Chapter 5 : พิมพ์เขียวอุปกรณ์สีม่วงสุดล้ำค่า
เสียงของหลินเซวียนทำให้สายตาทุกคู่จับต้องไปที่เขา
หยางเว่ยคือคนที่ตกตะลึงมากที่สุด
ในฐานะผู้ดูแลเขารู้ดีว่าหลินเซวียนมีความแข็งแกร่งแค่ไหน
สามวันก่อนเจ้าหมอนี่ยังเป็นแค่ขอบเขต0เลเวล1อยู่เลย หลังจากพลาดมาแล้วสองครั้งติดหนนี้เขาก็น่าจะทำภารกิจไม่สำเร็จเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆลู่หลัวปรากฏตัวออกมาหยางเว่ยคงได้เตะหลินเซวียนออกไปแล้ว
“นายเนี่ยนะ? หยุดล้อเล่นได้แล้วน่า” หยางเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ลู่หลัวเกลียดคนที่โกหกเธอที่สุด ถ้านายโกหกเรื่องถุงน้ำดีล่ะก็ผลที่ตามมาคงน่าสังเวชมาก”
หลินเซวียนไม่สนใจคำพูดของหยางเว่ยแต่เดินเข้าไปหาลู่หลัวแทน
“นายมีมันจริงๆใช่ไหม?”
ลู่หลัวมองไปที่ชายหนุ่ม
เธอเกลียดคนที่โกหกมากที่สุด คนสุดท้ายที่หลอกเธอคือผู้ดูแลของเขตDและเธอก็ตัดแขนเขาทิ้งไปแล้ว
‘ผู้จัดการ’ ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องก้าวเข้ามาจัดการเรื่องนี้เอง ท้ายที่สุดมันก็ถูกปล่อยให้ผ่านไป
หลินเซวียนหยิบถุงน้ำดีของงูซึ่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆราวกับพึ่งถูกนำออกจากร่างของงูออกมา6ถุง
ดวงตาของลู่หลัวเปร่งประกาย “ทำไมนายถึงมีถุงน้ำดีนี่เยอะนัก?”
หลินเซวียนคิดหาข้อแก้ตัวเอาไว้นานแล้ว เขาแสร้งทำทีเป็นกังวลและเอ่ยออกมาว่า “ผมโชคดีบังเอิญไปเจอกับถ้ำของอสรพิษเกล็ดดำมา อสรพิษเกล็ดดำพวกนั้นกำลังสู้อยู่กับคางคกพิษปิศาจและได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ผมเลยราดน้ำมันและจุดไฟเผาพวกมันทั้งหมด”
อสรพิษเกล็ดดำและคางคกพิษปิศาจคือศัตรูโดยธรรมชาติของกันและกัน พวกมันทั้งสองฝ่ายไม่ค่อยกินเส้นกันซักเท่าไหร่นักและทั้งสองฝ่ายล้วนมีค่าความต้านทานไฟที่ต่ำมากและอาจจะถูกไฟทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกๆคนจะเชื่อคำกล่าวอ้างประเภทนี้ หากแต่อย่างมากพวกเขาก็ทำได้เพียงสงสัยเท่านั้น
ลู่หลัวพยักหน้ารับคำ “ดีมากถ้างั้นข้อตกลงของพวกเราก็ถือว่าบรรลุแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายจงออกจากเขตBแล้วเข้าร่วมกับเขตCซะ”
ดวงตาของเหล่านักกู้ซากเบิกกว้าง
เชี่ย!
เจ้าเด็กเวรนี่มีตั้งหกถุงได้ยังไง?! นั่นมันหกถุงเลยนะเว้ย!
จ้าวกงที่เพิ่งจะมอบถุงน้ำดีให้กับหยางเว่ยไปก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
อสรพิษเกล็ดดำเป็นอสูรปิศาจที่มีระดับอยู่ที่ขอบเขต0เลเวล3แต่ยากมากที่จะจับพวกมันได้เนื่องจากพิษร้ายและความว่องไวของพวกมัน
ตัวเขาเองก็โชคดีมากที่บังเอิญไปเจอเข้ากับอสรพิษเกล็ดดำที่ได้รับบาดเจ็บ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะสังหารมันลงได้
แล้วหลินเซวียนทำได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าสามวันก่อนเจ้าหมอนี่ยังเป็นแค่ขอบเขต0เลเวล1อยู่เลยไม่ใช่หรอ?
