1292 - ลาแล้วเป่ยโต้ว
1292 - ลาแล้วเป่ยโต้ว
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เย่ฟ่านรู้สึกเหนื่อยมาก เขาลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากและเดินโซเซไปตรงกลางแท่นบูชา เขาหยิบดาวสีฟ้าออกมาและประทับลงบนแท่นบูชาห้าสี
“ข้าอยากจะจากไปและไม่กลับมาอีก!”
เขาอยากหนี เขาอยากเดินทางไกล ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้เขาต้องการเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
“เย่จื่อ…”
จี้จื่อเยว่ ตงฟางเย่ เฝ้ามองแท่นบูชาห้าสีเปล่งประกายด้วยสีสันสดใส ในช่วงเวลาที่เขากำลังจะจากไปนั้นจี้จื่อเยว่วิ่งออกมาจากประตูมิติและต้องการที่จะกระโดดลงไปบนแท่นบูชาห้าสีด้วย
อย่างไรก็ตามจี้ฮ่าวเยว่เยว่ขยับตัว และคว้าข้อมือของนางไว้
“เจ้าไปไม่ได้ เขาอยู่ในสภาพแย่มาก สภาพของเขาตอนนี้แม้แต่จะรักษาตัวให้รอดยังเป็นเรื่องยาก ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าไปตายพร้อมกันกับเขา”
จี้จื่อเยว่ร้องไห้เสียงดัง แต่นางก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ เพราะจี้ฮ่าวเยว่ได้ใช้กระจกแห่งความว่างเปล่ากดดันนางไว้
เหนือแท่นบูชาห้าสี มีแผนภาพไทเก็กปรากฏขึ้น จากนั้นปลาหยินหยางทั้งสองตัวก็เริ่มหมุนวนกลางท้องฟ้ากลายเป็นกงล้อขนาดใหญ่
พื้นที่บริเวณโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยวและแสงก็มัวไปทุกขณะ สัญลักษณ์โบราณที่สอดคล้องกับ เฉียน คุน ซุน ตุ้ย เกิน เจิ้น หลี่ และค่าน เปล่งแสงพราวอย่างต่อเนื่อง!
ทุกคนตกตะลึง แสงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับนั้นเห็นได้ชัดว่ามันเชื่อมโยงกับส่วนลึกของจักรวาล และทำให้พวกเขามองเห็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้
แม้แต่ฮั่วฉีก็ยังประหลาดใจ เขาจ้องมองแท่นบูชาและถนนโบราณบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอย่างว่างเปล่า เมื่อเห็นสิ่งนี้ปรากฏขึ้นตัวเขาก็มีความกระตือรือร้นอยากออกเดินทางไปด้วย
แต่สุดท้ายร่างอันสง่างามของผู้คนมากมายได้กระโดดออกมาจากหุบเหวลึก ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะก้าวเข้าสู่แท่นบูชาห้าสีพวกเขาจะถูกสังหารทันที!
“มันเป็นทาสรกร้าง!” ผู้คนอุทาน
ในขณะนี้ เย่ฟ่านหันกลับมาและมองดูประตูมิติที่เชื่อมต่อกับจงโจวเป็นครั้งสุดท้าย เขาโบกมือให้กับทุกคนก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนเส้นทางที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า
จากนั้นร่างของเย่ฟ่านก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของผู้คนมากมาย
“เย่ฟ่าน…” จี้จื่อเยว่ร้องไห้เสียงดัง
“เย่ฟ่าน!”
