ตอนที่แล้วChapter 5 : พิมพ์เขียวอุปกรณ์สีม่วงสุดล้ำค่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 7 : ผูกขาดราชันย์

Chapter 6: โล่นักล่ามังกร


“ไหนขอดูหน่อยซิ...ต้องใช้แท่งเหล็กเมฆา50แท่ง แท่งทองแดงภูเขา35แท่งแล้วก็มิลธิลอีก3แท่ง...เรามีครบหมดแล้วตอนนี้สามารถสร้างออกมาได้เลย”

หลินเซวียนยิ้มอย่างยินดี

เขาบังเอิญมีวัตถุดิบทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้สำหรับสร้างของที่อยู่ในพิมพ์เขียวแผ่นนี้พอดี

แท่งมิลธิลหลอมได้จากแร่มิลธิลที่จะปรากฏออกมาหลังจากชั้นที่7ของถ้ำหินยักษ์เป็นต้นไปเท่านั้นและยังถือว่าหาได้ยากมาก

ถ้ามันถูกนำไปแลกเปลี่ยนที่สถานีไร้ภัย แท่งมิลธิลเพียงก้อนเดียวก็คงกอบโกยเหรียญทั่วไปได้นับพัน

หลังจากได้รับใบสั่งสร้างอุปกรณ์ โต๊ะสร้างอุปกรณ์ก็เริ่มทำการสร้างในทันที

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

เตาหลอมทำการหลอมเหล็กและค้อนก็เคลื่อนไหวโดยตัวมันเอง หลังจากเหล็กถูกตีซ้ำๆหลายพันครั้ง ในที่สุดโล่หนาหนักสีดำขลับขนาดยักษ์ที่เพียงแค่พื้นผิวก็มากพอจะป้องกันร่างกายทั้งตัวของผู้ใช้ได้แล้วก็ได้ปรากฏออกมา

...

[ชื่อ : โล่นักล่ามังกร]

[เลเวล : เลเวล9ขอบเขต0]

[เกรด : สีม่วง(ล้ำค่า)]

[ข้อจำกัดในการสวมใส่ : ความอดทน 20 , พละกำลัง 18]

[ความสามารถที่1 : ความอดทน+4 , ความอดทน+5%]

[ความสามารถที่2 : ต้านทานกายภาพ+45% , ต้านทานเวทย์+25% , ต้านทานสายฟ้า+40% , ความเร็วในการฟื้นฟูพลังงาน-10%]

[ความสามารถที่3 : ทุกครั้งที่โดนโจมตีจะสะท้อนความเสียหายให้กับอีกฝ่าย50หน่วยความเสียหายจริงและทำให้เป้าหมายติดสถานะ ‘บาดเจ็บสาหัส’ เป็นเวลา5วินาที (หมายเหตุ : สถานะบาดเจ็บสาหัสจะทำให้เป้าหมายไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติได้ เป้าหมายจะฟื้นฟูได้ผ่านการใช้ยาเท่านั้นแต่ความสามารถในการฟื้นฟูจะลดลง50%]

[คำอธิบาย : โล่ขนาดยักษ์ที่ทำออกมาเพื่อล่ามังกรโดยเฉพาะ ยังไงก็ตามในหลายๆครั้งมันมักจะถูกใช้เพื่อจัดการกับราชันย์ไร้นามบางตัวเสียมากกว่า ดังนั้นอีกชื่อหนึ่งของมันจึงถูกเรียกว่าโล่นักล่าไร้นาม]

...

หลินเซวียนยิ้มแต้

ด้วยโล่ยักษ์อันนี้ความปลอดภัยของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ

เขากระชับโล่เอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อทดสอบและพบว่าด้วยค่าสถานะของเขาตอนนี้เขาสามารถใช้โล่นักล่ามังกรนี้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

“ตอนนี้เราทรงพลังขนาดไหนแล้วล่ะเนี่ย? ลองไปลองดูที่ชั้นสิบดีไหมนะ?”

หลินเซวียนเคยลองมาแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเขาสามารถท่องไปได้ทั่วทั้งชั้น9ของถ้ำหินยักษ์ อสูรปิศาจทั้งหมดล้วนไม่อาจทำลายการป้องกันของเขาได้เลย

ตอนนี้เขาจึงวางแผนจะมุ่งหน้าไปยังชั้นสิบ

บนชั้นสิบมีราชันย์แดนลับอยู่ทั้งหมดสิบตัว หลินเซวียนจึงตัดสินใจจะเลือกลองท้าทายตัวที่ง่ายที่สุดดูก่อน

เขาทำการสวมใส่หน้ากากปิศาจเพื่อปิดบังใบหน้าและเดินมาจนถึงปากทางเข้าชั้นสิบ

ยังไงก็ตามเขากลับพบว่าราชันย์แดนลับทุกตนในตอนนี้ล้วนมีคนกำลังท้าทายอยู่ ปาร์ตี้ ปาร์ตี้นักกู้ซากเหล่านี้ทำลังท้าทายพวกมันอยู่ในรังของพวกมัน

บนชั้นที่สิบนั้นมีกฏพิเศษอยู่ข้อหนึ่ง เมื่อมีปาร์ตี้ใดกำลังทำการท้าทายราชันย์แดนลับอยู่ปาร์ตี้อื่นจะถูกพลังงานพิเศษบางอย่างขวางกั้นเอาไว้ พวกเขาจำเป็นต้องรอให้ปาร์ตี้ก่อนหน้าเสร็จสิ้นการต่อสู้ก่อนซึ่งก็คล้ายกับระบบห้องบอสในเกมออนไลน์

ด้านหน้าทุกถ้ำล้วนมีคิวต่อยาวเป็นหางว่าว

ในทุกๆถ้ำล้วนมีปาร์ตี้อย่างน้อยห้าปาร์ตี้ต่อแถวรออยู่ ทุกถ้ำที่ว่านี้รวมไปถึงถ้ำของราชันย์คางคกเพลิง , ราชันย์อสรพิษเพลิง , และราชันย์กิ้งก่าหินผา...

มีเพียงหน้าถ้ำของราชันย์มังกรดินเท่านั้นที่ว่างเปล่า

หลินเซวียนเองก็ได้ยินสิ่งที่พวกนักกู้ซากซึ่งกำลังต่อคิวอยู่คุยกับเกี่ยวกับปาร์ตื้ที่เข้าไปท้าทายราชันย์มังกรดินด้วยเช่นกัน

“ทีมไหนมันใจกล้าหน้าโง่ถึงขั้นกล้าไปท้าทายราชันย์มังกรดินวะ?”

“จะใครล่ะ? ก็ทีมเงาเมฆาของโจวเฟิงไง พวกนั้นประกาศมาตั้งนานแล้วว่าพวกตนจะเข้าโจมตีราชันย์มังกร”

“ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ยังไม่เคยมีใครท้าทายมันสำเร็จมาก่อนเลย พูดตามตรงพวกนั้นจองหองเกินไปหน่อยนะที่คิดว่าตัวเองจะท้าทายมันได้”

“ทีมที่เข้าท้าทายราชันย์มังกรดินถ้าไม่ตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนัก หนนี้การที่ทีมเงาเมฆาจะรอดมาได้ทุกคนคงยาก”

“นั่นไม่ใช่เรื่องของเรา เจ้าหมอนั่นมีพ่อเป็นผู้จัดการนี่หว่า ไม่ใช่ว่านักกู้ซากอีกสามคนของทีมเงาเมฆาเองก็เล่นไปกับเจ้าหมอนั่นด้วยรึไง? เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องของเราแน่นอน”

โจวเฟิง?

หลินเซวียนหวนนึกไปและนึกขึ้นมาได้ทันควัน

คนผู้นี้เองก็เป็นคนขององค์กรเจอร์มินอลแต่ตัวเขาไม่ใช่นักกู้ซากแต่เป็นบุตรของผู้จัดการ

ระดับชั้นขององค์กรเจอร์มินอลแบ่งออกเป็นผู้จัดการระดับสูง ผู้ดูแลระดับกลางและนักกู้ซากแดนรกร้างระดับต่ำ

ผู้จัดการคือตัวตนระดับสูงขององค์กร ความแข็งแกร่ง เงินตราและสถานะของพวกเขาล้วนสูงลิ่ว

หลังจากถอนหายใจเมื่อนึกถึงเบื้องหลังของอีกฝ่ายขึ้นมาได้หลินเซวียนก็ไม่คิดจะคิดให้มากความอีก

ด้านนอกนั้นราชันย์มังกรดินถือได้ว่าไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก หลินเซวียนจึงไม่รู้ว่ามันทรงพลังขนาดนั้นและยังไม่อยากจะเข้าท้าทายราชันย์มังกรดินนัก

ไม่กี่นาทีให้หลังถ้ำของราชันย์คางคกเพลิงก็พลันเกิดการกระเพื่อมและปาร์ตี้ปาร์ตี้หนึ่งเดินออกมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บทั่วร่างแต่กลับมีใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข

ก่อนที่หลินเซวียนจะทันได้ก้าวขาออกไปก็มีอีกหนึ่งปาร์ตี้กุลีกุจอเข้าไปเสียก่อน

นักสู้ที่อยู่รอบๆที่เบียดตัวเข้าไปไม่ทันพลันก่นด่าออกมา

หลินเซวียนลูบปากไปมาก ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างได้

เขาทุบตีคนพวกนี้ไม่ได้!

