ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 15 พรสวรรค์ของเสี่ยวชิงเอ๋อร์
ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 15 พรสวรรค์ของเสี่ยวชิงเอ๋อร์ นี่คือเด็กสาวที่ข้าหยิบจากตีนเขาจริงหรือ?
จ้าวสำนักเทียนไห่ ซึ่งเป็นสำนักที่อยู่ต่ำที่สุดในบรรดาแปดสำนักใหญ่ได้เสียชีวิตแล้ว
สำนักเซินหลัวใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ บุกสังหารผู้อาวุโสแกนนำหลายคนในสำนักและผนวกสำนักเทียนไห่
ในเวลาเพียงหนึ่งคืน สำนักเทียนไห่ก็ตกลงจากแท่นและแหลกเป็นชิ้น ๆ สำนักเซินหลัวกลืนกินทรัพยากรบำเพ็ญทั้งหมดของสำนักเทียนไห่และสังหารศิษย์ทั้งหมดที่ยอมตายมากกว่ายอมจำนน ให้พวกเขาเลือกแต่ทางเดียวคือลี้ภัยเป็นศิษย์ของสำนักตน
ในเวลาเพียงสองถึงสามวัน สำนักเทียนไห่ก็ดำรงอยู่เพียงในนามเท่านั้น และถูกแทนที่ด้วยสำนักเซินหลัว
ในแคว้นต้าฮวง แปดสำนักใหญ่เป็นเพียงขุมกำลังชั้นสอง
เหนือแปดสำนักใหญ่ มีสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่อี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์หมื่นกระบี่
ราชวงศ์ต้าฮวงมีชื่อเสียงเทียบเท่าสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าฮวงอ่อนแอกว่าสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เล็กน้อย
เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแคว้นต้าฮวงเคยเป็นอาณาจักร ต่อมาอาณาจักรต้าฮวงได้ผนวกอาณาจักรเล็กอาณาจักรน้อยอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน หลังจากขยายอาณาเขต มันก็หลุดพ้นจากคำว่า "อาณาจักร" และกลายเป็น "จักรวรรดิ"
แต่ต่อมา หลังจากที่จักรพรรดิในตำนานของราชวงศ์ต้าฮวงหายตัวไป ราชวงศ์ต้าฮวงก็ไร้ผู้สืบทอด และค่อย ๆ เสื่อยถอย...
ต้าฮวงจึงมิได้ถูกราชวงศ์ครอบงำอีกต่อไป แต่อูฐผอมย่อมตัวใหญ่กว่าม้า แม้ว่ามันจะอ่อนแอกว่าสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มิได้อ่อนแอกว่ามากนัก
ในแง่ของขุมกำลังเป็นรองเพียงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไทอี้ แต่เหนือกว่าขุมกำลังอื่น ๆ ทั้งหมด พิจารณาโดยรวม ปัจจุบันถือเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าฮวง
.......
แม้ว่าแปดสำนักใหญ่จะอ่อนแอกว่าสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์และราชวงศ์เพียงระดับเดียว ยกเว้นสำนักเต๋าอี้ที่เทียบเท่าสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกเจ็ดสำนักที่เหลือมีช่องว่างระว่างกันใหญ่เกินไป
ดังนั้น หลังจากที่สำนักเทียนไห่ถูกสำนักเซินหลัวผนวก จ้าวสำนักเต๋าอี้ยังได้ป่าวประกาศเพื่อรับทราบสถานะของสำนักเซินหลัวด้วยเช่นกัน ซึ่งเอ่ยว่าสามารถเข้ามาแทนที่สำนักเทียนไห่และกลายเป็นหนึ่งในแปดสำนักใหญ่
ทว่าความเป็นจริงแปดสำนักใหญ่เองก็มีสถานะที่สูงมากในต้าฮวง เนื่องจากสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ห่างไกลจากโลกเกินไป
สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่แล้ว แปดสำนักใหญ่ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ปรารถนาของผู้บำเพ็ญเพียรที่สามารถสัมผัสได้
ดังนั้น การที่สำนักเทียนไห่ถูกทำลายทันทีในพริบตาและสำนักเซินหลัวเข้ามาเรืองอำนาจในชั่วข้ามคืน จึงทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมครั้งใหญ่ทั่วทั้งแคว้นต้าฮวง
.......