จักรพรรดิดำ วานรศักดิ์สิทธิ์ ตงฟางเย่ และคนอื่นๆ ต่างมีความเศร้าโศกเป็นอย่างมาก การจากลาครั้งนี้อาจเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ และพวกเขาอาจไม่มีวันได้พบกันอีก
เย่ฟ่านไม่สามารถมองเห็นใครผ่านประตูมิติได้อีกแล้ว เขาเพียงโบกมือลาทุกคนอีกครั้ง เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้
“พี่ใหญ่รีบหนี!” ที่ฝั่งจงโจวฮั่วหลินเอ๋อตะโกนด้วยความกลัว
ในดินแดนต้องห้ามโบราณ ทาสรกร้างหลายคนพุ่งขึ้นสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวไม่เป็นรองเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์
ฮั่วฉีจื่อถอนหายใจยาว เขารู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะแย่งชิงยาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปได้อีกแล้ว เขารีบหันหลังและกระโดดลงจากยอดเขาด้วยความหวาดกลัว
ทาสรกร้างเหล่านี้มีพลังแห่งความรกร้าง ขอเพียงมันเข้าใกล้ผู้คนเล็กน้อยมันจะทำให้พลังชีวิตของพวกเขาถูกเผาผลาญออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในประตูมิตินี้มีผู้คนไม่น้อยที่มีอายุหลายพันปี พวกเขาจ้องมองทาสรกร้างซึ่งยืนอยู่ตรงกลางสุด นางสวมชุดสีขาวมีความงามอย่างน่าเหลือเชื่อ นี่คือสตรีศักดิ์สิทธิ์เทียนซานเมื่อหกพันปีที่แล้ว
หญิงงามอันดับหนึ่งของตงหวง แม้เวลาจะผ่านไปนานถึงหกพันปีแต่นางยังคงงดงามไม่แตกต่างจากภาพวาดที่ทุกคนเห็น
เมื่อผู้คนทั้งหมดถูกขับไล่ลงจากยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มีเสียงโซ่เหล็กดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยหมอกถูกล่ามด้วยโซ่ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาห้าสี
“เย่ฟ่าน…”
จี้จื่อเยว่ถูกพี่ชายจับตัวไว้และนางก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างเศร้าโศก
ในเวลาต่อมาสิ่งมีชีวิตที่ถูกล่ามโซ่ทั้งชายหญิงเหล่านั้นก็เริ่มลงมือทำลายแท่นบูชาห้าสีทันที!
ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในตอนแรกพวกเขายังมีความคิดที่จะใช้แท่นบูชาห้าสีนี้เดินทางออกจากโลกเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมหมายความว่าจะไม่มีใครหลบหนีออกจากโลกได้อีกแล้ว
“ข้ายังจำรูปแบบค่ายกลนี้ได้ไม่ครบเลย!” จักรพรรดิดำคร่ำครวญ
….
จักรวาลอันหนาวเย็นนั้นเงียบและมืดมน ถนนโบราณอันโดดเดี่ยวบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวบางครั้งก็มีแสงดาวระยิบระยับสองประการออกมา
นี่คือการเดินทางของเย่ฟ่าน เขาอยู่ห่างจากทุ่งดวงดาวเป่ยโต่ว เดินทางในความเงียบชั่วนิรันดร์เดินทางคนเดียวโดยไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เมื่อกลับสู่ความสงบอีกครั้งในที่สุดเขาก็มีโอกาสคิดถึงเรื่องของผังป๋อและหลี่เสี่ยวม่าน ทั้งสองคนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา แต่สุดท้ายเย่ฟ่านกลับดูเหมือนจะไม่รู้จักคนทั้งสองเลย
การกระโดดอย่างเด็ดเดี่ยวของหลี่เสี่ยวม่านยังคงหลอกหลอนอยู่ในความคิดของเย่ฟ่าน นางตกลงไปในเหวโบราณ
เห็นได้ชัดว่านางทำสิ่งนี้ก็เพื่อสังหารบรรพชนจระเข้ให้ตายไปกับตัวเอง สุดท้ายสิ่งที่นางทำยังคงเป็นการปกป้องเขา
แต่ผังป๋อเกิดอะไรขึ้น?
เย่ฟ่านหยิบหม้อปราณปัฐพีต้นกำเนิดออกมาอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนถนนโบราณที่เงียบสงบสายนี้
“ลาก่อน เป่ยโต่ว!”
