Chapter 1 : ร่างอวตารร่างแรก
‘เราอยู่ที่ไหนเนี่ย?! ทำไมปวดไปทั้งตัวแบบนี้’
หลินเซวียนเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งและพบว่าตัวเองอยู่ในโถงขนาดใหญ่ ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ยังไงก็ตามผู้คนที่อยู่รอบๆนั้นกลับไม่กล้าพูดคุยเสียงดังและทำกันได้เพียงกระซิบกระซาบเท่านั้น
สิ่งที่แปลกก็คือบริเวณลำคอของทุกคนในที่นี้ล้วนมีปลอกคอสวมเอาไว้
ด้านนอกฝูงชน ชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่งเดินไปเดินมาพร้อมกับลูกสมุนสองคนและจับจ้องไปยังทุกๆคนด้วยแววตาเย็นชา
“เจ้าพวกนี้คือคนจากชุมชนBDSMทั้งหมดเลยรึ...?”
ในวินาทีนี้เองเขาก็พลันรู้สึกได้ว่าบริเวณคอของตัวเองรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อมองลงไปก็พบว่าตัวเขาเองก็ปลอกคออยู่บนลำคอไม่ต่างกัน ‘โอ้เราก็มีแฮะ ถ้างั้นก็ดี’
นอกจากนี้เขายังพบอีกว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะเล็กลงเยอะทีเดียว กล้ามเนื้อท้องแปดลูกแน่นๆและร่างกายกำยำที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว กลับกันกลับถูกแทนที่ด้วยร่างแคระแกรนขาดสารอาหารแทน
เขามองไปเบื้องหน้าและเห็นว่ามีประตูที่กำลังเรืองแสงสามบานตั้งอยู่
พริบตานั้นเองหลินเซวียนก็พลันรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา ความทรงจำมากมายไหลหลั่งเข้าสู่สมองของเขา มาถึงตอนนี้เขาถึงพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองข้ามมิติมา
โลกใบนี้ก็เหมือนกับโลกของเขา หลังจากโลกได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่รูปแบบดิจิทัล...ยุคสมัยใหม่ก็ได้มาถึง บนหน้าต่างค่าสถานะส่วนตัวของทุกคนล้วนปรากฏค่าสถานะอย่าง ความอดทน พละกำลัง ความเร็ว พลังจิตและอื่นๆให้เห็น นอกจากนี้พวกเขาทุกคนยังได้มิติเก็บของมาอีกด้วย นี่คือมิติเก็บของจำเพาะที่มีขนาดพอๆกับมิติขนาดเล็ก
ในเวลาเดียวกันเมื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคแห่งดิจิทัลได้เกิดขึ้น ประตูแสงบานแล้วบานเล่าก็พากันปรากฏ ประตูแสงเหล่านี้จะนำไปสู่แดนลับ ยิ่งประตูแสงมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่อันตรายของแดนลับแห่งนั้นก็จะยิ่งทบทวี
อสูรปิศาจจำนวนมากมายหลั่งไหลออกมาจากประตูแสงและเข้าเข่นฆ่ามนุษย์สร้างหายนะไปทั่วโลก มนุษย์ไม่อาจต้านทานอสูรปิศาจที่ทรงพลังเหล่านี้ได้และถูกบีบให้ต้องถอยล่นมาเรื่อยๆจนจำนวนประชากรลดน้อยลง
ยังไงก็ตามเรื่องนี้ยังทำให้พวกเขาค้นพบอีกด้วยว่าพวกเราจะได้ค่าประสบการณ์ เหรียญทั่วไป อุปกรณ์ วัตถุดิบ หนังสือสกิลและรูนจากการสังหารอสูรปิศาจเหล่านี้ ตั้งแต่วันนั้นเหล่านักสู้กลุ่มแรกก็ได้ปรากฏ พวกเขานำพามนุษย์ตอบโต้กลับเหล่าอสูรและมุ่งตรงเข้าสู่แดนลับบางแห่ง
องค์กรที่ทรงพลังบางแห่งถึงขั้นยึดครองแดนลับบางแห่งที่มีอสูรระดับต่ำเอาไว้เป็นการส่วนตัว พวกเขาใช้มันเพื่อบ่มเพาะนักสู้ให้กับตนเองและเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติหลากหลาย
หลังจากออกสำรวจมาหลายปี มนุษย์ก็ได้พบว่าแดนลับบางแห่งนั้นสูงสุดมีเพียงอสูรปิศาจเลเวล9ขอบเขต0เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกแดนลับเหล่านี้ว่าแดนลับขอบเขตที่0 แดนลับประเภทนี้เหมาะสำหรับให้ผู้ฝุกพลังขอบเขตที่0ออกสำรวจ