เรื่องนี้ยังเป็นการเตือนไปยังสำนักที่อ่อนแอกว่าของแปดสำนักใหญ่ด้วย
เพราะหากมิใส่ใจอาจโดนเอาเปรียบจนไร้หลุมกลบฝัง
การจัดลำดับของสำนังกตงเหยียนในแปดสำนักใหญ่ยังอยู่ในลำดับกลางถึงล่าง หากต้องได้รับการจัดลำดับก็จะอยู่เพียงลำดับที่เจ็ด ซึ่งดีกว่าสำนักเทียนไห่ที่ถูกทำลายเพียงเล็กน้อย
ดังนั้น เหตุการณ์นี้จึงสะเทือนสำนักตงเหยียนอย่างลึกซึ้ง
ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับจัดการประชุมข้ามคืนและเนื้อหาของการประชุมนั้นเรียบง่ายมาก ผู้อาวุโสใหญ่ขอให้ผู้อาวุโสและผู้นำระดับสูงทุกคนอย่าหย่อนยานแต่ยังต้องสนับสนุนเหล่าศิษย์บำเพ็ญเพียรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย เฉพาะเมื่อที่สำนักแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสำนักอื่น
เนื่องจากทรัพยากรของแคว้นต้าฮวงมีจำกัด การครอบครองตำแหน่งของแปดสำนักใหญ่จึงสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่ใหญ่ยิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นชีพจรวิญญาณ อาณาเขต ฯลฯ และยังดึงดูดต้นกล้าผู้บำเพ็ญเพียรคุณภาพสูงจากแคว้นต้าฮวงได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ในการประชุมระดับสูงนี้ หลี่มู่ ปรมาจารย์ขุนเขาที่เก้าถูกผู้นำระดับสูงของสำนักเพิกเฉย เขามิได้รับแจ้งให้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงแม้แต่น้อย
จะเห็นได้ว่าผู้นำระดับสูงของสำนักตงเหยียนสามารถถือได้ว่าเป็นการแจกแจงสถานะให้แก่ขุนเขาที่เก้าได้แล้ว
แต่หลี่มู่ไม่สนใจ ตนจะไปหาความลำบากและเสียเวลากระไร
...
วันนี้
หลี่มู่กำลังตระเตรียมที่จะให้บทเรียนพิเศษแก่เสี่ยวชิงเอ๋อร์
เขาพาจงชิงเอ๋อร์ขึ้นเขามาเพียงลำพัง ไม่ว่านางจะมีชีวิตที่ย่ำแย่แค่ไหนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นางก็ไม่เคยก้าวเท้าออกจากขุนเขาที่เก้า
แม้กระทั่งครั้งหนึ่ง เมื่อปรมาจารย์ขุนเขาที่สามสร้างความอับอายให้แก่หลี่มู่ต่อหน้าสาธารณะ จงชิงเอ๋อร์ที่มักจะขี้อายอย่างยิ่งก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่นิด นางเปิดฉากโจมตีปรมาจารย์ขุนเขาที่สามด้วยความโกรธทันที
เหตุการณ์ครานั้นทำให้หลี่มู่ประทับใจมาก และยังคงอยู่ในความทรงจำของเขามาจนถึงตอนนี้
........
หลี่มู่มายังถ้ำของเสี่ยวชิงเอ๋อร์
เขาพบว่านางกำลังพับแขนเสื้อแล้วกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่...
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำอันใดอยู่?”
เสียงของหลี่มู่ทำเอาเสี่ยวชิงเอ๋อร์ตกใจ
นางยิ้มแสดงฟันเขี้ยวเสือตัวน้อยน่ารักสองซี่แล้วเอ่ยกับหลี่มู่: "ท่านปรมาจารย์ขุนเขา มิใช่ว่าครั้งที่แล้วท่านมอบหินวิญญาณระดับสูงให้ข้าหรอกรึ?"
