1291 - จุดจบอันน่าเศร้า
1291 - จุดจบอันน่าเศร้า
“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชนจระเข้กำลังซ่อนตัวอยู่ในทะเลวิญญาณของเจ้าจริงๆ!” ดวงตาของเย่ฟ่านเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“ตอนนี้ ข้าสงสัยจริงๆว่าใครสามารถช่วยเจ้าได้!”
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทองรวมเข้ากับร่างของหลี่เสี่ยวม่านและทำให้ร่างกายของนางไปประกายด้วยแสงสีทองอย่างไม่สิ้นสุด
“น่าเสียดายที่เจ้าเป็นเพียงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่และเจ้ายังห่างไกลจากความแข็งแกร่งในอดีต วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”
เย่ฟ่านไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลี่เสี่ยวม่าน และเมื่อมันเป็นความจริงมันก็ทำให้เขาเกิดความเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด
ทั้งสองคำรามและต่อสู้กันอย่างดุเดือด หมัดและเท้าชนกัน อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา!
ในเวลานี้ เผ่าพันธุ์โบราณจำนวนมากต่างถอยกลับด้วยความกลัว พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้ครั้งนี้ และเพียงมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาทั้งเก้าลูกเพื่อแย่งชิงยาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแทน
“หลี่เสี่ยวม่าน เจ้ายังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?” เย่ฟ่านถาม
“โดยธรรมชาติแล้ว บางครั้งนางก็เป็นข้า และบางครั้งข้าก็เป็นนาง เราอยู่ร่วมกันเคียงข้างกันเป็นหนึ่งเดียวไม่สามารถแยกกันได้อีกแล้ว ข้าอาศัยร่างของนาง ส่วนนางก็ได้รับความรู้แจ้งจากข้า อีกไม่นานเราทั้งสองคนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริง!” บรรพชนจระเข้กล่าว
“เสี่ยวม่าน หากเจ้าอยู่ข้างในก็ตอบคำถามข้า!”
เย่ฟ่านตะโกน มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เขาจะฆ่าบรรพชนจระเข้อย่างแน่นอน แต่หากวิญญาณของนางยังอยู่กับมันเขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฆ่าทั้งคู่ไปด้วย
“ข้าพบว่ามีวิธีที่จะกลายเป็นอมตะภายใต้ขุมนรก มันเป็นวิธีการที่ทำได้จริง ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง!”
หลี่เสี่ยวม่านตะโกนเบาๆ พร้อมกับเยาะเย้ยอย่างไร้ความปรานี
นางเร่งเร้าพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเตรียมที่จะโจมเย่ฟ่าน
ทันใดนั้นหลี่เสี่ยวม่านก็วิ่งโซเเข้าหาเย่ฟ่านด้วยพลังทั้งหมดและต้องการที่จะเข้าครอบครองร่างกายของเขาเป็นเป้าหมายต่อไป
เย่ฟ่านไม่มีความเกรงกลัวเช่นกัน เขาดื่มน้ำพุศักดิ์สิทธิ์คำใหญ่และกระแทกหมัดหกสังสารวัฏพร้อมกับดึงพลังทำลายล้างจากหุบเหวลึกออกมาในครั้งเดียว
ปัง!
หลี่เสี่ยวม่านกระอักเลือดและกระดูกแตกหักหลายที่ ร่างของนางกระแทกลงบนแท่นบูชาห้าสีและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว
“หลี่เสี่ยวม่านเจ้ายังอยู่ในนั้นหรือไม่!” เย่ฟ่านสอบถามเป็นครั้งสุดท้าย
“ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้นเป็นเรื่องดีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ เราทั้งสองคนไม่ใช่บุคคลในอดีตอีกแล้ว”
หลี่เสี่ยวม่านยันตัวยืนขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าศอกอย่างถึงที่สุด
“หลี่เสี่ยวม่าน เจ้าเป็นอะไรไป? ตอนนี้ยังเป็นเจ้าตัวจริงหรือไม่?” เย่ฟ่านถาม
“เจ้าคิดอย่างไร?”
หลี่เสี่ยวม่านยิ้มโดยมีน้ำตาที่สดใสเหมือนผลึกสองเส้นไหลอาบลงบนใบหน้าของนาง
“บางครั้งก็เป็นเจ้า บางครั้งก็เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชนจระเข้หรือ?” เย่ฟ่านมองดูนางอย่างว่างเปล่า
“ถูกต้อง!”
หลี่เสี่ยวม่านหัวเราะและร้องไห้พร้อมกัน มีแสงสีทองในดวงตาของนางบางครั้งจิตสังหารปรากฏขึ้นบางครั้งดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ทันใดนั้นจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจากร่างของหลี่เสี่ยวม่าน เย่ฟ่านยกกำปั้นขึ้นและพร้อมที่จะจบชีวิตของหญิงสาวคนรักเมื่อครั้งอดีตลงตรงนี้
อย่างไรก็ตามหลี่เสี่ยวม่านได้ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด นางกระโดดลงไปด้านล่างของหุบเหวโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เย่ฟ่านตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบคว้าตัวของนางไว้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่สุดท้ายสิ่งที่เขามองเห็นก็มีเพียงแสงที่สะท้อนอยู่ในดวงตาแห่งความเศร้าโศกนั้น
ร่างสีทองสว่างสดใสของนางทำให้ผู้คนดวงตาพร่ามัวและสุดท้ายนางก็หายตัวไปในความมืดมิดโดยทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเลวร้ายเท่านั้น
เย่ฟ่านรู้สึกเจ็บปวดใจและอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา เขาคุกเข่าอยู่ด้านข้างของแท่นบูชาห้าสี ในขณะนี้เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวโดยสมบูรณ์แล้ว
เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างมึนงง ทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายกับเป็นความฝันตื่นหนึ่ง เขาไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร
ไม่มีความสุขในการฆ่าศัตรู มีเพียงความว่างเปล่าและความโศกเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ เขานั่งบนขอบแท่นบูชาห้าสี จ้องมองเบื้องล่างอย่างว่างเปล่า
ผังป๋อเป็นจอมวายร้าย?
เขาไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตามหากจะบอกว่าผังป๋อเป็นผู้บริสุทธิ์ความจริงที่ว่าเขาตั้งใจจะหลบหนีจากไปก็เป็นสิ่งยืนยันที่ดีที่สุดเช่นกัน
หลี่เสี่ยวม่านถูกวิญญาณของบรรพชนจระเข้เข้าสิงตั้งแต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางจะใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากมากเพียงใด
เย่ฟ่านรู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากจะหลับไปตรงนั้น มันเหนื่อยยิ่งกว่าทุกการต่อสู้ที่เขาเคยประสบมาในโลกนี้ เขานั่งอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ ด้วยจิตใจที่มึนงง
“เย่ฟ่านดูเหมือนจะเสียใจมาก…”
ดวงตากลมโตของจี้จื่อเยว่เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย สภาพของเย่ฟ่านในตอนนี้ทำให้นางเกิดความเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด
ต้วนเต๋อไม่รู้ว่าจะพูดอะไร พวกเขาแค่หวังว่าเย่ฟ่านจะยืนหยัดขึ้นอีกครั้งและออกจากดินแดนมรณะนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนมากยังคงบินลงไปที่แท่นบูชาห้าสี แต่ไม่มีใครกล้ารบกวนเทพสังหารที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะไม่มีใครอยากปลุกเขาให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
เย่ฟ่านมีร่างกายทรุดโทรมมากขึ้นเรื่อยๆ เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด เขามองลงไปที่ปากเหวและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อา…”
เผ่าพันธุ์โบราณบางคนเริ่มต่อสู้เพื่อช่วงชิงสมบัติศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาทั้งเก้าลูก
เย่ฟ่านไม่แยแสกับสิ่งนี้ เขาอยู่ในอาการงุนงง และไม่มีสิ่งใดสามารถปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากความเศร้าโศกได้
ในเวลาเดียวกันนั้นบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลูกมีชายหนุ่มคนหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับมังกรที่แท้จริง
ฮั่วฉีจื่ออยู่ที่นี่ เขาคือทายาทของจักรพรรดิโบราณที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ติดตัวมาไม่น้อยและมันทำให้เขาสามารถพุ่งขึ้นไปบนยอดเขาโดยที่พลังแห่งความรกร้างไม่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้
“เขา... กระโดดขึ้นไปบนเขาได้จริงๆ สมกับที่เป็นทายาทของจักรพรรดิโบราณ!”
“ตามที่คาดไว้สายเลือดของจักรพรรดิโบราณมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ อีกทั้งสมบัติที่บิดาของเขาทิ้งไว้ให้ก็เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน!”
ผู้คนต่างตกตะลึงและคิดว่ามันไม่น่าเชื่อ ในตอนนี้ฮั่วฉีจื่อสามารถหยิบฉวยผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ผลแรกลงมาได้แล้ว
ฮั่วฉีจื่อก้าวขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าจางๆ เขาเริ่มสังหารสิ่งมีชีวิตโบราณที่คิดจะแย่งชิงน้ำพุศักดิ์สิทธิ์โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นสมาชิกของมหาอำนาจใดในโลก
ผู้คนต่างสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ คนผู้นี้ทรงพลังอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะเหนือชั้นกว่าหยวนกู่ที่ถูกเย่ฟ่านสังหารด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขายังไม่น่าสะพรึงกลัวเท่าเย่ฟ่าน ภายในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้เย่ฟ่านเป็นเหมือนปีศาจจากขุมนรก เขาสามารถสังหารใครก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
สุดท้ายเย่ฟ่านก็ถอนหายใจและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หลี่เสี่ยวม่านและผังป๋อจากไปแล้ว ต่อให้เขาคร่ำครวญมากเพียงใดเขายังคงต้องกลับไปเพียงลำพังอยู่ดี
เย่ฟ่านกวาดสายตามองขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งฮั่วฉีจื่อได้แย่งชิงผลไม้ศักดิ์สิทธิ์มาครอบครองได้แล้ว
หลายคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวโดยเฉพาะผู้คนในถ้ำโหวหลิน แม้แต่ฮั่วหลินเอ๋อก็แสดงท่าทางกังวล โดยกลัวว่าเย่ฟ่านจะสังหารพี่ชายของนางที่นี่
เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์โบราณต่างกลั้นลมหายใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเย่ฟ่านดึงดูดสายตานับพัน หากเขาลงมือจริงๆมันจะกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อันที่จริงข้ารู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เพียงแต่ข้าไม่เคยยอมรับมันเท่านั้น...” เย่ฟ่านกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดใจ
ถ้าเขาไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนั้น ถ้าไม่ขึ้นภูเขาไท่ ถ้าไม่มีมังกรลากโลงศพ ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่เป็นเช่นนี้
“สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่มีวันกลับมา…”
………