แดนลับอื่นๆที่มีเพียงอสูรปิศาจขอบเขตที่1ก็จะเหมาะสำหรับให้นักสู้ขอบเขตที่1ออกสำรวจ
หลังจากนักสู้เหล่านี้ฝึกฝนอยู่ในแดนลับขอบเขตที่0 ขอบเขตที่1และสองจนพอควรแล้วพวกเขาก็จะพบว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องสำรวจแดนลับที่อันตรายและโกลาหลมากกว่านี้
กระนั้นแล้วอสูรปิศาจก็ยังหลั่งไหลออกมาจากแดนลับอย่างต่อเนื่องและสังหารเหล่าผู้คนไปไม่น้อย หลายๆแห่งบนโลกเองก็ยังคงถูกอสูรปิศาจยึดครอง โลกทั้งใบนั้นตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลและอันตรายและมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน
ตัวตนเดิมของหลินเซวียนเองก็เป็นผู้ประสบภัยจากหายนะอสูรเช่นกัน ครอบครัวของเขาทั้งหมดถูกอสูรปิศาจกินและตัวเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่หลบหนีมาได้
ยังไงก็ตามตัวเขานั้นเป็นเพียงนักสู้เลเวล1ขอบเขตที่1ที่ไร้ความสำคัญเท่านั้น เขาไม่อาจถือได้ว่าเป็นนักสู้อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะหาเลี้ยงชีพจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา
ไม่นานหลังจากที่เมืองทะเลสาบตะวันออกถูกสร้างขึ้น เมืองแห่งนี้ได้ถูกองค์กรที่มีชื่อว่า ‘องค์กรเจอร์มินอล’ เข้าควบคุม ถ้าเขาอยากจะไปยังเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็จำเป็นต้องเดินทางผ่านแดนรกร้างที่มีอสูรปิศาจอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ตัวเขามีสามทางเลือก ทางเลือกแรกคือเข้าสู่แดนลับเพียงลำพังโดยปราศจากไอเทมหรือข้อมูลใดๆ
ทางเลือกที่สองคือหลบซ่อนอยู่ภายในมุมมืดของเมืองและไม่อาจเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกตลอดชีวิต ไม่แน่ว่าวันนึงเขาอาจจะกลายเป็นขนมทานเล่นให้กับพวกอสูรที่ผ่านไปผ่านมาก็เป็นได้
ทางเลือกที่สามคือเซ็นต์สัญญาทาสกับองค์กรเจอร์มินอลและขายตัวเองเป็นเวลาสามปี เขาจำเป็นต้องใช้ปลอกคอและกลายเป็นหน่วยกู้ซากแดนรกร้างขององค์กร
ท้ายที่สุดตัวตนเดิมของหลินเซวียนก็เลือกที่จะกลายเป็นหน่วยกู้ซากแดนรกร้าง ยังไงซะองค์กรเจอร์มินอลก็มีรากฐานที่หยั่งลึกและให้ข้อมูลเกี่ยวกับแดนลับหรือวิธีเสี่ยงชีวิตมากมายให้กับเขาได้ เช่นนี้ยังไงก็ดีกว่าไปเพียงลำพัง
สามปีที่ผ่านมาตัวเขารับใช้องค์กรเจอร์มินอลและได้เข้าสู่แดนลับที่ทางองค์กรครอบครองเพื่อออกล่าสมบัตินานาชนิดอยู่บ่อยครั้ง ทางองค์กรเองก็ยืนยันความปลอดภัยและให้เหรียญทั่วไปกับพวกเขาทุกอาทิตย์
ปลอกคอที่สวมอยู่บนลำคอของพวกเขาจะจดจำไอเทมที่นำเข้าและออกจากมิติเก็บของของเหล่าหน่วยกู้ซากทุกคน ดังนั้นหน่วยกู้ซากจึงไม่อาจซ่อนไอเทมเอาไว้กับตัวได้ อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงลอบแลกเปลี่ยนกับหน่วยกู้ซากคนอื่นๆเท่านั้น ยังไงก็ตามเมื่อพวกเขากลับมายังองค์กรก็ยังต้องถูกตรวจค้นอีกรอบอยู่ดี ถ้าพูดถึงไอเทมระดับสูงทางองค์กรจะให้ความสำคัญกับการ ‘เลือกสรรค์’ ไอเทม แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่พวกเขากล่าวแต่แท้จริงแล้วมันเป็นเหมือนข้อบังคับเสียมากกว่า
ชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่งผู้นี้คือผู้ดูแลหลินเซวียนและคนอื่นๆ เขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาอีกทีเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะทำภารกิจได้ลุล่วง