เย่ฟ่านถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายและเริ่มการเดินทางอันยาวนานและโดดเดี่ยว คราวนี้เขาจะกลับโลกได้ไหม เขาไม่รู้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรือไม่
ทะเลดวงดาวนี้กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด หากเส้นทางเบี่ยงเบนแม้เพียงเล็กน้อยเขาอาจไม่สามารถกลับสู่โลกได้อีกตลอดกาล
ในความมืดอันไร้ขอบเขตและจักรวาลอันเหน็บหนาว ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ธรรมดา ต่อให้เป็นเสมือนจักรพรรดิก็ยังยากที่จะค้นหาพิกัดที่แท้จริงของเป้าหมายได้
เย่ฟ่านไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเขาจะเป็นผู้ที่ได้ออกเดินทางในอวกาศบ่อยครั้งถึงขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเขาไม่เคยศึกษาเรื่องอวกาศมาก่อน
“ไม่ว่าผังป๋อจะมีความแปลกประหลาดแค่ไหนเมื่อกลับไปที่โลกข้าจะค้นพบคำตอบได้เอง แต่สำหรับหลี่เสี่ยวม่าน…นางช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
เย่ฟ่านรู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายใจอย่างมาก
“บรรพชนจระเข้!”
ในท้ายที่สุด เย่ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง เขาอยากจะฆ่าปีศาจร้ายตัวนี้ เย่ฟ่านสาบานอยู่ในใจของตัวเอง เมื่อเขากลายเป็นเซียนเป้าหมายแรกของเขาคือการฆ่าบรรพชนจระเข้ในดาวอังคารให้ได้
โหนดอวกาศสั่นไหวบนถนนที่เต็มไปด้วยดวงดาวโบราณราวกับว่าดาวฤกษ์โบราณบางดวงถูกทำลายและทำให้เกิดแรงกระเพื่อมสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจักรวาล
เย่ฟ่านหันไปมองด้านข้างและเห็นดาวหางขนาดใหญ่กำลังพุ่งไปในทิศทางของทุ่งดวงดาวเป่ยโต้ว ทิศทางของมันไม่ได้มุ่งตรงไปที่ดาวอำพรางสวรรค์โดยตรง
หากเป้าหมายของมันเป็นการโจมตีดาวเป่ยโถว สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนไม่มีทางรอดชีวิตได้ และบางทีอาจมีเพียงเซียนโบราณเท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศได้
“มนุษย์นั้นไม่มีความสำคัญจริงๆ”
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีดาวต้นกำเนิดชีวิตจำนวนเท่าใดในทุ่งดาวนับพันล้านและจักรวาลอันไร้ขอบเขต แม้กระทั่งมหาอำนาจที่มีความเจริญรุ่งเรืองราชวงศ์อวี้หัวก็ยังค้นพบดวงดาวเพียงสี่ดวงเท่านั้น
หลังจากการเดินทางมาอย่างยาวนานถนนโบราณในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เย่ฟ่านไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของตัวเองได้และหม้อที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาก็พังทลายลง!
เย่ฟ่านคิดถึงคำเตือนของจักรพรรดิดำแท่นบูชาห้าสีของเขาพังทลายแล้ว ดังนั้นอาจเกิดการเบี่ยงเบนทางเส้นทางได้ตลอดเวลา
เวลาและสถานที่ ไม่แน่นอน พื้นที่ก็บิดเบี้ยวอย่างกะทันหันและมีมีพลังแห่งความโกลาหลกระจายอยู่ทุกที่ เส้นทางโบราณของเขาขาดความเสถียรและอาจจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
นี่เป็นลางร้ายมาก หากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เขาคงไม่มีทางกลับสู่ดาวโลกได้อีกแล้ว
หม้อปราณกำเนิดสรรพสิ่งนั้นแข็งแกร่งเอย่างมาก แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องร่างกายของเขา สุดท้ายภายใต้เสียงคำรามที่ดังก้องอยู่ในถนนโบราณเส้นทางของเย่ฟ่านก็เบี่ยงเบนเล็กน้อย
………………