บทที่ 41 หอคอยบาเบล
บทที่ 41 หอคอยบาเบล
หลังจากภารกิจช่วยเหลือตัวประกันสิ้นสุดลง ตัวแทนจากประเทศต่างๆ ก็ได้รับรางวัล
ประเทศที่สามารถช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ แน่นอนว่ามีตัวแทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ส่วนตัวแทนที่ไม่ช่วยเหลือตัวประกัน ก็ได้รับหีบสมบัติระดับไดมอนด์
คนเดียวที่ได้ทั้งสองอย่าง เกรงว่าจะมีแต่ชูเฟิงจากแดนมังกร
เพราะความแข็งแกร่งของเขา มันเกินความคาดหมายของสมรภูมิแห่งโชคชะตาไปอย่างสิ้นเชิง เขาสามารถช่วยตัวประกันจากกรงเหล็กได้ก่อน แล้วตามด้วยเดินไปหาหีบสมบัติระดับไดมอนด์
ประเด็นก็คือ รางวัลที่ตัวแทนจากประเทศอื่นได้จากการเปิดหีบ มันพิเศษมาก ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ชูเฟิงเปิดได้จากหีบ ... ดันเป็นไข่มังกร
และยังเป็นไข่ของมังกรทองห้ากรงเล็บ
หากดูแลฝึกฝนมันอย่างเหมาะสม หลังจากที่เสี่ยวจินเติบโต มันอาจกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
...
ณ เมืองแดนมังกร ภายในห้องครัว
“จุ๊จุ๊ ไม่ได้ทำอาหารมาหลายปี แต่ไข่ดาวยังหอมฉุย”
ชูเฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ดูเหมือนฉันจะยังไม่แก่นะ”
พอเริ่มได้ใจ ชูเฟิงก็ตอกไข่ใบใหม่ลงกระทะ ทอดมันเรื่อยเป็นห้าหกฟองแล้วเทกองรวมกันบนจาน
ไข่ดาวทุกใบ ตรงกลางไข่แดงเป็นสีเหลืองทองนุ่มนิ่ม หากเอานิ้วแตะจะพบว่ามันเด้งดึ๋ง
เมื่อทอดจนพอใจ ชูเฟิงก็หยิบจานเดินไปที่ห้องโถง ในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ลืมตะโกนว่า“ลูกเอ๋ย ข้าวพร้อมแล้ว!”
ได้ยินเสียงของชูเฟิง ชูเซี่ยขานรับทันที แล้วเดินไปทางห้องโถง
ชูเฟิงนั่งตรงข้ามกับชูเซี่ย เริ่มกินไข่ดาวทอด
“เป็นยังไงบ้าง อร่อยมั้ย?” ชูเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฝีมือของพ่อเจ้ายังดีเหมือนเดิมในวันวาน!”
ชูเซี่ย ผ่านอะไรมามากมาย เขาหิวมาก ขณะที่กำลังกลืนอาหารอยู่ ก็ตอบงึมงำ“อร่อยครับ อร่อยมากจริงๆ ..”
“อร่อยก็ดีแล้ว”
ได้ยินคำตอบของชูเซี่ย ชูเฟิงก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้น เขาคีบไข่ดาวฟองหนึ่งขึ้นมา ยื่นเข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ
“อบอุ่นจริงๆ รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย”
“ถ้าไม่มีใครบอก ฉันคงลืมไปแล้วว่าที่นี่คือสมรภูมิแห่งโชคชะตา”
“เฮ้อ พ่อฉันก็มักจะทำแบบนี้เหมือนกัน ทุกครั้งก่อนทานอาหาร เขาจะนั่งดูฉันกิน ถึงค่อยขยับตะเกียบตาม แต่น่าเสียดาย ที่เขาตายไปนานแล้ว ...”
“มีลูกอีกเยอะที่ไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ สหายทั้งหลาย พวกเรามาไว้อาลัยให้เขากัน”
“นึกไม่ถึงเลย ว่าท่านผู้เฒ่าก็มีด้านที่อบอุ่นแบบนี้ นึกว่าเขาเป็นเซียนที่อยู่เหนือคนอื่นๆซะอีก ที่จริงแล้วก็มีมุมธรรมดาเหมือนกัน”
เพราะหิวกันทั้งคู่ มื้อนี้เลยกินเร็วเป็นพิเศษ
ใช้เวลาไม่นาน ไข่ดาวหลายฟองก็ถูกยัดลงท้องของทั้งคู่
ชูเฟิง ชูเซี่ยมองหน้ากัน ฝ่ายแรกเอ่ยถามทันที “อิ่มแล้วเหรอ ให้ทอดไข่อีกสักสองสามฟองให้ไหม?”
ชูเซี่ยโบกมือซ้ำๆ แล้วพูดว่า “พ่อ พอเถอะ ผมอิ่มแล้ว”
“อิ่มก็ดีแล้ว” จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ งั้นฝากลูกล้างจานด้วย”
ชูเซี่ย“ครับ ...”
เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ถึง ว่าภารกิจแรกของตนหลังเข้าสู่สมรภูมิแห่งโชคชะตา จะกลายเป็นการล้างจาน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชูเซี่ยกำลังจะจากไป เสียงเตือนของสมรภูมิแห่งโชคชะตา ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
แต่เสียงเตือนนี้ ไม่ใช่ได้ยินเฉพาะชูเฟิง มันดังในหูของตัวแทนทั้งหมด!
