ตอนที่ 29 ศิษย์พี่ไป่กำลังจะร้องไห้
เฟิงหยูเตี๋ยขึ้นไปบนลาน
พอเห็นท่าทางนาง ไป่เยวี่ยซินก็อารมณ์ไม่ดี พวกเขาต้องเรียกสามครั้งกว่านางจะขึ้นมา และมันดูเหมือนคนที่มากับนางจะเป็นคนโยนนางขึ้นมาด้วย
คนเช่นนี้ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติดีๆ
นางมองเฟิงหยูเตี๋ยและถาม“ไหนการคารวะ?!”
เฟิงหยูเตี๋ยรีบลุก เช็ดหน้า มองสองมือนาง ตระหนักว่ากระบี่นางยังอยู่ข้างเพ่ยเหลียนเสวี่ย
นางเดินไปขอบลานอย่างอึดอัด หยิบกระบี่ไม้ที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยโยนขึ้นมาตามและชั่งน้ำหนักในมือ
“อืม!”
หลังจากนั้ นางก็กลับไปลางลาน ก้มหัวอย่างเคารพ
“โปรดชี้แนะด้วย ศิษย์พี่”
“ศิษย์พี่?”ไป่เยวี่ยซินไม่พอใจ“เจ้ายังไม่ถูกยอมรับ เจ้าควรเรียกข้าว่าผู้อาวุโสแทน”
“โอ้..โปรดชี้แนะข้าด้วย ผู้อาวุโส..”
ไป่เยวี่ยซินขมวดคิ้วและเพ่งมองเด็กสาวผมเงิน ผมเงินนางหายากจริงๆ และอย่างแปลก มันทำให้นางดูเหมือนเทพธิดา
บางทีคงเพราะนางอิจฉาหน้าตานั้น หรือเพราะนางรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่จริงจังกับนาง นางเลยโกรธแบบไม่มีเหตุผล
ยังไงซะ ผลลัพธ์ของการทดสอบกระบี่ก็อยู่ในมือนาง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางจะไม่เอาจริง ไม่งั้น ผู้บ่มเพาะหลอมลมปราณเหล่านี้คงทนไมได้สักกระบวนท่าเดียว
แต่เด็กสาวคนนี้..
ไป่เยวี่ยซินอยากสั่งสอนนางให้จำและวางแผนจะโค่นนางในสองกระบวนท่า
นางร่ายรำกระบี่ไม้ในมือขวา เชิดคางให้เฟิงหยูเตี๋ย“มา”
เฟิงหยูเตี๋ยพยักหน้า มองไป่เยวี่ยซิน และเตือนนางด้วยเสียงต่ำ”ผู้อาวุโส ระวังด้วย’
จากนั้น นางก็สูดหายใจ ก้าวไปและในชั่วพริบตา นางก็ไปปรากฏต่อหน้าไป่เยวี่ยซิน
ฉั้ว
แสงเย็นไหววูบ และเสียงกระบี่แทงอากาศก็ดัง
ไป่เยวี่ยซินแทบไม่ทันตอบสนอง แต่ก็ยังยกกระบี่ไม้ขึ้นกัน
แต่ วินาทีที่นางกันกระบี่ของเฟิงหยูเตี๋ย นางก็รู้สึกว่ากระดูกข้อมือที่ถือกระบี่ส่งเสียง กระบี่ของเฟิงหยูเตี๋ยหนักเหมือนภูเขาหิน
วินาทีต่อมา เปราะ! กระบี่ไม้ที่นางถือหักเป็นสองท่อน
เฟิงหยูเตี๋ยตกใจและรีบเปลี่ยนทิศทางกระบี่
กระบี่ที่เหวี่ยงใส่คอของไป่เยวี่ยซินสะบัดขึ้น เกือบฟาดปลายจมูกนาง
“..”
กระบี่ไม้ครึ่งท่อนตกลงพื้นและไป่เยวี่ยซินก็ยืนตัวแข็งกับที่
นางมองกระบี่ไม้หักในมือ และจากนั้นก็กระบี่ไม้สมบูรณ์ในมือเฟิงหยูเตี๋ย
กระบี่ปะทะกัน แล้วทำไมกระบี่ของเฟิงหยูเตี๋ยถึงอยู่ดี?
“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ยอมให้ข้าชนะ”เฟิงหยูเตี๋ยถอยไปสองก้าว ประสานมือคารวะ
ในการปะทะครั้งเดียว ผู้ชนะถูกตัดสิน
ศิษย์ที่จดบันทึกเองก็ตะลึง
ดั่งคำที่บอก’ผู้ชมจะเห็นได้ชัดกว่า’ แต่ในฐานะผู้ชม เขากลับมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเฟิงหยูเตี๋ยเลย เขาแค่ได้ยินเสียงเปราะ และมันก็จบ
เขามองไป่เยวี่ยซิน สลับมองเฟิงหยูเตี๋ย ลังเลสักพักและตะโกน“เฟิงหยูเตี๋ยชนะ!”