ถ้าพวกเขาทำภารกิจสำเร็จและทำได้มากกว่าที่ต้องทำพวกเขาก็จะได้รับรางวัล รางวัลนั้นก็มีตั้งแต่หนังสือสกิล อุปกรณ์สวใส่หรือเพิ่มสถานะภายในองค์กร
ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะถูกลงบันทึกไร้ค่าเอาไว้ในปลอกคอ หลังจากถูกลงบันทึกไร้ค่าครบ3ครั้งทางองค์กรก็จะทำการฉีกสัญญาและช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างของผู้กู้ซากคนนั้นไปก่อนจะขับไล่เขาออกจากองค์กร
เมื่อวานนี้หลินเซวียนคนเดิมได้ทำภารกิจล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวหน้าของเขาเองก็ไม่ได้มอบยารักษาให้ ด้านนอกนั้นยังมีผู้อพยพอีกเยอะ ถ้าหนึ่งตายก็ย่อมมีอีกหลายคนสู้เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ว่างลง
เมื่อตอนที่เข้าแถวเมื่อครู่เจ้าของร่างเดิมก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว
หลินเซวียนที่เพิ่งจะข้ามมิติมาพอดีจึงได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้
หัวใจของเขาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
นี่อ่ะนะจุดเริ่มต้นในการข้ามมิติของเขา?
ขณะนั้นเองหัวหน้าของเขาก็ได้ตะโกนออกมาผ่านโทรโข่ง
“ผู้กู้ซากแดนรกร้างประจำเขตBรีบใช้ประตูเคลื่อนย้ายมุ่งหน้าไปยังถ้ำหินยักษ์ขอบเขตที่0ในทันที! พวกนายมีเวลาสามวันโดยต้องนำไอเทมขอบเขตที่0จากถ้ำหินยักษ์กลับมาให้ได้อย่างน้อย10ชิ้น!”
ฝูงชนเบื้องหน้าพากันหลั่งไหลเข้าสู่ประตูแสงและหายตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับกลัวจะถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
ผู้เป็นหัวหน้าเห็นว่าหลินเซวียนยังอยู่จึงตะโกนออกมาทันที
“ทำไมยังมัวอืดอาดอยู่อีก?! ครั้งล่าสุดแกก็ทำภารกิจไม่สำเร็จ! ถ้าแกไม่อยากจะทำงานแล้วก็ยังมีคนข้างนอกอีกมากที่ยินดีจะทำแทนแก!”
หลินเซวียนรีบตบเท้าเข้าไปในประตูแสงในทันที
หัวหน้าผู้นั้นแค่นเสียง “ถ้าหนนี้แกทำภารกิจไม่สำเร็จอีกคอยดูเถอะว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง”
กระบวนการผ่านประตูแสงนั้นไม่ง่ายเลย
หลินเซวียนรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นแป้งที่ถูกนวดโดยไม่เต็มใจ ลำไส้ของเขาบีบรัดและการรับรู้เองก็หมุนติ้ว
ยังไงก็ตามความรู้สึกนี้นั้นมาเร็วไปเร็วยิ่งนัก
ไม่นานนักเขาก็มาปรากฏตัวอยู่บนพื้นดินแข็ง
หลินเซวียนเปิดตาและเห็นว่ามันเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ ไม่ไกลนักมีหลุมยักษ์ที่นำลงไปสู่ด้านล่าง รัศมีของหลุมนี้ดูแล้วน่าจะเกินกว่า500เมตรและดูราวกับปากของอสูรขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
นี่คือหนึ่งในแดนลับที่ถูกทางองค์กรเจอร์มินอลควบคุม
เหล่าผู้กู้ซากแดนรักร้างจำนวนมากเดินออกมาจากประตูแสงและเข้าสู่ถ้ำหินยักษ์เป็นกลุ่มสามคนบ้าง ห้าคนบ้าง
ภาพนี้ทำให้หลินเซวียนตกตะลึงยิ่งนัก
เขายังสังเกตุเห็นอีกด้วยว่าผู้กู้ซากส่วนใหญ่จะสวมปลอกคอ มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ไม่มีปลอกคอ พวกเขามักจะเป็นหมาป่าเดียวดายที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งพอตัว พวกเขาจำเป็นต้องจ่ายค่าผ่านทางเพื่อผ่านเข้าประตูแสงและอาจจะตายที่มุมใดมุมหนึ่งของแดนลับได้ทุกเมื่อ
หลินเซวียนถอนหายใจและเดินกลมกลืนไปกับฝูงชน เตรียมจะเข้าสู่ถ้ำหินยักษ์
ในเวลาเดียวกันเขาก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะของตัวเองขึ้นมา
...
