บทที่ 40 พลังอันน่าสะพรึงของมังกรทองห้าเล็บ
บทที่ 40 พลังอันน่าสะพรึงของมังกรทองห้าเล็บ
หลังจากเกิดความคิดที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิน ชูเฟิงก็ลงมือทันที
และโชคดีที่มีสัตว์ประหลาดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องลำบากออกไปหาไกลๆ
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ชูเฟิงก็โยนเม่นขนงาช้างระดับ B ลงตรงหน้าเสี่ยวจิน
ภายใต้ความกดดันที่ชูเฟิงปล่อยออกมา เม่นขนงาช้างสั่นระริกไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ต่อมา ชูเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ พวกแกสองตัวจงสู้กัน ใครชนะจะได้เป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน”
ฮู้มมมม!
ราวกับเข้าใจคำพูดของชูเฟิง เม่นขนงาช้างที่ถูกโยนลงไปลุกพรวดขึ้นทันที แผดเสียงต่ำไปทางเสี่ยวจิน
เผชิญกับการยั่วยุของมัน เสี่ยวจินโกรธขึ้นมาทันควัน!
ชูเฟิงจะบีบบังคับ จะขู่เข็ญ จะกดดันมันก็แล้วไปเถอะ เพราะยังไงซะมันไม่สามารถเอาชนะชูเฟิงได้
กระนั้น เม่นขนงาช้าง แกมันเป็นแค่ตัวอะไร?
ก็แค่สัตว์ประหลาดอ่อนแอ!
บังอาจกล้ายั่วยุข้าเรอะ!?
สงสัยไม่รู้ใช่ไหมว่าคำว่า 'ตาย' มันสะกดยังไง!!!
ยิ่งเสี่ยวจินคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เริ่มแผดเสียงร้องของมังกร
จากนั้น มันอ้าปากมังกรของตน พ่นลมหายใจมังกรออกมา!
เพลิงมังกรอันร้อนแรงแผดเผา กวาดไปทางเม่นขนงาช้าง กลืนทั้งร่างของมันทันที
กรร!
ท่ามกลางลมหายใจมังกรแผดเผา เม่นขนงาช้างส่งเสียงร้องคร่ำครวญ มันกลิ้งไปตามพื้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถดับไฟมังกรบนตัวได้
ในเวลาไม่ถึงสิบวินาที เม่นที่เดิมมีขนเสมือนเป็นเกราะป้องกันอันแก่กล้า ก็กลายเป็นศพดำไหม้เกรียม!
นี่คือพลังของลมหายใจมังกร!
เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายในห้องถ่ายทอดสดแดนมังกร ทุกคนเบิกตากว้าง
“แม่งให้ตายเถอะ พลังทำลายของลมหายใจมังกรนี่จะโอเวอร์ไปไหม? มันสามารถเผาสัตว์ประหลาดระดับ B ตายได้ง่ายๆเลย!”
“พวกนายลืมอะไรไปรึเปล่า เปลวไฟนี่ ก่อนหน้านั้นเคยพ่นใส่ท่านผู้เฒ่า แต่บนตัวท่านผู้เฒ่ากลับไม่มีรอยด่างดำเลยด้วยซ้ำ!”
“ถ้านายพูดแบบนั้น งั้นไม่ใช่หมายความว่าท่านผู้เฒ่าหนังเหนียวยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดระดับ B หรอกเหรอ?”
ในที่สุดผู้ชมแดนมังกรก็เข้าใจ
ปรากฏว่า ที่แท้ไฟของเสี่ยวจินไม่ได้อ่อนแอ แต่เป็นพลังป้องกันของชูเฟิงต่างหากที่ทนทานเกินไป!
เปลวไฟมังกรที่สามารถเผาสัตว์ประหลาดระดับ B ทั้งเป็นได้ มันจะอ่อนแอได้ยังไง?
หลังจากฆ่าเม่นขนงาช้างแล้ว เสี่ยวจินก็บินวนไปมาข้างหน้าชูเฟิงอย่างภาคภูมิใจ ประหนึ่งกำลังโอ้อวดพลังของตัวเอง
“เจ้าตัวน้อย พลังรบใช้ได้เลยนี่นา”
บอกตามตรงนะ แม้แต่ชูเฟิงก็ยังคาดไม่ถึง ว่าเสี่ยวจินจะสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ B ได้ง่ายขนาดนั้น
เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ลูบหัวเสี่ยวจิน ยิ้มแล้วเอ่ยปากว่า“ไม่เลว ไม่เสียทีที่ตั้งใจใช้เวลาคิดชื่อให้แกตั้งนาน”
เสี่ยวจิน “???”
ชื่อนี้เนี่ยนะตั้งใจเสียเวลาคิดนาน?