เวลานี้ ทั้งลานที่เคยเต็มไปด้วยเสียงตกสู่ความเงียบ
แม้กระทั่งศิษย์ที่แข่งขันกันบนลานอื่นก็ยังหยุด หันมามองทางลานอยดเขาเมฆาสวรรค์
นั่นคือยอดเขาเมฆาสวรรค์ ฝั่งของศิษย์ผู้บ่มเพาะกระบี่
ผู้บ่มเพาะกระบี่แพ้ผู้บ่มเพาะหลอมลมปราณ
การทดสอบกระบี่ปีนี้ต่างจากก่อนหน้า
ในการทดสอบกระบี่ครั้งก่อน มีผู้อาวุโสมาดูแค่หนึ่งหรือสอง
แต่ตอนนี้ มาถึงห้า แถมนกกแก้วของประมุขก็ยังมา
แม้กระทั่งศิษย์จากยอดเขาน้ำพุจันทร์ ที่อ่อนแอในเพลงกระบี่ ก็ยังกังวลว่าจะแพ้ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกและทำตัวเองขายหน้าก็ยังไม่แพ้เลย
ทว่า ตอนนี้มีคนแพ้ก่อนแล้ว
ทุกคนมองไป่เยวี่ยซินอย่างเห็นใจ คิดว่านางคงโดนผู้อาวุโสยอดเขาเมฆาสวรรค์ลงโทษอย่างหนักหลังกลับไป
ไป่เยวี่ยซินยืนออึ้ง ยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิด
แต่กระบี่หักบนพื้น และในมือทำให้ไม่มีทางปฏิเสธ
อย่างน้อย ถ้าสู้กันไปอีกสักพัก มันคงดีกว่านี้ แต่นี่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา..
ไป่เยวี่ยซินเงยหน้า มองลานทดสอบกระบี่อื่นและพอเห็นสายตาสงสารของคนอื่น นางก็รู้สึกอายจนขาสั่น หูแดง
น้ำตาเริ่มเอ่อล้น
พอเห็นสภาพนาง ศิษย์ที่บันทึกก็เตือนนางโดยใช้คลื่นเสียง[อย่ายืนเฉย สหายไป่!รีบคารวะและบอกนางให้ลงไป]
“โอ้…”พอได้ยินเสียงเตือน ไป่เยวี่ยซินก็ตกใจแต่ก็กลั้นน้ำตาไว้และก้มหัวให้เฟิงหยูเตี๋ย“อา..ข้า..ยอมรับความพ่ายแพ้”
เฟิงหยูเตี๋ยมองหน้านางและพอเห็นว่านางกำลังจะนั่งตาไหล นางก็รีบพูดเพื่อปลอบ”ผู้อาวุโส ชนะหรือแพ้เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลมาก และการแพ้ข้าก้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย’
แม้เฟิงหยูเตี๋ยจะอยากปลอบนาง แต่คำปลอบนี้ก็เหมือนมีดแทงหัวใจ
“..”
ไป่เยวี่ยซินสะอื้น ก้มหัวและแตะหน้าด้วยแขนเสื้อ พยายามซ่อนน้ำตา
ศิษย์ที่บันทึกมองเฟิงหยูเตี๋ย“รีบลงไปได้แล้ว!”
เฟิงหยูเตี๋ยเข้าใจและก้มหัวอีกครั้ง จากนั้นก็เก็บกระบี่ไม้เข้าที่ กระโดดลงไปและวิ่งกลับไป
นางไปหาพวกเพ่ยเหลียนเสวี่ย เฟิงหยูเตี๋ยถูจมูกและยิ้มโง่ๆ
“เป็นไง ข้าเก่งไหม?”
“เจ้า..”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวเม้มปาก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เดิมนางคิดว่านางจะได้ที่หนึ่งและอวดความก้าวหน้าให้แม่นางดูหลังทนได้ถึงสิบนาที
แต่ตอนนี้ แสงทั้งหมดโดนยัยโง่ผมเงินนี่เอาไป
นางกำหมัด แต่ยังพยักหน้า“อืม เจ้าเก่งจริงๆที่เอาชนะศิษย์ของยอดเขาเมฆาสวรรค์ได้”
“ฮี่ๆ”เฟิงหยูเตี๋ยหัวเราะ ขยิบตาให้เพ่ยเหลียนเสวี่ย“แม่นางเพ่ย ไหนละ..กอดที่สัญญา?”
“ข้าไปสัญญาตอนไหน?”เพ่ยเหลียนเสวี่ยทำท่ารังเกียจ แค่ติดว่านางอาจได้เจอผู้ทดสอบสาวคนนั้น นางก็ถามใหม่“นางเก่งไหม?”
“อืม..”เฟิงหยูเตี๋ยคิดสักพัก จากนั้นก็ยกนิ้วโป้ง“แม่นางเพ่ย มันไม่ใช่ปัญหา ถ้าเจ้าถูกเลือก เจ้าจะชนะง่ายๆ!”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าอ่อนๆเหมือนนางขาดความมั่นใจ
และครั้งนี้ ชื่อของเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็ถูกเรียกขึ้นลานทดสอบกระบี่ของยอดเขาเมฆาสวรรค์ แต่เพราะนางเป็นศิษย์ติดตาม จึงมีชื่อเพิ่มเข้ามา
“ต่อไป เพ่ยเหลียนเสวี่ย สหายของเฟิงหยูเตี๋ย ลานทดสอบกระบี่ยอดเขาเมฆาสวรรค์!”
“อา…ข้าอยู่นี่!!!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยดีดตัวขึ้นทันทีและชูแขนสูง
เสี่ยวอวิ๋นหลัวงมองนางแปลกๆและถาม“เจ้าทำอะไร?”
“เอ่อ..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยอธิบายอย่างอึดอัด”พี่ชายบอกข้า หากถูกเรียก ให้ตะโกนดังๆว่า’ข้าอยู่นี่!’..ข้าแค่ชิน..’
เสี่ยวอวิ๋นหลัวพูด“พี่ชายเจ้าแปลกจริงๆ”
“พี่ชายข้าแปลกจริง”พอนึกถึงหน้าพี่ชายนาง นางก็ยิ้มอายๆ“ฮี่ๆ”
“ขึ้นไปได้แล้ว”