แววตาของหยางเว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ถุงน้ำดีอสรพิษเกล็ดดำหกถุง!
เขายังกินถุงน้ำดีงูไม่ครบสิบเลย เขาเองก็ต้องการเจ้าสิ่งนี้เหมือนกัน!
“หลินเซวียน...นายยังมีโอกาสอยู่นะ มอบถุงน้ำดีทั้งหกถุงนั่นให้ฉันแล้วฉันจะให้นายเป็นเบ๊ส่วนตัว! นายไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงในแดนลับอีกต่อไป!” หยางเว่ยตะโกน
หลินเซวียนส่ายหัวอย่างหนักแน่น
ตลกเหอะ
ถ้าเขาไม่เข้าไปในแดนลับแล้วเขาจะอธิบายเรื่องที่มีไอเทมจำนวนในครอบครองได้ยังไง?
หยางเว่ยโกรธาขึ้นมา พลังของนักสู้ขอบเขต3เลเวล4ปะทุออกมาและเพียงเสี้ยวพริบตาร่างของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของหลินเซวียนและเตรียมจะคว้าคอเขาแล้ว
ยังไงก็ตามร่างของลู่หลัวกลับวูบไหวและเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
เจ้าหล่อนขว้าแขนของหยางเว่ยด้วยมือเดียวและโยนร่างเขาออกไปอีกครั้งราวกับเศษขยะ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลิน...หลินเซวียนคนนี้ถือว่าเป็นคนของฉัน นอกจากฉันแล้วใครก็ห้ามแตะต้อง”
ลู่หลัวจ้องไปที่หยางเว่ยด้วยสายตาเย็นชา
แม้ว่าเธอจะเกือบลืมชื่อของหลินเซวียนแต่คำขู่นั้นกลับไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย
หยางเว่ยคลานขึ้นมาจากพื้นและกัดฟันกล่าววาจาออกมา “เข้าใจแล้ว...”
หลินเซวียนเก็บข้าวเก็บของและเดินตามลู่หลัวไปยังเขตC
ลูหลัวนำเขามายังหอพักซึ่งเป็นหอพักที่มี12เตียง เจ้าหล่อนชี้ไปที่เตียงว่างเตียงหนึ่ง
“นี่เป็นหอพักใหม่ของนาย ตามกฏแล้วนายจะมีเวลาพักได้หนึ่งวันเต็มๆหลังจากอยู่ในแดนลับมาสามวัน ฉันเห็นว่าปลอกคอนายโดนลงบันทึกโทษมาสองครั้งแล้ว ตามข้อตกลงฉันจะจัดการให้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้นแต่ในเมื่อนายให้ถุงน้ำดีฉันมาหกถุงฉันจะจัดการลบทั้งหมดให้เลยแล้วกัน”
ลู่หลัวหยิบเครื่องสแกนของเธอขึ้นมาและกวาดสายตามองปลอกคอของหลินเซวียนอยู่พักหนึ่ง ในระหว่างที่เจ้าหล่อนลบ ‘บันทึกโทษ’ เจ้าหล่อนก็ยังตรวจสอบเลเวล ค่าสถานะและอุปกรณ์ของหลินเซวียนด้วยซึ่งก็ไม่มีอะไรพิเศษ
“นอกจากนี้ฉันจะให้โอกาสนายได้อุปกรณ์เกรดสีเขียวจากแผนกอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งแล้วกัน”
“หยางเว่ยน่าจะไม่พอใจนายอย่างแรง ในอนาคตก็ไปที่เขตBให้น้อยลงและระวังตัวเมื่อเผชิญหน้ากับนักกู้ซากจากเขตBด้วย”
ลู่หลัวกล่าวเตือนอีกครั้ง
“ครับ” หลินเซวียนพยักหน้ารับคำรัวๆ
แม้ว่าผู้ดูแลคนนี้จะดูเย็นชาแต่ความรู้สึกที่เขารู้สึกได้นั้นกลับดีกว่าหยางเว่ยมาก
