ตอนที่ 24 วิชาการชำระล้างร่างกายของเทพอสูรโบราณ
‘ไปเอาภาพวาดมาให้ได้งั้นเหรอ?’
ซู ชางหยู ตกตะลึงเล็กน้อย.
เขามองไปที่ นักพรตไต้ หัวด้วยความสงสัย.
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้ข้าไปเอาภาพมาเพิ่มหรือ? ข้าเกรงว่าเราอาจกระตุ้นความสงสัยของน้องเล็กได้นะขอรับ.”
ซูชางหยูเคยคิดที่จะให้เย่ปิงวาดภาพต่อไปด้วย แต่ถ้าเขาเริ่มทำเช่นนั้น เขาอาจจะกระตุ้นให้เกิดความสงสัยเอาได้.
"แหงสิ. ภาพวาดเพียงภาพเดียวที่เย่ปิงวาดสามารถนำเงินมาให้ได้มากกว่าที่สำนักใช้เวลาหลายร้อยปีเสียอีก. ชางหยู ถ้าสำนักของเราต้องการพัฒนา เราก็จำเป็นต้องมีเงินนา.”
“นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆแล้ว ยาเม็ดถือเป็นของสำคัญ น้องเล็กของเจ้าต้องฝึกตนใช่ไหมล่ะ? ยาปรับแต่งพลังปราณมีราคาสิบตำลึงทองต่อเม็ด ด้วยความสามารถของเขาเจ้าคิดว่าเขาต้องใช้ยากี่เม็ดเพื่อที่จะไปถึงขั้นขัดเกลาพลังปราณได้กัน?”
“เราอาจจะทนเจ็บและทนอดอยากได้ แต่น้องเล็กของเจ้าทนทุกข์ไม่ได้นา. ถ้าเราทำลายเขาสักวันหนึ่ง มันจะไม่ผิดต่อมโนธรรมของเจ้าเหรอ?”
นักพรตไต้ หัวไม่ได้เสแสร้งจริงๆ.
ใช่แล้ว พวกเขาต้องการเงินเพื่อพัฒนาสำนักและเพื่อการฝึกตนของเย่ปิงด้วย. เย่ปิงยังไม่ได้เริ่มฝึกตนอย่างเป็นทางการและเป็นเพียงการฝึกฝนการใช้กระบี่เท่านั้น. ถ้าเย่ปิงเริ่มฝึกตนจริงๆ เขาจะต้องเสริมด้วยยาเนื่องจากความสามารถและพรสวรรค์ของเขา.
สำนักชิงหยุนเต๋าไม่สามารถซื้อยาจำนวนมากได้ ดังนั้นทางออกเดียวคือใช้เย่ปิงเพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น.
“นั่นก็จริงขอรับ. ก็ได้ข้าจะคิดหาวิธีดูขอรับ”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซู ชางหยูก็รู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง.
“อย่าลืมล่ะ ห้ามทำตัวอยากออกนอกหน้าเกินไป. เพียงแค่ไปสะกิดเขาเวลาที่เหมาะๆเท่านั้น. อีกเรื่องนึงสอน เต๋ากระบี่ให้เขาอย่างดีในช่วงสองเดือนนี้ด้วยล่ะ. ข้าตั้งใจที่จะให้เขาเข้าร่วมใน งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว”
นักพรตไต้ หัวกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
“งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว?”
ซู ชางหยู รู้สึกประหลาดใจจริงๆ ในครั้งนี้.
“อาจารย์ ท่านสับสนหรือเปล่า? น้องเล็กจะมีส่วนร่วมในงานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจวได้อย่างไร. เขาอาจมีพรสวรรค์มากใน เต๋ากระบี่แต่เขายังไม่ได้เริ่มฝึกตนเลยนะขอรับ. เขาจะไปขายหน้าตัวเองเปล่าๆนะขอรับ?”
ซู ชางหยู รู้สึกประหลาดใจ.
เขาโชคดีที่ได้มีส่วนร่วมใน งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว ครั้งหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้วชนชั้นสูงทั้งหมดของ ชิงโจว จะเข้าร่วมงานด้วย. ตอนนั้นเขาเพียงอยู่ที่นั่นเพื่อเติมที่ว่างเฉยๆ แต่เขากลับโชคดีที่ผ่านเข้ารอบไปสู่500 อันดับได้. ทว่าการปล่อยเย่ปิงไปจะเป็นหายนะโดยสิ้นเชิง.
“เจ้าไม่เข้าใจ. ไว้ข้าจะอธิบายให้ฟังในภายหลัง. เอาเป็นว่าสอนเขาให้ดีในช่วงเวลานี้. ข้าเพิ่งมีความคิดที่จะให้เขาเข้าร่วมใน งานรวมตัวเต๋ากระบี่ชิงโจว. เราค่อยตัดสินใจทีหลังว่าควรจะให้เขามีเข้าร่วมจริงๆ หรือไม่”
“จำไว้ล่ะ. อย่าบอกน้องสาวและน้องชายของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่บอกพวกเขาว่าข้าได้รับเงินคืนทั้งหมดที่ข้าถูกโกงไปแล้วก็พอ. อย่าพูดถึงสิ่งอื่นอีกเลย เข้าใจไหม?”