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าชูเฟิง มันก็ได้แต่ก้มหัวให้
แม้จะฆ่าเม่นขนงาช้างได้อย่างง่ายดาย แต่ต่อหน้าชูเฟิง มันทำได้แค่ยอมจำนน
มิฉะนั้น สุดท้ายคงไม่พ้นกลายเป็นมังกรย่าง
“เอาล่ะ ในเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ก็กลับกันเถอะ”
ชูเฟิงลูบท้องของตัวเอง เม้มปากแล้วพูดว่า “เรายุ่งกันทั้งเช้า ฉันยังไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ”
ได้ยินแบบนี้ เสี่ยวจินก็ตัวสั่นอีกครั้ง
โชคดีจริงๆ ที่ชูเฟิงตอนนี้ ไม่มีความคิดที่จะกินมันแล้ว
เขากวักมือเรียกชูเซี่ย เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ พ่อจะพาลูกกลับเมือง อยากกินปาท่องโก๋หรือไข่ดาว? พ่อจะทำให้กินเอง”
ชูเซี่ยก้มศีรษะลง ยิ้มอย่างเขินอาย “พ่อ ตอนนี้พ่ออายุเยอะแล้ว ให้ผมทำอาหารให้เองดีกว่า”
“พูดอะไรแบบนั้น กระดูกพ่อเจ้ายังแข็งแรงดีอยู่นะ ดูนี่”
ชูเฟิงโบกมือไปมา พูดอย่างร่าเริงว่า “เอาล่ะ ในเมื่อลูกไม่ยอมเลือก งั้นก็กินไข่ดาวไปแล้วกัน”
“ลูกชอบมันมากตอนยังเด็ก มื้อนึงกินตั้งสามสี่ฟอง”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสด เกือบจะหัวเราะออกมา
“นึกไม่ถึงเลยแฮะ ว่าลูกชายของท่านผู้เฒ่าตอนเด็กก็มีมุมน่ารักๆกับเขาด้วย”
“จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดา อาหารเช้าก็ทำกินเอง”
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ชูเฟิงก็นำชูเซี่ยกับเสี่ยวจินมุ่งหน้าไปทางเมืองมังกร
ระหว่างทาง ชูเซี่ยคอยเอ่ยถามข้อมูลของสมรภูมิแห่งโชคชะตา
เสี่ยวจินที่คอยฟังเงียบๆรู้สึกเบื่อหน่าย เผลอทิ้งตัวลงบนไหล่ชูเฟิงแล้วหลับไป
ต้องบอกเลยว่า สมรภูมิแห่งโชคชะตาค่อนข้างมีน้ำใจ เมื่อรู้ว่าชูเฟิงอยู่คนเดียวเหงาหงอย มันก็ส่งลูกชายมาอยู่ด้วยกันกับเขา
หลังจากรู้ข้อมูลของสมรภูมิแห่งโชคชะตา ชูเซี่ยก็ตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “แล้วตอนนี้พ่อรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนสร้างสมรภูมิขึ้นมา?”
“ยังไม่รู้เลย” ชูเฟิงส่ายหัว ตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่อีกฝ่ายดึงเราเข้าสู่สมรภูมิแห่งโชคชะตาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์เบื้องลึกเบื้องหลัง”
“ตราบใดที่เรายังคงสำรวจที่นี่ต่อไป ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งความจริงก็จะถูกค้นพบ”
ส่วนใครคือผู้บงการเบื้องหลังสมรภูมิ ชูเฟิงย่อมอยากรู้เป็นอย่างมาก
แต่ เขายังรู้อยู่แก่ใจ ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ในตอนนี้
สิ่งที่เขาต้องพิจารณาในตอนนี้ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุด
มีแต่ต้องแข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะสามารถตั้งหลักและต่อต้านสมรภูมิแห่งโชคชะตาได้ และถึงตอนนั้นความลับก็จะถูกเปิดเผย
ส่วนผู้อ่อนแอ นั่นไม่คู่ควรที่จะได้รู้ความจริง
ไม่นาน ชูเฟิงก็เดินตรงเข้าไปในห้องครัว เริ่มฮัมเพลงเบาๆ ทอดไข่ดาว
ภายในเมืองแดนมังกร มีของใช้ครบทุกอย่าง
หากไม่คำนึงถึงภัยคุกคามของสัตว์ประหลาด การอาศัยอยู่ที่นี่ ถือว่าค่อนข้างสะดวกสบายพอสมควร
ในขณะที่ชูเซี่ยเดินไปสำรวจรอบๆเมืองมังกร
สำหรับเขา ประสบการณ์ที่ได้รับตอนนี้ มันผิดปกติจริงๆ
ต้องรู้นะว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้ เขาอาจจะตายในกรงนั่น กลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดไปแล้วก็ได้
ในเวลาเดียวกัน เขาใช้เวลาพอสมควร เพื่อย่อยข้อมูลที่ได้รับ
“สมรภูมิแห่งโชคชะตา… มันคืออะไรกัน?” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พึมพำกับตัวเอง