[ตรวจพบว่าพลังรบของตัวแทนส่วนใหญ่ในสมรภูมิมาถึงระดับมาตรฐานแล้ว ปลดล็อกสิ่งปลูกสร้างใหม่ : หอคอยบาเบล! ]
[หอคอยบาเบลตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเขตอันตราย ขอให้ตัวแทนจากประเทศต่างๆ ค้นหาอย่างระมัดระวัง ]
[เมื่อไปถึงหอคอยบาเบล ภารกิจพิเศษจะถูกเปิดใช้ ขอให้ตัวแทนจากทั่วโลกเตรียมตัวให้พร้อม! ]
หลังจากได้ยินเสียงดังก้องในหู ไม่ใช่แค่ตัวแทนจากประเทศต่างๆที่ตกใจ กระทั่งผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็ตกตะลึง
“แบบนี้ไม่ใช่มั้ง? เพิ่งจบภารกิจล่าสุดไป ก็มีภารกิจใหม่แทรกอีกแล้ว?”
“ไอ้สมรภูมินี่ ไม่ต้องการให้กลุ่มตัวแทนได้พักผ่อนกันเลย!”
“ทุกคนไม่ต้องกังวล ดูเหมือนว่าภารกิจพิเศษยังไม่จำเป็นต้องทำในตอนนี้ ได้ยินที่เสียงเตือนบอกกันแล้วนี่ ว่าภารกิจจะเปิดใช้เมื่อเจอหอคอยเท่านั้น!”
“แต่ที่สำคัญคือ หอคอยบาเบลนี่มันอะไร?”
“ใครจะรู้ แต่ฟังชื่อแล้วรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่”
ชูเซี่ยที่ได้ยินเช่นกันก็เกิดข้อสงสัย หันไปมองชูเฟิงแล้วเอ่ยถาม “พ่อ พ่อได้ยินไหม”
“ได้ยินเหมือนที่ลูกได้ยินนั่นแหละ”
ชูเฟิงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ลูกจะไม่ล้างจาน”
“ต่อให้กองทัพสัตว์ประหลาดมาล้อมเมือง ลูกก็ต้องล้างจานก่อน”
ชูเซี่ย “??”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ชูเซี่ยก็เดินแยกตัวไปพร้อมกับจานในมือ
ชูเฟิงมองเดินลับไป ปากส่งเสียงจิ๊จ๊ะ พึมพำกับตัวเอง“สมรภูมิแห่งโชคชะตานี่มีเรื่องมาให้ตลอดจริงๆ”
“แต่ในเมื่อเป็นภารกิจที่ต้องทำ งั้นไว้ตอนบ่ายแวะไปดูซักหน่อยแล้วกัน”
ชูเฟิงลูบคางตัวเองพร้อมตัดสินใจอย่างเรียบง่าย
แม้เขตอันตรายสำหรับตัวแทนคนอื่นๆมันคือสถานที่เสี่ยงชีวิต แต่สำหรับชูเฟิง ที่นั่นไม่ต่างจากสวนหลังบ้านของตัวเอง จะเดินเล่นยังไงก็ได้
เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าเขาอยากไปเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ
…………
ภายในเมืองของแดนมังกร
ในที่สุดชูเฟิงก็พร้อมออกเดินทาง
แต่คราวนี้ เขาไม่ได้ไปคนเดียว ยังนำชูเซี่ยกับเสี่ยวจินติดตามมาด้วย
บอกตามตรงนะ สิ่งปลูกสร้างที่ชื่อว่าหอคอยบาเบล ลึกๆในใจ ชูเฟิงก็สนใจเหมือนกัน
ก่อนออกเดินทาง ชูเฟิงย้ำอีกรอบ “เมื่อลูกเข้าสู่เขตอันตราย พยายามอยู่ใกล้พ่อไว้ พ่อจะได้ปกป้องลูกง่ายๆ”
“หรือถ้าจังหวะไม่เหมาะจริงๆ ลูกก็หันไปขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวจิน พลังของมันถือว่าใช้ได้เหมือนกัน”
มุมปากของชูเซี่ยกระตุก คิดในใจว่า 'นี่ผมแย่กว่ามังกรน้อยตัวนี้อีกหรอ?'
อย่างไรก็ตาม พูดไปพูดมา ถ้าถึงตอนเจอสัตว์ประหลาด บทบาทของเสี่ยวจินอาจมากกว่าเขาจริงๆ
เพราะยังไงซะ เสี่ยวจินสามารถพ่นลมหายใจมังกรได้ และพลังทำลายของมัน สามารถแผดเผาสัตว์ประหลาดระดับ B จนตาย
เทียบกับชูเซี่ยแล้ว ตัวเองเหมือนท่อนไม้ดีๆนี่เอง
คิดถึงเรื่องนี้ ชูเซี่ยอดถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ พูดออกมาว่า “เข้าใจแล้วพ่อ ผมจะจำไว้”
สภาพเขาในตอนนี้ มันช่างน่าสมเพชจริงๆ!
ดูท่า คงต้องหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองบ้างแล้ว ไม่งั้น กระทั่งมังกรตัวเล็กก็คงไม่มีทางสู้มันได้!
ถ้าเสี่ยวจินล่วงรู้ความคิดของชูเซี่ยตอนนี้ มันคงพ่นไฟใส่หน้าเขาแน่นอน!