นักพรตไต้ หัวไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพราะพวกเขากำลังจะไปถึงสำนักในไม่ช้า.
"ขอรับ."
ซู ชางหยู พยักหน้า ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย.
เขาเข้าใจว่า นักพรตไต้ หัวเพียงต้องการพัฒนาสำนักซึ่งเป็นแผนตลอดชีวิตของเขาอย่างกระตือรือร้น ทว่าซูชางหยูรู้สึกว่า นักพรตไต้ หัวมีความกระตือรือร้นมากเกินไป.
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรเลยระหว่างทาง ในไม่ช้า พวกเขาก็กลับมาถึงสำนักชิงหยุนเต๋าแล้ว.
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนในตอนนั้น.
ที่หน้าผาด้านหลังของสำนักชิงหยุนเต๋า
เย่ปิงนั่งอยู่บนพื้น โดยยังคงจ้องมองรอยกระบี่อย่างตั้งใจ
เขาได้เข้าใจวิชากระบี่อัสนีฤดูใบไม้ผลิแล้ว และตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจวิชากระบี่อัสนีฤดูร้อนแล้วด้วย
วิชาสี่กระบี่อัสนีนั้นเข้าใจยากและลึกซึ้ง, พวกมันคือวิชาควบคุมสายฟ้าทั้งสี่ฤดูกาล ทำให้เกิดพลังของกระบี่ที่แตกต่างกัน.
พลังของท่ากระบี่อัสนีวสันตฤดูนั้นมีความต่อเนื่อง.
พลังของท่ากระบี่อัสนีคิมหันตฤดูนั้นมีความดุดันและน่าเกรงขาม.
พลังของท่ากระบี่อัสนีสารทฤดูนั้นมีความนิ่งสงบ.
พลังของท่ากระบี่อัสนีเหมันตฤดูนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร.
ในขณะนี้ เย่ปิงกำลังจะเข้าใจวิชากระบี่อัสนีฤดูร้อนแล้ว.
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เย่ปิงก็ลืมตาขึ้นมา.
เขาหยิบกิ่งไม้ที่อยู่ด้านข้างและสร้างรอยกระบี่ขึ้นมา.
ในขณะนั้น ฟ้าร้องก็ดังก้องและต้นไม้โบราณที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ.
เขาได้รู้แจ้งพลังแห่งกระบี่อัสนีแห่งฤดูใบไม้ร่วงแล้ว.
เขาควบแน่นพลังของกระบี่เข้าด้วยกัน.
ท่ามั่วๆของเขาจะมีวิชากระบี่ทั้งหมดอยู่ในนั้น.
ในตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นไม่ไกลนัd.
ภายใต้แสงจันทร์ ซูชางหยูจ้องมองเย่ปิงอย่างเงียบๆ.
ใบหน้าที่ภาคภูมิใจและหล่อเหลาของเขาสงบ แต่ลึกๆ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความละอายใจอย่างยิ่ง.
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากนักในเต๋ากระบี่แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่า เย่ ปิงได้เข้าใจพลังของวิชากระบี่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว.
แค่วันเดียวเอง.
เขาได้เข้าใจพลังของกระบี่วิชากระบี่อัสนีแห่งฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
เขาจะไม่รู้แจ้งเรื่องคลื่นกระบี่ของวิชาสี่กระบี่อัสนีในอีกสองสามวันข้างหน้าหรือ?.
'ข้ารู้สึกขมขื่นนัก’
'ข้าอิจฉาจังเลย'
แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ ซูชางหยูยังคงต้องเดินไปหาเย่ปิงโดยแสร้งทำสีหน้านิ่งๆ.
“น้องเล็ก”
ซูชางหยูเรียกออกไป.
ไม่ไกลนัก เย่ปิงก็หลุดจากอารมณ์ที่ตื่นเต้นของเขาแล้วมองไปที่ซูชางหยู เพียงเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าประหลาดใจ.
“พี่ใหญ่ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?”
เย่ปิงไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นซูชางหยู และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้ามาส่งของให้เจ้า”
ซูชางหยูเดินไปแล้ววางขวดหยกไว้ข้างหน้าเย่ปิง “น้องเล็ก ในนี้บรรจุยาบำรุงพลังปราณที่จะบำรุงร่างกายของเจ้าหลังจากที่เจ้ากินมัน พวกมันจะเติมพลังให้เจ้าเป็นเวลาห้าวันและดีต่อร่างกายของเจ้า”
“ยาบำรุงพลังปราณ? หลังจากทานไปแล้วข้าจะสามารถอยู่ต่อไปได้ห้าวันโดยไม่มีอาหารและพักผ่อนได้หรือไม่ขอรับ?”