[ชื่อ : หลินเซวียน]
[ระดับ : เลเวล1ขอบเขตที่0]
[ค่าประสบการณ์ : 820/1000]
[ค่าสถานะ : ความอดทน 8 , พละกำลัง 7 , พลังจิต 8 , ความเร็ว 3 (ค่าสถานะโดยเฉลี่ยของมนุษย์ผู้ใหญ่คือ10)]
[สกิล : ลอบโจมตี , เท้ามันเยิ้ม , ขุดเหมือง]
[อุปกรณ์สวมใส่ : ปลอกคอผู้กู้ซากแดนรกร้าง , มีดเหล็ก , ชุดเกราะวัวคลั่ง]
[ไอเทม : บิตกิตหลากรสชาติ2ชิ้น , น้ำแร่1ขวด]
...
หลินเซวียนยิ้มออกมาอย่างสิ้นหวัง
จากนั้นความทรงจำเกี่ยวกับถ้ำหินยักษ์ก็เริ่มปรากฏขึ้นมาในสมองของเขา
ถ้ำหินยักษ์นั้นมีความลึกอยู่ที่1000เมตรและแบ่งออกเป็นหนึ่งชั้นทุกๆ100เมตร
ในชั้นแรกจะเป็นอสูรปิศาจขอบเขตที่0เลเวล1
ชั้นที่สองจะเป็นขอบเขตที่0เลเวล2และไล่ระดับไป
บนชั้นที่สิบคือที่อยู่อาศัยของ ‘ราชันย์แดนลับ’ แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงอสูรปิศาจขอบเขตที่0เลเวล9แต่ก็ทรงพลังกว่าอสูรขอบเขตที่0เลเวล9ทั่วๆไปมากนัก นักสู้ขอบเขตที่0เลเวล9หลายคนจำเป็นต้องร่วมมือกันหากต้องการท้าทายมัน
“เลเวลของเจ้าของร่างนี้ต่ำมาก การเข้าสู่แดนลับแบบนี้เป็นอะไรที่โคตรอันตราย นี่ไม่ใช่เกมด้วย ถ้าตายก็คือตายจริง”
ทันใดนั้นเองเขาก็พลันได้ยินเสียงวายวายดังขึ้นเบื้องหน้า
“ทำไมมีศพของกิ้งก่ากลืนทองอยู่ตรงนี้ล่ะ? โชคไม่ดีจริงๆ!”
ทันทีหลังจากนั้นร่างของกิ้งก่าขนาดประมาณครึ่งเมตรก็ถูกโยนทิ้งออกไป
หลินเซวียนมองตามและพบว่าร่างของเจ้ากิ้งก่านั้นถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้แสงสีเขียวและมีเลือกออกจากรูทวารทั้ง7 เป็นการตายที่น่าอนาถยิ่งนัก
“กิ้งก่ากลืนทอง?”
กิ้งก่ากลืนทองชื่นชอบในการกินโลหะทุกประเภท ดังนั้นพวกมันจึงมีเกล็ดที่ค่อนข้างทนทาน แม้ว่าจะเป็นเพียงอสูรขอบเขตที่0แต่อสูรที่เลเวลเยอะกว่าพวกมันหลายเลเวลมากมายแทบจะทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย แม้ว่าจะสังหารได้แต่เกล็ดของพวกมันนั้นไม่ดรอป ดังนั้นหลายๆคนจึงตัดสินใจว่าไม่ควรไปเสียเวลากับพวกมันจะดีที่สุด
นักสู้เองก็ไม่ชอบอสูรปิศาจประเภทนี้เท่าไหร่นัก นี่เป็นเพราะไม่เพียงแต่กิ้งก่ากลืนทองจะมีหนังแข็งเนื้อหนาเท่านั้นแต่ยังชอบยั่วยุผู้อื่นอีกด้วย พวกมันจึงเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าพี่ใหญ่หัวแบนประจำถ้ำหินยักษ์
เมื่อเหล่านักสู้พบกับพวกมันก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงให้ไว
ผู้กู้ซากบางคนจึงมีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นักเมื่อเห็นซากของกิ้งก่ากลืนทอง
พริบตานั้นเองเสียงอะไรบางอย่างก็ได้ดังขึ้นมาในหัวของหลินเซวียน
[ตรวจพบเป้าหมายที่ตายแล้ว กำลังทำการวิเคราะห์...]
