นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 516 - โธ่! นึกว่าใคร?
“มาดูดีกว่าว่าเจ้าแก่พวกนั้นมีของดี ๆ อะไรเก็บเอาไว้บ้าง”
เดวิดล้วงแหวนออกมาจากกระเป๋าลับข้างลำตัวด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเจิดจ้า เขาไม่กล้าเก็บมันเอาไว้ในโลกใบเล็กก่อนที่จะได้สำรวจว่ามันมีอะไรเก็บอยู่บ้าง และเพียงแค่ใช้คลื่นสมองปกคลุมเอาไว้เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันไม่มีสัญญาณติดตามตัวอะไรส่งออกไปเท่านั้น แน่นอน! มันเอาไว้กันไม่ให้เจ้าฟลินท์บุกรุกเข้าไปโดยพละการอีกด้วย
เดวิดไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวแสบสามารถเชื่อมโยงกับแหวนเก็บของเองได้หรือไม่? และถ้าเจ้าตะกละนั่นแอบเข้าไปขโมยกินสมุนไพรล้ำค่าไปจนหมดอีก อกของเขาต้องแตกตายอย่างแน่นอน
คิ้วของเดวิดขมวดเข้าหากันแน่นในจังหวะที่กำลังจะส่งคลื่นสมองออกไปเชื่อมโยงเปิดแหวนเก็บของ ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนล็อคตัวเองเอาไว้เป็นเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ไม่แน่ใจว่าอย่างไร แต่สาบานได้ว่ามีแน่!
“เป็นไปได้ยังไง? เกิดบ้าอะไรขึ้น!?” ทั้งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มีถูกส่งออกไปสำรวจร่างกายตัวเองและรอบบริเวณอย่างเคร่งเครียด เมื่อตรวจไม่พบร่องรอยของสิ่งผิดปกติแปลกปลอม เดวิดก็ตัดสินใจเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากตำแหน่งที่อยู่ทันที กลิ่นอายถูกปรับเปลี่ยนด้วยทักษะพันเปลี่ยนแปลงจนกลับกลายเป็นคนละคน เขาตัดสินใจไม่เปลี่ยนร่างไปเป็นแวมไพร์อีก และเลือกที่จะบังคับการเต้นของหัวใจให้ดังออกมาด้วยเสียงและจังหวะเหมือนกบภูเขาตัวหนึ่งแทน
หลังจากเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วคงที่ประมาณ 10 นาที เดวิดก็หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดดำคล้ำ “ให้ตายสิ! ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นจะมีวิธีติดตามตัวที่พิเศษอย่างน่าเหลือเชื่อเลย ใครกันแน่นะ!?”
เขาบ่นพึมพำออกมาด้วยความสับสน จนถึงตอนนี้ เดวิดแน่ใจแล้วว่ามีคนกำลังไล่ตามตัวเองอยู่ด้วยความเร็วสูง ไม่ใช่ผู้ก่อสวรรค์ทั้ง 3 คนนั่น และไม่น่าจะใช่ยายแก่บรรพบุรุษอะไรนั่นด้วย ถ้าไม่มีการกำหนดจุดเป้าหมายเอาไว้ล่วงหน้า ต่อให้เป็นยายแก่นั่นก็ไม่มีทางเคลื่อนย้ายเทเลพอร์ตตามเขามาได้ทันแน่ และนอกจากวิธีนั้น เดวิดคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีอะไร?
