชนชั้นสูงอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อให้นางกับตัวเขาได้ฝึกในดาวดำ ในฐานะพี่ชาย เขาต้องทำงานหาเงิน
แม้เขาจะคิดว่าเขาควรขอให้พ่อช่วย แต่สุดท้าย เขาก็รู้สึกละอายใจ ในโลกของผู้บ่มเพาะเซียน การยังพึ่งพาพ่อเป็นเรื่องแปลก
และการทำงานหนักจะช่วยเขาสั่งสมประสบการณ์
แย่สุด ถ้าหมดทางออกจริง เขายังกลับบ้านไปสืบมรดกสำนักของพ่อ
“ฟู่”
เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก มองป้าย’ศูนย์กายภาพบำบัดเย่’และพอใจมาก แม้ว่าถ้าเย่อาวรู้ว่าเขากำลังเปิดร้านเช่นนี้ เขาจะต้องขี่กระบี่บินมาตีเขาแน่
โอ..
“พี่ๆ ขอบใจมากนะ!’เขานำเอาไหสุราและอาหารออกมา”ข้าซื้อสุราและไก่กับเป็ดย่างมา ทุกคนมากินด้วยกันสิ!”
“เยี่ยมเลย!ขอบใจมาก เถ้าแก่น้อย!”หัวหน้าคนงานยิ้ม งานของเขากลายเป็นเร็วกว่าเดิมสองเท่า
ที่อัตรานี้ เขาจะสามารถเปิดร้านได้พรุ่งนี้
เขายืดเส้นสาย มองฟ้าและเห็นว่ามันเกือบเย็นแล้ว เขาเตรียมจะไปกินข้าวกับพวกคนงานและกลับไปพัก
การทดสอบกระบี่วันนี้ควรจบแล้ว และตามพล็อตเกม ศิษย์ที่ชื่อไป่เยวี่ยซินควรซ่อนในห้องนอนและร้องไห้
ส่วนลด 20%ของเขายังรอให้เขาไปปลอบนาง
ขณะที่กินไก่ย่าง เขาก็คิดว่าจะปลอบนางยังไง
เขาเข้าสำนักไม่ได้ และไปยอดเขาเมฆาสวรรค์ไม่ได้ ถ้าไป่เยวี่ยซินขังตัวเองในบ้าน มันคงยยากที่จะได้เจอนาง
‘ว่าแต่ เถ้าแก่น้อย กายภาพบำบัดคืออะไร?เราทำงานในตลาดนี้มาเป็นสิบปี แต่ไม่เคยได้ยินชื่อศูนย์กายภาพบำบัดมาก่อน”
“แค่การนวดนะ”
“นวด?แบบพวกหอนางโลมเหรอ?”
เย่อันผิงยิ้ม”หอนางโลมอะไร?ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก ถ้าอยากรู้ ก็มาลองสิ ข้าจะให้ส่วนลด10%’
“10%มากแค่ไหน?”
“45หินปราณสำหรับ 15 นาที.”
“แพงขนาดนั้นเลย?เราจะไปจ่ายได้ไง?”
คนงานส่ายหัว หยุดคุยและกลับไปกินต่อ
เย่อันผิงไม่สน ยังไงซะ กลุ่มลูกค้าเขาก็คือศิษย์สำนักดาวดำ และราคตานี้ก็ไม่มีอะไรมากกว่ารางวัลจากภารกิจของพวกเขา
เขาคำนวณ
“สามพันหินปราณ ลบค่าเช่า ตกแต่ง…ค่าเรียนของน้อง ค่าจิปาถะ…หมด..”
จากนั้นเขาก็จำได้ว่าหวังเส้าเหรินบอกว่าป้ายตัวตนของอู่โหยวจะมีรางวัลให้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปขึ้นเงิน
เมื่อป้ายตัวตนของอู่โหยวถูกแลกเป็นรางวัล ข่าวจะกระจายไปว่ามีผู้บ่มเพาะชื่อเย่อันผิงมาขึ้นเงิน
จากนั้น เขาจะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าของของอู่โหยวอยู่กับเขา
เขาในปัจจุบันไม่มีทางสู้กับความโลภได้
“อา..”เย่อันผิงถอนหายใจ
ทันใดนั้น มือน้อยก็เคาะไหล่เขา
“เจ้า..ช่วยทำกายภาพบำบัดให้ข้าอีกได้ไหม?เหมือนครั้งก่อน..ฮึก..’
เย่อันผิงผงะ เขากำลังเหม่อจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนมาด้านหลัง
เขาหันไปเห็นหญิงสาวหน้าตาเศร้าหมอง และจำนางไม่ได้
“…”
“ฮึก ฮึก’
“พี่..พี่สาวไป่?”
“อืม อืม”ไป่เยวี่ยซินพยักหน้า
“ท่าน..เป็นอะไร?”เย่อันผิงมองนางขึ้นลงอย่างเหลือเชื่อ
เขารู้ว่าไป่เยวี่ยซินจะจิตใจแหลกสลายเพราะแพ้เฟิงหยูเตี๋ยย
แต่จากสภาพนางตอนนี้ มันแย่กว่านั้นอีก
ไป่เยวี่ยซินตอนนี้เหมือนผีสาว ทั้งตัวแผ่ความขุ่นเคือง แม้กระทั่งคนงานหลายคนที่กินดื่มก็ยังถอยห่างไปไกล
เย่อันผิงคิดสักพัก จากนั้นก็หยิบจานไก่ย่างมาพร้อมถุงหินปราณ พูดกับคนงาน“พี่ๆ นี่คือค่าจ้างวันนี้ ไปแบ่งกันเองนะ ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“อืม!”
หลังอธิบาย เขาก็ถือจานไก่ย่างด้วยมือหนึ่ง พาไป่เยวี่ยซินไปโถง
ไป่เยวี่ยซินมองการตกแต่งในโถง และถาม“ค่าทำกายภาพเท่าไรเหรอ?”
“คือ..”เย่อันผิงลังเลและยิ้ม“วันนี้ยังไม่เปิด ไม่ต้องจ่าย”
“ไม่ดีมั้ง..”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ท่านช่วยข้าเรื่องเปิดร้านไม่ใช่เหรอ?ข้าแค่กำลังตอบแทน’
เย่อันผิงผลักไป่เยวี่ยซินเข้าห้อง จับนางนั่งบนเตียง จากนั้นก็จุดกำยาน
‘นอนลง ปล่อยตัวตามสบายเลยนะ”
“อืม…”