“แต่ผมยังไม่อยากพัก ผมยังอยากจะไปที่แดนลับอีก” หลินเซวียนเอ่ย
ลู่หลัวมองไปที่เขาอย่างสงสัยและโบกมือไปมา “จะอยากพักรึเปล่านั่นเป็นเรื่องของนายดังนั้นฉันจะไม่เข้าไปยุ่งแต่นายจะต้องส่งของสิบชิ้นในทุกๆสามวัน นั่นคือขีดจำกัด”
หลินเซวียนพยักหน้ารับและมองดูจนลู่หลัวลับสายตา
“เปลี่ยนผู้ดูแลแล้วทีนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างสบายใจและไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรมาขวางแล้ว”
หลังจากพักผ่นออยู่ซักพักเขาก็เดินไปยังแผนกอุปกรณ์และรับอุปกรณ์มา
อุปกรณ์ที่เขาเลือกคือโล่เกรดสีเขียว โล่นี้ในอนาคตจะมีหลายต่อหลายคนได้เห็นมัน
…
[ชื่อ : โล่แห่งปรารถนา]
[เกรด : สีเขียว(ไม่ธรรมดา)]
[ข้อจำกัดในการสวมใส่ : ความอดทน 10]
[ความสามารถที่1 : ความอดทน+1]
[ความสามารถที่2 : เหรียญทั่วไปที่ได้รับจากการต่อสู้เพิ่มขึ้น+2%]
…
หลังจากได้โล่แห่งปรารถนามาหลินเซวียนก็พุ่งไปยังประตูแสงและมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำหินยักษ์ในทันที
วันนี้เป็นวันพักผ่อนและนักกู้ซากส่วนมากขององค์กรต่างก็ใช้เวลานี้พักผ่อนกันทั้งนั้น การกระทำของหลินเซวียนจึงเป็นการดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆในทันที
“เชี่ย...เจ้าหมอนี่ไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยรึไง”
“เฮ้อ เขาเองก็เป็นคนน่าเศร้าคนหนึ่งอย่าไปพูดถึงเลย”
“หวังว่าเขาจะรอดกลับมาได้นะ ในแดนลับแบบนี้ง่ายมากต่อการได้รับบาดเจ็บซ่อนเร้น”
เหล่านักกู้ซากของเขตCมองแผ่นหลังของเขาด้วยแววตาเห็นใจ
ส่วนเหล่านักกู้ซากของเขตBเองก็เห็นการกระทำของหลินเซวียนเช่นกันจึงพากันไปรายงานให้หยางเว่ยฟัง
“ทันทีที่ไปถึงเขตCแกก็รีบสอพลอกับลู่หลัวเชียวนะ...น่ารังเกียจจริงๆ” หยางเว่ยแค่นเสียงแต่ทุกๆคนที่ได้ยินกลับสังเกตุได้ว่าน้ำเสียงของเขามีความอิจฉาแฝงอยู่
“บอสพวกเราควรจะสอนบทเรียนให้มันไหม?” นักกู้ซากคนหนึ่งกล่าว
“ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร” หยางเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ถ้ามันได้รับบาดเจ็บทันทีหลังจากเข้าร่วมกับเขตCคนอื่นๆคงหาว่าฉันใจแคบพอดี”
นักกู้ซากคนนั้นพยักหน้ารับคำรัวๆด้วยท่าทีประจบประแจง เมื่อหยางเว่ยได้ยินคนเหล่านี้เอ่ยคำเช่นว่า ‘มีเมตตา , ใจกว้างและมีคุณธรรม’ ก็ทำให้ตัวเขามีความสุขยิ่งนัก
แน่นอนว่านักกู้ซากเหล่านี้ก็ไม่ได้โง่ พวกเขารู้ดีว่าที่หยางเว่ยไม่ทำอะไรเพราะกลัวว่าจะเป็นการยั่วยุโลลิใบหน้าสุดเย็นชาแต่โคตรจะดุร้ายคนนั้น
...
สิบวันให้หลัง
ในระหว่างที่ผ่านมาหลินเซวียนทำภารกิจสำเร็จอย่างว่าง่าย ในทุกครั้งเขาจะมอบไอเทมเกินไปหนึ่งหรือสองชิ้น เช่นนี้แล้วก็จะได้ไม่เป็นที่จับตามากนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ผู้ดูแลพอใจอีกด้วย
เลเวลของเขาในองค์กรเองก็เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เป็นนักกู้ซากหนึ่งดาวมาเป็นนักกู้ซากสองดาวแล้ว การดูแลที่ได้รับเองก็ดีขึ้นมาและได้รับเหรียญทั่วไป20เหรียญทุกอาทิตย์
เหรียญจำนวนเท่านี้ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ยังไงก็ตามมันก็เทียบได้กับแค่เศษเสี้ยวที่เขาได้จากการฝึกเท่านั้น
บนชั้นที่เก้าภายในถ้ำหินยักษ์
หนนี้หลินเซวียนไม่ได้รั้งอยู่ในสถานีไร้ภัยอีกแต่เลือกที่จะหาถ้ำธรรมชาติแทน
เนื่องจากการอยู่ที่สถานีไร้ภัยนั้นมีคนที่จำเขาได้ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกและทำให้คนอื่นๆทีเห็นยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
นักกู้ซากที่ชอบหดหัวอยู่ในสถานีไร้ภัยดันทำภารกิจขององค์กรสำเร็จตลอดเนี่ยนะ?
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้หลินเซวียนได้เหรียญทั่วไปมาเป็นจำนวนมากและมิติส่วนตัวเองก็เพิ่มระดับจากเลเวล2เป็นเลเวล3แล้ว
หลังจากมิติส่วนตัวอัพเป็นเลเวล3 โต๊ะสร้างอุปกรณ์โต๊ะแรกก็ถูกปลดล็อคโดยอัตโนมัติ
โต๊ะสร้างอุปกรณ์นี้สามารถสร้างได้ทั้งอุปกรณ์และรูน
ยังไงก็ตามการสร้างอุปกรณ์นั้นจำเป็นต้องมีพิมพ์เขียว หลินเซวียนตอนนี้ไม่มีพิมพ์เขียวเลยซักเล่ม
[พื้นที่ปัจจุบัน : ถ้ำหินยักษ์ชั้น9 (9เหรียญทั่วไป/นาที , ค่าประสบการณ์45แต้ม/นาที]
[กิ้งก่ากลืนทองได้ฝึกฝนมาแล้ว5ชั่วโมงและถึงขีดจำกัดระยะเวลาในการฝึกฝนแล้ว : ท่านได้รับเหรียญทั่วไป2700เหรียญ , ค่าประสบการณ์13,500แต้ม , หนังสือสกิลขอบเขต0สิบห้าเล่ม , อุปกรณ์ขอบเขต0ยี่สิบหกชิ้น...ต้องการรวบรวมหรือไม่?]
“แน่นอน”
ไอเทมจำนวนมากปรากฏขึ้นมาในมิติส่วนตัวของเขาในทันที
โต๊ะหลอมอุปกรณ์ทั้งสองเองก็เริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่งโดยการสร้างแท่งเหล็ก แท่งทองแดง แท่งเหล็กเมฆา แท่งทองแดงภูเขาจำนวนมากออกมา อีกหนึ่งก็ทำการหลอมอุปกรณ์และเปลี่ยนให้กลายเป็นแก่นอุปกรณ์เกรดสีขาวและเขียว
ใช่แล้ว หลินเซวียนไม่สนใจอุปกรณ์สวมใส่เกรดสีเขียวอีกต่อไป ตอนนี้ที่เขาต้องการมีเพียงอุปกรณ์ที่มีระดับเหนือกว่าสีเขียวเท่านั้น
“เอ๋..นี่มันพิมพ์เขียวอุปกรณ์เกรดสีม่วงนี่?”
หลินเซวียนดีใจยิ่งนัก
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พิมพ์เขียว