“”เช่นนั้นข้าจึงลงเขาเพื่อซื้อแร่ผลึก เหล็กนิล และสิ่งของอื่น ๆ เพื่อซ่อมสนามฝึกฝนบนขุนเขาที่เก้าของเรา”
“ยังมีสถานที่ทรุดโทรมหลายแห่งด้วยเช่นกัน ข้าได้เปลี่ยนใหม่หมดแล้ว เพราะขุนเขาที่เก้าของเราถูกปล่อยร้างไว้มานาน ข้าจึงคิดว่าในเมื่อตอนนี้มีเงินแล้วก็ควรพยายามทำให้มีสีสันกว่านี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่มู่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
สาวน้อยคนนี้....
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงรู้สึกสะเทือนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เขาเป็นหนี้เสี่ยวชิงเอ๋อร์อย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้
หลายปีมานี้ เขารู้สึกหดหู่ตลอดทั้งวัน นอนอาบแดดราวกับปลาเค็มโดยไม่ทำอะไร
เมื่อนึกถึงอดีตอย่างละเอียด เด็กผู้หญิงตัวเล็กไร้เดียงสาที่เขาหยิบขึ้นมาจากตีนเขาได้เติบโตเป็นหญิงสาวผู้สง่างามในตอนนี้แล้ว
ตลอดหลายปีมานี้ ดูเหมือนว่านางจะคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ “สั่งสอน” และ “จู้จี้” เขาตลอดทั้งวัน
เขาไม่มีรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายกับอาจารย์เลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”
“ในอนาคต ขุนเขาที่เก้าของเราจะไม่รับสมัครศิษย์คนอื่น ไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อมสนามฝึกฝนหรืออะไรแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ขุนเขา เสี่ยวชิงเอ๋อร์ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเท้ามือบนสะโพกของนางแล้วเอ่ยด้วยความโกรธ: "ปรมาจารย์ขุนเขา!"
"ท่านโกหกข้า!"
“ครั้งที่แล้วท่านพูดอย่างชัดเจนว่าจะหันมาใส่ตัวเอง เลิกหดหู่ตลอดทั้งวัน และฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของขุนเขาที่เก้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่มู่ก็รู้สึกขบขันกับรูปลักษณ์ที่น่ารักและเอาจริงเอาจังของเสี่ยวชิงเอ๋อร์
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
“ใครบอกว่าเพื่อให้ขุนเขาที่เก้าของเราผงาดขึ้น เราต้องรับศิษย์”
“นับแต่จากนี้ไป เจ้าจะต้องมุ่งเน้นไปที่การบำเพ็ญเพียรเท่านั้น ส่วนสิ่งอื่นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าของหลี่มู่ก็สงบนิ่ง
“มานี่ ข้าจะสอนวิชาให้”
ได้ยินคำพูดนี้
เสี่ยวชิงเอ๋อร์ก็เดินไปหาหลี่มู่
เสี่ยวชิงเอ๋อร์ในวันนี้โตขึ้นมาก เมื่อก่อนนางสูงแค่เอวของหลี่มู่ แต่ตอนนี้นางถึงไหล่ของหลี่มู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น ยิ่งนางโตมากขึ้น นางก็ยิ่งงดงามขึ้น และยิ่งมีรูปร่างหน้าตาเป็นหญิงสาวผู้สง่างามยิ่งขึ้น แล้วเมื่อยิ่งนางอายุมากขึ้น ความสวยของนางก็จะยิ่งน่าทึ่งมากขึ้น
บางครั้งหลี่มู่ก็สงสัยว่าสิ่งที่เขาหยิบขึ้นมาจากตีนเขาตอนนั้นมิใช่เด็กกำพร้า แต่เป็นองค์หญิงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามิได้สอนเสี่ยวชิงเอ๋อร์เท่าใดนัก และเขาก็มิได้ให้ความสนใจกับการบำเพ็ญของนางมากนัก
แต่... ความเร็วในการบำเพ็ญของเสี่ยวชิงเอ๋อร์กลับรวดเร็วอย่างมาก
เมื่อจิตสำนึกของเขาตกลงบนตัวของเสี่ยวชิงเอ๋อร์ เขากำลังจะตรวจสอบว่าในช่วงนี้นางกำลังบำเพ็ญอย่างไร
ทันใดนั้น
รูม่านตาของหลี่มู่หดแคบลง ราวกับว่าเขาได้ค้นพบบางสิ่งที่ร้ายกาจ...