ทั้งความสามารถในการระบุตำแหน่งที่ถูกต้อง และความรวดเร็วในการไล่ตาม! สีหน้าของเดวิดทั้งเคร่งเครียดทั้งตื่นตัว ไม่ว่าศัตรูที่ไล่ตามมาจะเป็นใคร ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะต้องไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน คลื่นอากาศรอบตัวสั่นไหว ก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไปในอากาศ เดวิดตัดสินใจที่จะเทเลพอร์ตหนีอย่างไม่บิดบังตัวตนอีก
หลังจากนั้นอีกเพียง 15 วินาทีไม่ขาดไม่เกิน ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า ร่างของชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมที่มีหมวกฮู้ดคลุมหัวเดินผ่านประตูออกมา คลื่นพลังที่รุนแรงถูกปล่อยขยายออกครอบคลุมรัศมี 1 กิโลเมตร สายลมกรรโชกแรงหมุนวนจนต้นไม้ใหญ่หักโค่นเป็นวงกว้าง ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะไม่มีเจตนาที่จะระงับกลิ่นอายและแรงกดดันของตัวเองเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
“หือ! หนีไปอีกแล้วอย่างนั้นหรือ? การไล่ตามแบบนี้มันชักจะน่าเบื่อขึ้นมาทุกที ดูเหมือนว่าฉันคงต้องเอาจริงขึ้นสักหน่อยแล้วมั้ง” เสียงพึมพำดังออกมาจากปากเบา ๆ แสงสีทองกระพริบออกมาจากดวงตาที่อยู่ในหมวกคุมหน้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ และหลังจากที่หันมองไปรอบตัวหนึ่งครั้ง ประตูอีกบานก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศให้เขาก้าวผ่านไปในทันที
หลังจากพักให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเทเลพอร์ตติดต่อกันมา 3 ครั้งเสร็จ เดวิดก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมที่จะทำการเทเลพอร์ตครั้งต่อไป แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักการกระทำของตัวเองลงอย่างกะทันหัน “โอ้! ในที่สุดก็ถูกตามทันจนได้สินะ!”
อากาศที่อยู่ด้านหน้าเขาห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรสั่นไหว ประตูโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาที่ตรงนั้นพร้อมกับร่างของคนผู้หนึ่งที่เดินผ่านออกมา “ใช่! แต่ต้องขอชมเชยว่าแกหนีได้รวดเร็วมากจริง ๆ เร็วเหมือนหนูสกปรก หางจุกตูดเหมือนสุนัขจรจัด มันทำให้ฉันต้องเสียแรงไปไม่น้อยเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! โว้! ฮ่าฮ่าฮ่า!” เดวิดไม่ถือสากับคำพูดนั้น แต่กลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยินดี “ขอบคุณที่ชม! แต่นั่นมันก็เป็นเพราะว่าฉันนึกว่ามียอดฝีมือที่ไหนไล่ตามมาต่างหาก ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นแก! ฉันก็ไม่หนีให้เสียแรงตั้งแต่แรกหรอก มีหมูวิ่งมาชนปังตอเองแบบนี้จะต้องหนีไปทำไมล่ะ... เวเธอร์!!”
ครืน!!!!!!
เสียงอากาศบิดตัวส่งเสียงกึกก้องออกมาทันทีที่เขากล่าวจบ พลังอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมารอบตัวของเวเธอร์อย่างฉับพลัน คลื่นกระแทกอันรุนแรงกระจายอย่างรุนแรงกินรัศมีมากกว่า 200 เมตรในพริบตา หมวกคลุมหัวถูกสายลมพัดพาจนเปิดออก สีหน้าและแววตาของหนุ่มผมบลอนด์ในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก
คิ้วของเดวิดขมวดเข้าหากันเล็กน้อย การระเบิดพลังออกมาอย่างฉับพลันเป็นวงกว้างแบบนี้ต้องใช้พลังงานของเฟสเซอร์ระดับ 6 ยีนไปจนเกือบครึ่งหนึ่งที่สะสมเอาไว้ในร่างกายเลยทีเดียว เจ้านี่มันบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
จะขู่กันอย่างนั้นหรือ? เขาเคยกลัวใครเสียที่ไหน อยากจะเปรียบเทียบพลังกันอย่างนั้นใช่มั้ย!? คลื่นพลังของเดวิดก่อตัวขึ้นต้านทานทันทีที่คลื่นกระแทกอันโหดเหี้ยมพุ่งเข้ามาเกือบถึงตัว
ตูมมมม!!!!!!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นเมื่อคลื่นพลังทั้ง 2 กลุ่มปะทะกันอย่างรุนแรง อากาศรอบบริเวณสั่นไหวเหมือนมิติกำลังจะแตกสลาย พลังงานบริสุทธิ์ยันปะทะกันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสลายตัวไป ดูเหมือนว่าการประลองกำลังครั้งแรกจะออกมาเสมอกัน
และนั่นทำให้สีหน้าของเวเธอร์ดูสงบลงเล็กน้อย แต่วงกลมสีทองในดวงตาสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น 3 วงในพริบตา เขาขยับก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน “ฟังจากที่แกพูดออกมา แสดงว่าแกคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า อยู่ในสถานะที่เหนือกว่าฉันใช่มั้ย? มิน่าละ! แกถึงได้ปฏิเสธที่จะมาทำงานเป็นลูกน้องฉัน เข้าใจแล้ว!