ทุกอย่างเป็นอย่างที่ขาคิด ทันทีที่ปาร์ตี้ปัจจุบันเสร็จสิ้นการโจมตีราชันย์อีกปาร์ตี้หนึ่งที่รอมานานก็จะเตรียมตัวพุ่งเข้าไป

หลินเซวียนเบียดเข้าไปไม่ได้แน่

“รอแล้วกันรอต่อไปเรื่อยๆ...” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอับจน

ในเวลานี้เองเสียงการต่อสู้อย่างรุนแรงก็พลันดังออกมาจากถ้ำของราชันย์มังกรดิน

ทีมสี่คนที่ประกอบไปด้วยแทงค์ถือโล่ นักดาบ นักธนูและหมอกำลังเข้าท้าทายราชันย์มังกรดิน

ราชันย์มังกรดินที่มีขนาดความยาวนับสิบเมตรและร่างกายที่สูงใหญ่ราวแปดเมตรกำลังอาละวาดอย่างสนุกสนาน สำหรับนักสู้แล้วอีกฝ่ายก็ไม่ต่างอะไรไปจากขุนเขาย่อมๆที่เคลื่อนที่ได้

หนังของมันนั้นหนาจนน่าพรั่นพรึง  เมื่อลูกธนูหรือดาบปะทะเข้าไปกลับสร้างความเสียหายได้เพียงเลขหลักเดียวเท่านั้น

กระทั่งต่อให้คนพวกนั้นใช้สกิลก็เพิ่มความเสียหายได้แค่ไม่กี่เท่า ดูแล้วน่าหงุดหงิดใจไม่น้อย

โฮก!

ราชันย์มังกรดินส่งเสียงคำรามดังสนั่นออกมา สกิลยิงต่อเนื่องที่นักธนูกำลังจะใช้พลันถูกขัดเอาไว้เพราะเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นมาปิดหู

ราชันย์มังกรดินสบโอกาสใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าหาอีกฝ่าย

นักสู้ถือโล่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดถูกส่งลอยกระเด็นออกไป เขาพ่นเลือดออกมาและหน้าอกเองก็ยุบยวบจนน่าหวาดกลัว

ราชันย์มังกรดินยกขาหน้าขึ้นสูงและเหยียบลงมาอย่างดิบเถื่อน

นักดาบที่อยู่ข้างๆนั้นพอจะว่องไวอยู่บ้าง เขาคว้าร่างของนักสู้ถือโล่และพุ่งตัวหลบออกไป ยังไงก็ตามถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ขาขวาของนักสู้ถือโล่ก็ยังคงถูกราชันย์มังกรดินเหยียบจนเละอยู่ดี

“เชี่ยเอ๊ย ฮีลเร็ว! อะไรนะฮีลไม่ได้? นี่แกลืมเอายาฟื้นฟูพลังเวทย์มาอีกแล้วหรอ? ฉันจะฆ่าแก!”

นักดาบก่นด่าออกมาด้วยความไม่พอใจ

“พี่โจวไม่ใช่ว่าผมไม่ได้เอายามา ผมซื้อยาน้ำขวดใหญ่มาตั้งห้าขวดแถมยังซื้อขวดเล็กมาอีกตั้งสิบห้าแต่ตอนนี้ใช้ไปหมดแล้ว!” หมอที่ยืนอยู่แนวหลังของกลุ่มซึ่งคอยใช้สกิลฟื้นฟูอยู่ตลอดแสดงสีหน้าขมขื่นและรู้สึกไม่พอใจนัก

“ห่ารากเอ๊ย...!” พี่โจวสบถออกมาด้วยความโมโห “ถอยๆๆ พวกเราสู้กับราชันย์มังกรดินต่อไม่ไหวแล้ว”

เขาหยิบอะไรบางอย่างที่ส่งกลิ่นเหม็นซึ่งได้มาจากแผนกจัดเก็บและโยนออกไปด้านหลังก่อนจะวิ่งหนีออกไปพร้อมกับชายถือโล่