[กิ้งก่ากลืนทอง – อสูรปิศาจขอบเขตที่0เลเวล1 : ค่าสถานะ : ความอดทน 15 , พละกำลัง 13 , ความเร็ว 5 , พลังจิต 1 , : สกิล - ขุดดิน , กลืนทอง , เกราะแกร่ง]
[สาเหตุการตาย : พิษ]
[ณ ปัจจุบันท่านยังเหลือที่ว่างสำหรับร่างอวตาร ต้องการครอบครองร่างของกิ้งก่ากลืนทองและใช้มันเป็นร่างอวตารฝึกฝนหรือไม่?]
[หมายเหตุ : เป้าหมายที่ตายแล้วนี้จะถูกคืนชีพมาด้วยพลังชีวิตเต็มหลอด]
หลินเซวียนติดสตั้นไปทันที นักสู้คนอื่นๆไม่มีร่างอวตารแบบนี้ นี่มันเป็นสูตรโกงของเขาชัดๆ
ใบหน้าของเขาแสดงท่าทีดีอกดีใจพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ “เยส”
พริบตาต่อมาเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงปฏิกริยาตอบสนองจากกิ้งก่ากลืนทอง
ร่างของกิ้งก่ากลืนทองตัวนั้นจู่ๆก็พลิกกลับและลุกขึ้นยืนด้วยแววตากลิ้งกลอก
“เชี่ย!”
ผู้กู้ซากที่อยู่รอบๆตื่นตระลึงและทั้งต่อยทั้งเตะมันตามสัญชาตญาณ
กิ้งก่ากลืนทองคลานจากไปอย่างไร้สติ การโจมตีของผู้กู้ซากทั้งหลายไม่อาจทำร้ายมันได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักกิ้งก่ากลืนทองก็ใช้สกิลขุดดินขุดผ่านชั้นหินและหายไปจากสายตาของผู้กู้ซากอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น? พิษกระจายไปทั่วร่างของมันแล้วชัดๆแต่กลับยังไม่ตายแถมยังดูปึ๋งปั๋งอีกเนี่ยนะ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า? มันอาจจะยังไม่ตายก็ได้”
หลังจากตกตะลึงกันอยู่ซักพักพวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกและมุ่งหน้าเข้าสู่ถ้ำหินยักษ์ต่อไป
หลินเซวียนกลับตกตะลึงระคนดีใจ
ภาพมุมมองบุคคลที่1สองจอปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเขา
หนึ่งนั้นคือภาพที่ร่างหลักของเขาเห็นและอีกหนึ่งคือภาพที่กิ้งก่ากลืนทองมองเห็น
จากนั้นหลินเซวียนก็พบว่าหน้าจอการมองเห็นข้างเคียงของเขานั้นสามารถตั้งค่าการฝึกฝนได้อีกด้วย การตั้งค่าเหล่านี้มีทั้งโจมตี ป้องกัน โจมตีอัตโนมัติและป้องกันอัตโนมัติ
“ลุยไปที่โจมตีกับป้องกันแล้วกัน” หลินเซวียนแตะลงไปเบาๆ
[ท่านได้ตั้งค่าแผนการการฝึกฝนแล้ว ต้องการเริ่มต้นการฝึกฝนเลยหรือไม่?]
หลินเซวียนดูเหมือนจะเข้าใจกระบวนการการทำงานจึงเอ่ยออกมาเบาๆ “แน่นอน”
จากนั้นเขาก็เห็นตัวอักษรสองเส้นปรากฏขึ้นมาที่บริเวณด้านล่างขวาของหน้าจอการมองเห็นข้างเคียงซึ่งเป็นหน้าจอการมองเห็นของกิ้งก่ากลืนทอง
[พื้นที่ปัจจุบัน : ถ้ำหินยักษ์ชั้น1 (1เหรียญทั่วไป/นาที , ค่าประสบการณ์5หน่วย/นาที]
[อสูรกลืนทองได้ทำการฝึกฝนมา1นาทีแล้วและได้รับ1เหรียญทั่วไปและค่าประสบการณ์5หน่วย ท่านต้องการเก็บรวบรวมเลยหรือไม่?]