เย่ปิงหยิบขวดหยกออกไปและดูอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
"ใช่."
ซู ชางหยู พยักหน้าทันที
นักพรตไต้ หัวดีกับ เย่ ปิงมากจริงๆ แม้ว่าเงินจะมาจากภาพวาดของ เย่ ปิงแต่ นักพรตไต้ หัวก็ไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่สลึงเดียวให้กับตัวเอง เขาใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับเย่ปิง ในขณะที่ลูกศิษย์คนอื่นๆ ได้รับประโยชน์บางอย่างจากมัน ซู ชางหยู อาจได้เปรียบมากที่สุดแต่ผู้รับผลประโยชน์หลักยังคงเป็น เย่ปิงอยู่ดี.
มิฉะนั้น ซู ชางหยู คงไม่กดดันตัวเองด้วยการอ่านคัมภีร์กระบี่และเรียนรู้วิชากระบี่ชวนเหอ ก่อนที่เขาจะได้เชี่ยวชาญวิชาสี่กระบี่อัสนี.
“ขอบคุณขอรับ พี่ใหญ่”
เย่ปิงกล่าวขอบคุณ
ด้วยยาดังกล่าว เขาจะสามารถประหยัดเวลาได้อีกสี่ชั่วโมงต่อวัน.
“เจ้าสำนักต้องการให้ข้ามอบกระบี่นี้ให้กับเจ้าด้วย จากนี้ไป เจ้าจะได้ฝึกกับมัน.
ซู ชางหยู มอบกระบี่ให้เย่ปิง.
“ขอบคุณขอรับ พี่ใหญ่”
เย่ปิงขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้ง
ซู ชางหยู เพียงพยักหน้าให้.
หลังจากนั้นไม่นาน ซูชางหยูก็เริ่มพูดและทำลายความเงียบ.
“น้องเล็ก การฝึกฝนกระบี่เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเจ้าตอนนี้หรือเปล่า?”
“ศิษย์พี่ มันไม่น่าเบื่อเพราะข้าสามารถพัฒนาได้ทุกวันขอรับ.”
เย่ปิงส่ายหัว.
เขาจะพบว่ามันน่าเบื่อจริงๆ หากเขาไม่สามารถเข้าใจได้ ทว่าเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถเข้าใจมันได้อย่างต่อเนื่อง.
เขากำลังพูดความจริง แต่คำพูดเหล่านั้นทำให้ซูชางหยูอารมณ์เสีย.
‘เจ้าบ้านี่ข่มกันเหรอ?’
หลังจากถูกต่อว่า ซูชางหยูก็ลุกขึ้นยืน หวังจะไปหาความสงบสุข.
“พี่ใหญ่ ทำไมถึงถามล่ะขอรับ?”
เย่ปิงอยากรู้อยากเห็น และสงสัยว่าซูชางหยูถามคำถามนั้นเพื่ออะไร.
“ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดว่าถ้าเจ้าเบื่อ ข้าสามารถให้คัมภีร์ลับอีกเล่มแก่เจ้าเพื่อรู้แจ้งได้เร็วๆ”
ซู ชางหยู่ไม่มีอารมณ์จะพูด เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส.
คัมภีร์ลับ?
ทว่าเย่ปิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากหลังจากได้ยินคำนั้น
'เขาจะมอบคัมภีร์ลับให้ข้าเหรอ?'
'เขาควรจะบอกให้เร็วว่านี้สิ.'
เย่ปิงรู้สึกตื่นเต้นทันทีและพูดว่า “ศิษย์พี่ ข้าไม่พบว่ามันน่าเบื่อในตอนแรก แต่หลังจากที่ท่านพูดถึงมัน ข้าก็รู้ว่าบางทีมันก็น่าเบื่ออยู่ขอรับ.”
เย่ปิงไม่กลัวที่จะอับอายอีกต่อไป
รอยกระบี่ของซูชางหยูทำให้เขาเข้าใจวิชากระบี่ทันที.
'เขาจะให้คัมภีร์ลับการฝึกตนเป็นเซียนแก่ข้าหรือเปล่า'
'นั่นคงจะเหลือเชื่อมาก'
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ปิง ซู ชางหยูก็หยุดดึงท่าแล้วมอบคัมภีร์ลับให้แก่เย่ปิงไป.
เย่ปิงคว้ามันไว้ได้ทัน.
เขาใช้แสงจันทร์เป็นไฟ เขาอ่านมันและตกตะลึงในไม่ช้า
คัมภีร์ลับนั้นหนาและมีอักษรโบราณหลายฉบับเขียนอยู่
มันเขียนไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์ลับว่า....
“วิชาการชำระล้างร่างกายของเทพอสูรโบราณ”