คนโง่ยังไงก็เป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ! แค่แข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปเล็กน้อย แกก็คิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษมากแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย? คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
กบในกะลาแท้ ๆ! แกไม่เคยได้รับรู้หรอกว่าคนที่แข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นอย่างไร? ฉันยอมละเมิดกฎของตัวเองให้โอกาสครั้งที่ 2 กับแกไปแล้ว แต่น่าเสียดาย! แกหยิ่งยโสเกินกว่าที่จะรับความหวังดีนั่นเอาไว้ น่าเสียดายจริง ๆ แกไม่รู้หรอกว่าตัวเองพลาดโอกาสอะไรไป
ถ้าให้ฉันทาย! แกไม่น่าที่จะรู้เสียด้วยซ้ำว่าโลกใบนี้ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว มันยังมีดวงดาวอื่นที่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาและแข็งแกร่งมากกว่าโลกใบนี้อยู่อีก!
แกคิดว่าเทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรมที่ใช้อยู่ในโลกนี้ยอดเยี่ยมแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย? คิดว่านาโนบอทที่ใช้สร้างเป็นเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธต่าง ๆ คือสุดยอดเทคโนโลยีแล้วอย่างนั้นล่ะสิ ให้ฉันบอกแกให้เอาบุญ ไม่เลย! มันเป็นแค่เทคโนโลยีระดับต่ำที่ไม่ต่างจากขยะเสียด้วยซ้ำ!
แกเคยได้ยินคำว่า ‘ไบโอนาโนบอท’ มั้ย? เคยเห็นหรือไม่ว่าห้วงอวกาศเป็นอย่างไร? ไม่น่าจะเคยได้ยินแน่! เพราะไม่มีสถาบันหรือสำนักไหนในโลกใบนี้ศึกษาหรือสั่งสอนเกี่ยวกับกฎและความสามารถของห้วงอวกาศเลยแม้แต่แห่งเดียว ฮ่าฮ่าฮ่า! จ้าวแห่งสัตว์ร้าย! ร่างสมบูรณ์! ทุกอย่างมันเป็นแค่ขยะเท่านั้น!! โลกใบนี้เต็มไปด้วยเศษขยะที่ไม่มีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่อีก แต่! แกก็ยังกล้าที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญที่เต็มไปด้วยความหวังดีของฉัน!? แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร!!!!??”
เสียงในช่วงสุดท้ายนั้นดังกึกก้องจนหูแทบจะแตก และเมื่อเวเธอร์จ้องหน้าของเดวิดอย่างพิจารณาอีกครั้ง สีหน้าและแววตาของเขาก็บิดเบี้ยวจนหน้าเกลียด เพราะว่า! สายตาที่เดวิดจ้องมองเขาอยู่นั้นว่างเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดออกไปเหมือนทะลวงผ่านหูซ้ายไปออกหูขวาโดยไม่มีสมองกั้นอยู่แม้แต่นิดเดียว เจ้าบ้านี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังฟังอะไรอยู่
หลังจากสงบสติอารมณ์อยู่ชั่วครู่ เวเธอร์ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “สิ้นหวังจริง ๆ ฉันมัวมาเสียเวลาอยู่กับเจ้าโง่คนหนึ่งทำไมกัน นี่มันไม่ได้ต่างจากการสีซอให้ควายฟังเลยแม้แต่นิดเดียว เรื่องที่ฉันพูดออกไปทั้งหมดคงจะไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นใช่มั้ย?”
“ฮ่าฮ่า! ใช่!” เดวิดยอมรับออกไปตามตรง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาบ้าง “แต่ก็นะ! ถ้าจะพูดถึงสิ่งที่ฉันรู้ ถ้าจะพูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ต่อให้แกตายไปแล้วกับมาเกิดใหม่สัก 3-4 ชาติก็ไม่มีทางเทียบกับฉันได้แน่ เอาอย่างนี้เป็นยังไง? เวเธอร์! ฉันจะให้โอกาสแก 1 ครั้ง มาเป็นลูกน้องของฉันเสียดี ๆ แล้วฉันจะสอนให้รู้เองว่าชีวิตที่แท้จริงเป็นยังไง!”...