ราชันย์มังกรดินที่ได้กลิ่นเหม็นหืนนี่พลันแสดงท่าทีราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายกาจ มันไม่ให้ความสนใจกับนักสู้ทั้งสี่คนอีกต่อไปและหันไปโจมตีสิ่งของส่งกลิ่นเหม็นที่ว่าแทน

มาถึงตอนนี้ในที่สุดคนทั้งสี่ก็หลบหนีออกไปและกลับมายังชั้นเก้าของถ้ำหินยักษ์ได้สำเร็จ

“โชคดีที่ยังเหลือกองขี้จากขี้ของราชินีมดอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเอาชีวิตรอดออกมาไม่ได้แน่ๆ”

พี่โจวถอนหายใจ

กองขี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากของเสียของราชินีมดขอบเขตที่1จากแดนลับรังมดอสูร นักกู้ซากค้นพบว่าสิ่งนี้ส่งผลต่ออสูรปิศาจที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตที่2และสามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกมันได้

นักดาบผู้นั้นคือโจวเฟิงและคนอื่นๆอีกสามคนเองก็คือนักกู้ซากขององค์กร เนื่องจากนิสัยที่คล้ายๆกันของพวกเขาพวกเขาจึงมารวมตัวกันและตั้งปาร์ตี้ที่มีชื่อว่าเงาเมฆาขึ้นมา

ของเสียของราชินีมดนั้นเป็นพ่อของเขาที่มอบเอาไว้ให้ นักสู้ทั่วๆไปไม่มีทางมีสิ่งนี้ในครอบครองแน่นอน

“อาการบาดเจ็บของเสี่ยวหลิวค่อนข้างสาหัส คงทำได้แค่กลับไปยังสถานีไร้ภัยเท่านั้นแล้ว” หมอประจำทีมป้อนยาฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับชายถือโล่แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่พ้นขีดอันตราย

โจวเฟิงพยักหน้า “กลับก่อนก็ดี พวกเราจะกลับมาอีกครั้งหลังจากอาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูแล้ว คนอื่นๆจะว่ายังไงก็ช่างมัน”

คนทั้งสามช่วยกันแบกชายถือโล่และเดินออกไปจากถ้ำของราชันย์มังกรดิน

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

นักกู้ซากจำนวนมากมารวมตัวกัน พวกเขาส่วนใหญ่เผยรอยยิ้มละโมบโลภมากออกมาหากแต่เพราะสถานะของโจวเฟิงพวกเขาจึงไม่กล้าลงมือทำอะไรและทำได้เพียงลอบกระซิบกระซาบกันเท่านั้น

“คิดว่าการท้าทายพวกราชันย์แดนลับมันเป็นเรื่องง่ายๆรึไง? คนบางกลุ่มมันก็ทะเยอทะยานเกิ๊น”

“ค่าสถานะทั้งหมดของอีกฝ่าย+30%และมีสกิลเกรดสีม่วงตั้งสามสกิล พวกนายนี่ยังกล้าท้าทายราชันย์แดนลับแบบนี้อีกเนอะ”

“เห็นมีอีกคนถือโล่อันใหญ่ๆอยู่นี่ บางทีพวกนายก็ลองไปรวมทีมกับเจ้าหมอนั่นดูก็ได้นะ”

สีหน้าของโจวเฟิงมืดครึ้มและกราดเกรี้ยว

ยังไงก็ตามเมื่อเขาได้ยินว่ามีอีกคนที่ถือโล่เหมือนกันเขาก็อดมองไปทางนั้นไม่ได้

ตรงจุดที่ว่าคือนักสู้คนหนึ่งที่สวมใส่หน้ากากปิศาจสีดำและแบกโล่ขนาดใหญ่เอาไว้

โล่ขนาดใหญ่จนน่าพรั่นพรึงนั่นทำให้คนที่เห็นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกปลอดภัยอย่างแรงกล้าเพียงแค่จ้องมอง

โจวเฟิงอดสงสัยเกี่ยวกับคนผู้นี้ขึ้นมาไม่ได้

นักสู้ที่ปราศจากปาร์ตี้นั้นส่วนใหญ่มักจะมีความแข็งแกร่งสูงล้ำ ไม่ก็มีสัมผัสเป็นเลิศหรือว่องไวเกินต้าน

คนผู้นี้เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีปาร์ตี้แต่กลับเลือกที่จะใช้โล่ หรือเขาคิดจะใช้โล่นั่นค่อยๆบดอสูรจนตาย?

โจวเฟิงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “พี่ชายอยากมาร่วมทีมกับเราไหม?”

หลินเซวียนปฏิเสธออกไปทันควัน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด